fbpx

“ศักดิ์สยาม” ย้ำต่อสัมปทานรถไฟฟ้าสีเขียว ต้องติดกระดุมเม็ดแรกให้ถูก

กรุงเทพฯ 21 ต.ค.-รมว.คมนาคม ระบุการต่อสัมปทานรถไฟฟ้าสีเขียว ที่ถูกถอนจากการพิจารณา ครม.เมื่อวันที่ 19 ต.ค.ที่ผ่านมา ไม่ได้เป็นเรื่องไปขัดขวางใคร พร้อมย้ำจุดยืน ก.คมนาคม ในเรื่องนี้ ต้องติดกระดุมเม็ดแรกให้ถูกต้อง ดำเนินการตามกฎหมาย และมติ ครม.เดิมให้ครบถ้วน

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวถึงกรณี กระทรวงมหาดไทย ได้ขอถอนวาระ การพิจารณาต่ออายุสัมปทานโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ออกจากการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 19 ตุลาคมที่ผ่าน และมีรายงานข่าวระบุว่า มาจากการที่กระทรวงคมนาคม ไม่เห็นด้วยนั้น


นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า เรื่องนี้ ยังไม่ได้เข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี แต่ทางเลขาธิการ ครม.ได้แจ้งว่าทางกระทรวงมหาดไทยได้ขอนำวาระออกก่อน โดยยืนยันว่า เรื่องนี้ไม่ได้เป็นเรื่องการขวางอะไรใคร แต่เป็นจุดยืนยืนที่กระทรวงคมนาคม ยืนยันไปก่อนหน้านี้ ที่ต้องดำเนินการเรื่องดังกล่าว ให้ถูกต้องตามกรอบของกฎหมาย และถูกต้องตามมติคณะรัฐมนตรีที่มีในอดีต ซึ่งควรจะต้องดำเนินการให้ครบถ้วน เพราะกรณีนี้เป็นการบริหารบริการสาธารณะซึ่งมีผลกระทบต่อประชาชน หากมีผู้ร้องในอนาคตก็อาจจะเกิดความเสียหายได้

“กระทรวงคมนาคมเห็นข้อมูลว่ามีบางเรื่องที่ยังต้องทำให้ครบถ้วนก่อน เช่น เรื่องการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี ปี 2561 เรื่องการโอนกรรมสิทธิ์ รวมถึงข้อพิพาทที่เกิดขึ้นในปี 2558 และล่าสุด BTS ได้ยื่นฟ้องกรุงเทพมหานครอยู่ หากกระดุมตั้งแต่เม็ดแรกผิดกระดุมเม็ดต่อไปก็จะผิดตามด้วย” นายศักดิ์สยามกล่าว


ส่วนจะนัดหารือเรื่องนี้กับกรุงเทพมหานคร และกระทรวงมหาดไทย นั้น เรื่องนี้ได้มีการตั้งคณะทำงาน และโดยได้มอบหมายให้ปลัดกระทรวงคมนาคม ดำเนินการหารือไปแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุม ครม.ในวันที่ 19 ต.ค. ซึ่งเดิมมีวาระการประชุม ที่กระทรวงมหาดไทยเสนอบรรจุวาระ ขออนุมัติเห็นชอบร่างสัญญาร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ต่อ ครม.ที่จะต่อขยายสัญญาสัมปทานให้บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอส อีก 30 ปี จากเดิมสัญญาสัมปทานจะสิ้นสุดในปี 2572 ขยายต่อไปให้สิ้นสุดในปี 2602 โดยระบุว่า จะจัดเก็บตลอดสายที่ 65 บาท แต่มีรายงานว่า พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงมหาดไทยได้ขอถอนวาระดังกล่าวออกไปก่อน

ทั้งนี้การพิจารณาดังกล่าว ก่อนหน้านี้เมื่อ 13 ส.ค. 2563 ได้เคยมีการนำเรื่องดังกล่าว เสนอเข้าสู่การพิจารณาของครม.มาแล้ว แต่มีการถอนเรื่องจากการพิจารณาเช่นกัน โดยนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ไปศึกษารายละเอียดเรื่องนี้ให้เกิดความชัดเจน


โดยก่อน ครม.ได้ขอความเห็นประกอบการพิจารณาเรื่องนี้ จากกระทรวงคมนาคม ซึ่งกระทรวงคมนาคมได้เสนอความเห็นประกอบการพิจารณาของ ครม. หลายครั้งว่ากระทรวงคมนาคมยืนยันตามหลักการ 4 ประเด็นที่ไม่เห็นด้วย ตามข้อเสนอของกระทรวงมหาดไทยและขอให้กรุงเทพมหานคร ดำเนินการเพื่อให้เกิดความชัดเจน ประกอบด้วย 1.ประเด็นความครบถ้วนตามหลักการของ พ.ร.บ.การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ.2562 2.ประเด็นการคิดอัตราค่าโดยสารที่เหมาะสมและเป็นธรรมแก่ผู้ใช้บริการ เพื่อส่งเสริมให้ผู้มีรายได้น้อยมาใช้บริการ รวมทั้งรถไฟฟ้าสายสีเขียวสามารถกำหนดอัตราค่าโดยสารสูงสุดได้ต่ำกว่า65บาท

  1. ประเด็นการใช้สินทรัพย์ของรัฐที่ได้รับโอนจากเอกชนให้เกิดประโยชน์สูงสุด ควรพิจารณาให้เกิดความถ่องแท้ถึงการใช้สินทรัพย์ และ 4. ประเด็นข้อพิพาททางกฎหมาย ซึ่งเกิดจาก กทม.ได้ทำสัญญาจ้างบริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เดินรถส่วนต่อขยายที่ 1 และส่วนต่อขยายที่ 2 ไปจนถึงปี 2585 และได้ไต่ สวนข้อเท็จจริงของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติจึงควรรอผลการไต่สวนก่อน

ผู้สื่อรายงานด้วยว่า จากข้อมูลที่กระทรวงคมนาคม ได้ตรวจสอบ ขั้นตอนกฎหมาย และสัญญาที่ กทม. ผูกพันไว้กับคู่สัญญาเดิม กระทรวงคมนาคมเห็นว่า 1.หาก กทม.จะขยายต่อสัญญาสัมปทาน ในช่วงที่ยังไม่มีกรรมสิทธิ์ถูกต้อง ในโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายทั้งช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ และช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต กระทรวงคมนาคมเห็นว่า ควรให้ กทม.ชำระหนี้สิน ค่าก่อสร้างส่วนต่อขยาย ให้แก่ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย หรือ รฟม.ก่อน เพื่อให้เป็นไปตามมติ ครม.และกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ให้เรียบร้อย ก่อนที่จะเริ่มกระบวนการจัดหาผู้ให้บริการในโครงข่ายสีเขียวส่วนต่อขยาย 2.หาก กทม.ไม่มีความประสงค์ให้บริการสายสีเขียวส่วนต่อขยายต่อไป ด้วยการไม่ปฏิบัติตามมติ ครม. เมื่อ 26 พ.ย.2561 กระทรวง คมนาคม เห็นว่า ควรให้เสนอครม.ทบทวนมติ ครม.เมื่อ 26 พ.ย.2561 และมอบหมายให้รฟม.ดำเนินการตามระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป

3.หากจะมีการต่อขยายสัญญาสัมปทาน บริษัทผู้ถือสัมปทานต้องแจ้งความประสงค์ไปยัง กทม.ในเวลาไม่มากกว่า 5 ปี และไม่น้อยกว่า 3 ปี ก่อนวันสิ้นสุดสัญญา และต้องได้รับการอนุมัติจาก ครม.ก่อน ซึ่งเหตุผลที่ต้องกำหนดให้หน่วยงานของรัฐเจ้าของโครงการทราบก่อน เนื่องจากต้องให้หน่วยงานที่กำกับต้องพิจารณาความคุ้มค่าของโครงการร่วมทุน ที่เปลี่ยนแปลงไปทั้ง เรื่องอัตราเงินเฟ้อ และดัชนีผู้บริโภค 4.กรณี กทม.มีภาระหนี้จากการว่าจ้างเอกชน ติดตั้งระบบเดินรถไฟฟ้าและว่าจ้างเดินรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายทั้ง 2 ส่วน ที่ได้ดำเนินการ ในปี 2559 นั้น จึงต้องมีการตรวจสอบสัญญาว่ามีความชอบด้วยกฎหมาย ระเบียบการจัดซื้อจัดจ้างเป็นไปตามหลักธรรมาภิบาลหรือไม่ด้วย.- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบรอง ผอ.โรงเรียนดัง หน.แก๊งค้ายา พบข้าราชการเป็นลูกค้าเพียบ

รวบหัวหน้าแก๊งค้ายาเป็น “รอง ผอ.” โรงเรียนดังย่านปากเกร็ด พร้อมสมุน ขยายผลพบลูกค้าเป็นข้าราชการอีกจำนวนมาก

คนไทย-คนจีนขับรถไล่ชนกันหน้าคลับดังเมืองพัทยา คาดหึงหวงสาวที่มาด้วย

รถตู้ 3 คัน และรถฟอร์จูนเนอร์ 1 คัน ขับไล่ชนกันไปมา บริเวณหน้าคลับแห่งหนึ่งในเมืองพัทยา พบเป็นศึกระหว่างคนไทย 1 กลุ่ม และคนจีน 1 กลุ่ม สาเหตุคาดมาจากคนจีนหึงหวงแฟนสาวที่มาด้วย

ปัญหาต่างชาติในภูเก็ต ตอนที่ 3

ปัจจุบันการเข้ามาทำธุรกิจรถเช่าของต่างชาติที่ใช้คนไทยเป็นนอมินีในภูเก็ตมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น เช่นเดียวกับจำนวนอุบัติเหตุที่เกิดจากการขับขี่รถของชาวต่างชาติในภูเก็ตก็มากขึ้นด้วย ปัญหานี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ที่โยงใยไปถึงเรื่องของภาพลักษณ์ด้านความปลอดภัยทางการท่องเที่ยว ไม่เฉพาะแค่ภูเก็ต แต่เป็นของเมืองไทยด้วย

ศาลอาญาทุจริตฯ ยกฟ้อง คุณหญิงพรทิพย์ และพวก ในคดี GT200

ศาลอาญาทุจริตฯ ยกฟ้อง “คุณหญิงพรทิพย์” และพวกรวม 10 คน ในคดีจัดซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิด GT200 ของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์
ระบุไม่พบมีมูลความผิด ทุจริต มีการแสวงหาประโยชนแก่ตนเองและผู้อื่นโดยมิชอบ

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยไทยตอนบนอากาศร้อนจัดบางพื้นที่

กรมอุตุฯ เผยไทยตอนบนอากาศร้อนจัดบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศร้อนถึงร้อนจัดในระยะนี้ ส่วนภาคอีสานตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง

รถไฟฟ้าสายสีเหลือง ปรับแผนเดินรถจากเหตุขัดข้อง-ลดค่าโดยสาร 20%

รถไฟฟ้ามหานคร สายสีเหลือง ปรับแผนการเดินรถจากเหตุขัดข้อง ตามมาตรฐานความปลอดภัย พร้อมปรับลดค่าโดยสาร 20% จนกว่าจะเดินรถได้ตามปกติ

การรถไฟฯ แจ้งเหตุขบวนรถธรรมดาที่ 233 (กรุงเทพ-สุรินทร์) ตกราง

28 มี.ค. – การรถไฟแห่งประเทศไทย แจ้งเหตุขบวนรถธรรมดาที่ 233 (กรุงเทพ-สุรินทร์) ตกราง ส่งผลให้ขบวนรถเส้นทางสายตะวันออกเฉียงเหนือ ล่าช้า นายเอกรัช ศรีอาระยันพงษ์ หัวหน้าสำนักงานผู้ว่าการ การรถไฟแห่งประเทศไทย แจ้งว่า วันนี้ (28 มีนาคม 2567) เวลา 17.10 น. การรถไฟฯ ได้รับแจ้งเหตุขบวนรถธรรมดาที่ 233 (กรุงเทพ – สุรินทร์) ตกรางบริเวณหลักกิโลเมตรที่ 254/7-9 ระหว่างสถานีโคกกรวด – สถานีภูเขาลาด จังหวัดนครราชสีมา เนื่องจากมีต้นไม้ล้มกีดขวาง ส่งผลให้ขบวนรถในเส้นทางสายตะวันออกเฉียงเหนือเกิดความล่าช้า เบื้องต้นไม่มีผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บหรืออันตรายแต่อย่างใด และได้สั่งให้ฝ่ายเกี่ยวข้อง เร่งดำเนินการยกรถที่ตกรางดังกล่าว เพื่อให้สามารถเปิดการเดินรถในเส้นทางสายตะวันออกเฉียงเหนือได้ตามปกติโดยเร็ว โดยคาดการณ์ว่าจะสามารถยกขบวนรถที่ตกรางให้แล้วเสร็จ พร้อมเปิดใช้งานได้ตามปกติได้ภายในคืนนี้ ทั้งนี้ จำเป็นต้องขนถ่ายผู้โดยสาร จำนวน 2 ขบวน ดังนี้ การรถไฟฯ ต้องขออภัยมา ณ โอกาสนี้ ผู้โดยสารสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ โทรศัพท์ […]

ออกหมายเรียก “บิ๊กโจ๊ก” รอบ 3 หากไม่มา ชงศาลออกหมายจับ

คณะพนักงานสอบสวนชุดทำคดีเว็บพนันออนไลน์ “BNK Master” ออกหมายเรียก “บิ๊กโจ๊ก” รอบ 3 กำหนดเข้าพบ 1 เม.ย.นี้ หากยังไม่มาเตรียมขอศาลออกหมายจับ