ธอส. เผยผลดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 64 ปล่อยสินเชื่อใหม่ 1.66 แสนล้าน

กรุงเทพฯ 17 ต.ค.- ธอส. เผยผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกปี 64 ปล่อยสินเชื่อใหม่ทำให้คนไทยมีบ้านได้แล้ว 1.66 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.53% จากช่วงเดียวกันของปี 2563


ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เปิดผลการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2564 ปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ 166,173 ล้านบาท 117,802 บัญชี เพิ่มขึ้น 6.53% จากช่วงเดียวกันของปี 2563 สินเชื่อคงค้างรวม 1,408,857 ล้านบาท สินทรัพย์รวม 1,455,358 ล้านบาท มีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) 4.52% และมีเงินสำรองจำนวน 108,201 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนต่อ NPL สูงถึง 169.80% ขณะที่ผู้ลงทะเบียนโครงการบ้านล้านหลังระยะที่ 2 ล่าสุด ณ วันที่ 17 ตุลาคม 2564 อยู่ที่ 58,955 ราย คิดเป็นวงเงินสินเชื่อ 70,746 ล้านบาท พร้อมช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 อย่างต่อเนื่อง โดยนับตั้งแต่ปี 2563 ถึงปัจจุบันเป็นระยะเวลา 21 เดือน มีจำนวนลูกค้าเข้ามาตรการช่วยเหลือของ ธอส. รวมสูงสุดถึง 968,555 บัญชีเงินต้นคงเหลือ 842,056 ล้านบาท    

นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงาน ณ ไตรมาสที่ 3 ของปี 2564 ว่าแม้สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และรายได้ของประชาชน แต่ ธอส. ในฐานะสถาบันการเงินของรัฐ ที่มีพันธกิจ “ทำให้คนไทยมีบ้าน” ยังคงสนับสนุนนโยบายของรัฐบาล และกระทรวงการคลัง ในการยกระดับคุณภาพชีวิต และความมั่นคงในด้านที่อยู่อาศัยให้กับประชาชน ณ วันที่ 30 กันยายน 2564 ธอส. สามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้จำนวน 166,173 ล้านบาท 117,802 บัญชี เพิ่มขึ้น 6.53% จากช่วงเดียวกันของปี 2563 คิดเป็น 77.06% ของเป้าหมายสินเชื่อปล่อยใหม่ปี 2564 ที่ 215,641 ล้านบาท  ณ สิ้นไตรมาสที่ 3/2564 ธนาคารมียอดสินเชื่อคงค้างรวมทั้งสิ้น 1,408,857 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.66% จาก ณ สิ้นปี 2563 สินทรัพย์รวม 1,455,358 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.42% เงินฝากรวม 1,231,713 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.03% หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) จำนวน 63,723 ล้านบาท คิดเป็น 4.52% ของยอดสินเชื่อรวม เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับตลาด (สิ้นปี 2563 ธอส.มี NPL อยู่ที่ 3.75%) โดยมีการตั้งสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเพื่อความมั่นคงและเตรียมพร้อมรองรับผลกระทบจาก COVID-19 ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตที่ 108,201 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนต่อ NPL สูงถึง 169.80% โดยยังคงมีกำไรสุทธิตามตัวชี้วัดของธนาคารที่ 8,966 ล้านบาท และมีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) อยู่ที่ระดับแข็งแกร่ง โดย ณ เดือนสิงหาคม 2564 อยู่ที่ 15.36% สูงกว่าอัตราเงินกองทุนขั้นต่ำที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำหนดที่ 8.50% ทั้งนี้ ปัจจัยหลักที่ทำให้ธนาคารปล่อยสินเชื่อได้อย่างต่อเนื่องยังคงเกิดจากความต้องการของประชาชนที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยด้วยผลิตภัณฑ์สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำของ ธอส.และมีปัจจัยเสริมจากการจัดโปรโมชันต่าง ๆ ของผู้ประกอบการ ทำให้ต้นทุนในการมีที่อยู่อาศัยของประชาชนต่ำลง รวมทั้งนโยบายต่าง ๆ ของรัฐบาลที่ออกมาช่วยเหลือประชาชน ทั้งนี้ ธอส. ยังคงเป็นผู้นำในตลาดด้วยการครอง ส่วนแบ่งตลาดสินเชื่อที่อยู่อาศัยคงค้างกว่า 31.4% และมั่นใจว่า ณ สิ้นปี 2564 การปล่อยสินเชื่อใหม่จะเป็นไปตามเป้าหมาย 215,641 ล้านบาท 


ปัจจัยสำคัญที่ทำให้การดำเนินงานของธนาคารยังคงเป็นไปตามเป้าหมายได้นั้น เกิดจากการทำการตลาดที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล (Data Driven Marketing) ซึ่งธนาคารได้ทำ GHB Data Analytics นำฐานข้อมูลลูกค้ามาวิเคราะห์ด้วยเทคโนโลยีเพื่อทำนายหากลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่สนใจใช้บริการผลิตภัณฑ์ของธนาคารทั้งลูกค้าปัจจุบันและลูกค้าใหม่ รวมถึงพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับความต้องการของลูกค้ามากขึ้น ล่าสุดยังได้ขยายกรอบวงเงินผลิตภัณฑ์สินเชื่อ โครงการบ้าน ธอส. เพื่อคุณ ปี 2564 เพิ่มขึ้นอีก 20,000 ล้านบาท จากกรอบวงเงินเดิม 50,000 ล้านบาท รวมเป็น 70,000 ล้านบาท เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ลูกค้าในช่วง COVID-19 ซึ่งปัจจุบันมียอดอนุมัติ 47,045  ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย ปีแรกเพียง 2.75% ต่อปี ให้กู้รายละไม่เกิน 3 ล้านบาท สำหรับประชาชนทั่วไปที่มีรายได้ไม่เกิน 35,000 บาท/เดือน และไม่เคยมีประวัติการผ่อนชำระสินเชื่อที่อยู่อาศัยกับ ธอส. หรือ สถาบันการเงินอื่น  

สำหรับความคืบหน้าในการดำเนินโครงการตามนโยบายรัฐบาล โครงการบ้านล้านหลัง ระยะที่ 2 อัตราดอกเบี้ยต่ำ 1.99% ต่อปี นาน 4 ปีแรก เงินงวดคงที่ 84 งวดแรก ( 7 ปี ) ให้กู้เพื่อซื้อที่อยู่อาศัยในระดับราคาซื้อ-ขายไม่เกิน 1,200,000 บาท โดยเปิดให้ลงทะเบียนผ่าน Mobile Application : GHB ALL ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 10 กันยายน 2564 เป็นต้นมา ล่าสุด ณ วันอาทิตย์ที่ 17 ตุลาคม 2564 เวลา 12.00 น. มีลูกค้าลงทะเบียนเพื่อรับรหัสเข้าร่วมโครงการแล้ว 58,955 ราย คิดเป็นวงเงินสินเชื่อ 70,746  ล้านบาท โดยมีลูกค้าที่เอกสารพร้อมและยื่นกู้ที่สาขาของธนาคารแล้ว 1,976 ราย วงเงินสินเชื่อ 1,688 ล้านบาท ซึ่งธนาคารได้อนุมัติสินเชื่อแล้วจำนวน 1,388 ราย วงเงินสินเชื่อ 1,129 ล้านบาท   

ขณะที่ การให้ความช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบด้านรายได้จาก COVID-19 ซึ่ง ธอส. ได้ให้ความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2563 ถึงปัจจุบันเป็นระยะเวลา 21 เดือน รวม 20 มาตรการ มีจำนวนลูกค้าเข้ามาตรการรวมสูงสุดเป็นจำนวนถึง 968,555 บัญชี เงินต้นคงเหลือ 842,056 ล้านบาท ส่วนใหญ่กว่า 87.5 % สามารถปรับตัวและกลับมาผ่อนชำระตามปกติได้แล้ว ปัจจุบันยังมีลูกค้าที่อยู่ระหว่างการรับความช่วยเหลือตามมาตรการจำนวน 120,965 บัญชี เงินต้นคงเหลือ 120,337 ล้านบาท ล่าสุดธนาคารได้ประกาศขยายระยะเวลาความช่วยเหลือลูกค้าเดิมที่อยู่ระหว่างการใช้มาตรการตาม “โครงการ ธอส. รวมไทยสร้างชาติ” จำนวน 8 มาตรการ โดยเปิดให้ลงทะเบียนแจ้งความประสงค์ตั้งแต่วันที่ 8 – 29 ตุลาคม 2564 ผ่าน Application : GHB ALL หรือ GHB Buddy บน Application Line เพื่อขอรับการขยายระยะเวลาความช่วยเหลือต่อไปถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 ล่าสุด ณ วันที่ 17 ตุลาคม 2564 เวลา 12.00 น. มีลูกค้าลงทะเบียนแจ้งความประสงค์ขอขยายความช่วยเหลือแล้ว 41,369 บัญชี เงินต้นคงเหลือ 44,526 ล้านบาท 


นอกจากนี้ เพื่อเป็นการรองรับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าประชาชนที่เปลี่ยนแปลงไปตามวิถีชิตใหม่(New Normal) ธอส. จึงได้ปรับแผนยุทธศาสตร์ธนาคารให้ก้าวไปสู่การเป็น Digital Bank อย่างเต็มรูปแบบเร็วขึ้นในปี 2565 โดยการพัฒนาบริการใหม่บน Application : GHB ALL อย่างต่อเนื่อง เช่น บริการล่าสุดสำหรับกรณีลูกค้าที่เคยสมัคร และลงทะเบียน GHB ALL ไว้แล้ว หากเปลี่ยนโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่ สามารถยืนยันตัวตนผ่านโทรศัพท์มือถือได้ด้วยตัวเองเพื่อใช้งาน GHB ALL ได้ต่อเนื่องโดยไม่ต้องเดินทางไปสาขาธนาคาร เริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่ 18 ตุลาคม 2564 ล่าสุดมีลูกค้าทำธุรกรรมผ่าน GHB ALL ณ วันที่ 30 กันยายน 2564 สูงถึง 1,019,402 รายการ เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2563 ถึง 34.21% โดยมีจำนวนผู้สมัครใช้งาน Application : GHB ALL แล้วเป็นจำนวน 1,142,257 ราย และปัจจุบันธนาคารยังมีแผนการพัฒนาและปรับปรุง Application : GHB ALL ให้ใช้งานได้สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น ด้วยฟังก์ชันที่รองรับบริการใหม่ๆ อาทิ การยื่นขอสินเชื่อ Live Chat กับเจ้าหน้าที่ธนาคาร การซื้อ-ไถ่ถอนสลาก ออมทรัพย์แบบดิจิทัล และการลงนามสัญญาแบบ e-Signature เป็นต้น โดยคาดว่าการพัฒนาจะแล้วเสร็จและเปิดให้ลูกค้าใช้งานได้ภายในเดือนเมษายน 2565 ล่าสุด เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2564 ธอส. ได้เริ่มเปิดใช้งานระบบ GHB PDPA ซึ่งจัดทำขึ้นเพื่อรองรับการบริหารจัดการข้อมูลส่วนบุคคลให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 แสดงให้เห็นถึงการให้ความสำคัญในด้านการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลอย่างครบวงจร อาทิ ระบบ Consent และ Cookie Management เพื่อรองรับการขอความยินยอมของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในทุกช่องทางหลักของธนาคาร และระบบ Data Subject Right Management รองรับการใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล 

ขณะเดียวกัน ธนาคารยังเตรียมเพิ่มวงเงินสลากออมทรัพย์ชุดเกล็ดดาว หน่วยละ 5,000 บาท อีกจำนวน 10,000 ล้านบาท เพื่อรองรับความต้องการของประชาชนที่ต้องการออมเงินที่ให้ผลตอบแทนดีและมีโอกาสถูกรางวัลสูง ล่าสุด ณ วันที่ 18 ตุลาคม 2564 มียอดจำหน่ายแล้ว 8.8 ล้านหน่วย หรือคิดเป็นมูลค่าถึง 44,000 ล้านบาท ทั้งนี้ ธนาคารยังเตรียมนำเงินที่ได้จากการจำหน่ายสลากบางส่วนไปปล่อยกู้ให้กับผู้ประกอบการนำไปพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยระดับราคาซื้อ-ขายต่อหน่วย ไม่เกิน 1.2 ล้านบาท ตามเงื่อนไขของโครงการบ้านล้านหลัง ระยะที่ 2 รวมถึงนำเงินจากการจำหน่ายสลากเกือบทั้งหมดไปปล่อยสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำวงเงินกู้ไม่เกิน 3 ล้านบาท สำหรับกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและปานกลางอีกด้วย นอกจากนี้ยังได้ช่วยเหลือประชาชนที่ต้องการซื้อบ้านมือสอง เป็นทางเลือกเพิ่มเติมจากการซื้อบ้านมือหนึ่ง และประชาชนที่ต้องการขายบ้านได้บรรลุความต้องการของตัวเอง ด้วยการจัดทำโครงการ G H Bank Marketplace หรือ ตลาดนัดบ้านมือสอง ธอส. โดยผู้ที่ต้องการขายบ้านสามารถฝาก ธอส. ขายได้ฟรี!! ไม่เสียค่าธรรมเนียมนานถึง 6 เดือน โดยใช้ช่องทางออนไลน์ของ ธอส. ที่เจาะกลุ่มผู้สนใจซื้อบ้านมือสองโดยเฉพาะ คือเว็บไซต์ www.ghbhomecenter.com หรือ Application : GH Bank Smart NPA  

ทั้งนี้ จากการที่ ธอส. ได้บริหารจัดการโดยใช้ความรู้ เทคโนโลยี และความคิดสร้างสรรค์ มาประยุกต์ใช้เพื่อให้เกิดคุณค่าทั้งในเชิงธุรกิจและเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนขององค์กรอย่างต่อเนื่อง ทำให้เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2564 สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) ประกาศให้ ธอส. ได้รับรางวัลนวัตกรรมแห่งชาติ “ด้านองค์กรนวัตกรรมดีเด่น ประเภทรางวัลเกียรติคุณ ในกลุ่มองค์กรรัฐวิสาหกิจ” ประจำปี 2564 ซึ่งเป็นรางวัลนวัตกรรมอันทรงเกียรติสูงสุดของประเทศไทย และ ธอส. เป็นรัฐวิสาหกิจแห่งแรกในประเทศไทยที่ได้รับรางวัลนี้ สะท้อนความมุ่งมั่นพัฒนาองค์กรมาอย่างต่อเนื่อง และเป็นองค์กรแห่งนวัตกรรมโดยแท้จริงเพื่อเป็น “ธนาคารที่ดีที่สุดสำหรับการมีบ้าน” ต่อไป.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

แม่ “จ.ส.อ.ธวัชชัย” เปลี่ยนความเสียใจเป็นภาคภูมิใจ

มุกดาหาร 27 ก.ค. – แม่ “จ.ส.อ.ธวัชชัย” ซึ่งเสียชีวิตจากเหตุปะทะไทย-กัมพูชา เปลี่ยนความเสียใจเป็นภาคภูมิใจในตัวลูกชายที่ได้รับใช้ชาติ ที่จังหวัดมุกดาหาร ผู้ว่าราชการจังหวัด เชิญสิ่งของพระราชทานมอบให้ครอบครัว จ.ส.อ.ธวัชชัย บุสภา หรือ จ่าโต๋ ซึ่งเสียชีวิตบริเวณฐานปฏิบัติการฟ้าลั่น (เขาสัตตะโสม) อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จากเหตุปะทะและการยิงถล่มของกัมพูชาบริเวณเนิน 333 แม่ของ จ.ส.อ.ธวัชชัย บอกว่าตอนนี้ตนได้เปลี่ยนจากความเสียใจเป็นภาคภูมิใจในตัวลูกชายในการรับใช้ชาติ อีกทั้งครอบครัวได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถือเป็นบุญของลูกชายและครอบครัว ส่วนน้องชายที่เป็นทหารพรานอยู่ตอนนี้ก็ไม่ถอดใจ ส่วนที่ศาลาประชาคมชาวบ้านห้วยเตย ตำบลศรีสุขสำราญ อำเภออุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น เชิญธงชาติขึ้นสู่ยอดเสาพร้อมใจกันร้องเพลงชาติไทยดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ เพื่อแสดงพลังและส่งกำลังใจให้ทหารทุกนายที่ปฏิบัติหน้าที่ปกป้องรักษาชายแดนไทยและประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมเปิดจุดรับบริจาคสิ่งของเพื่อนำส่งความช่วยเหลือเจ้าหน้าที่และผู้ประสบภัย.-สำนักข่าวไทย

ชายแดนสุรินทร์ยังปะทะหนัก แม้ “ทรัมป์” เสนอเจรจาหยุดยิง

สุรินทร์ 27 ก.ค.-ชายแดนสุรินทร์ยังปะทะหนัก กัมพูชาเปิดฉากยิงใส่แต่เช้ามืด กระสุนบางส่วนตกใส่หมู่บ้านฝั่งไทย ขยายรัศมีไกลขึ้นเรื่อยๆ แม้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ เสนอเจรจาหยุดยิง แม้จะมีการเจรจาหยุดยิงผ่านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอเมริกา แต่ขณะที่ยังไม่มีการเจรจาทวิภาคี ระหว่างไทย-กัมพูชา เช้ามืดวันนี้ ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ ก็ยังมีการปะทะกันอย่างหนัก จนกระสุนมาตกสร้างความเสียหายให้ราษฎรไทยอย่างที่เห็น“ สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านปราสาทตาควายและตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เริ่มเปิดฉากปะทะกันตั้งแต่ช่วงตี 4 กระสุนจากการประทะบางส่วนเข้ามาตกในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ตำบลบ้านพลวง อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งปรากฏกระสุนรุกล้ำดินแดนไทยลึกเข้ามาเรื่อยๆ ส่งผลให้บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายทั้งหลัง และมีไฟลุกไหม้ เศษสังกะสี ซีเมนต์ วัสดุโครงสร้างบ้านปลิวกระจัดกระจาย เคราะห์ยังดี ที่เจ้าของบ้านอพยพออกนอกพื้นที่หมดแล้ว เพราะเจ้าหน้าที่ขอร้องให้อพยพออกไปเมื่อวานนี้ จึงไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต บางจุดลงฟาร์มวัววากิว ทำให้วัวตายไป 6 ตัว เจ้าของวัวเล่าว่า ตื่นขึ้นมาก็ได้ยินเสียงลูกปืนใหญ่ของ 2 ฝ่าย และสังเกตเห็นจรวด BM-21 พุ่งเข้ามาที่คอกวัว จึงได้หลบหาที่กำบัง พอเสียงเงียบ ตนก็รีบออกมาดู ก็พบว่า วัวของตนถูกกระสุนตายไป […]

บุรีรัมย์สั่งอพยพชาวบ้านเพิ่ม 3 อำเภอ

บุรีรัมย์ 27 ก.ค.-บุรีรัมย์ ประกาศให้ชาวบ้านอพยพเพิ่มอีก 3 อำเภอ หลังพื้นที่ปะทะและรัศมีอาวุธขยายไปไกลขึ้น ทั้งวัด โรงเรียน ศูนย์พักพิงชั่วคราว และ รพ.อีก 2 แห่ง ต้องอพยพผู้ป่วยด่วน เหลือเพียงหน่วยรับผู้ป่วยฉุกเฉิน ช่วงเวลาบ่าย 2-3 โมง เมื่อวานนี้ ในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ มีเสียงปืน เสียงระเบิดดังเป็นระยะ และมีกระสุนปืนใหญ่ ตกในพื้นที่ อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ จึงประกาศให้ชาวบ้านในพื้นที่ 3 อำเภอ คือ อ.ละหานทราย อ.เฉลิมพระเกียรติ และ อ.โนนดินแดง อพยพไปอยู่ตามบ้านญาติ หรือศูนย์พักพิงที่ห่างไกลจากรัศมีวิถีกระสุนปืนใหญ่ และอาวุธหนัก บางครัวเรือนก็มีลูกหลานมารับออกไปแล้ว ส่วนชาวบ้านที่ไม่มีรถยนต์ส่วนตัว ทางเจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงาน ก็ได้จัดรถไปช่วยอพยพชาวบ้านออกจากพื้นที่ด้วย ด้าน โรงพยาบาลในพื้นที่ 2 แห่ง คือ รพ.ละหานทราย และ รพ.เฉลิมพระเกียรติ ก็มีการอพยพผู้ป่วยออกจากโรงพยาบาลเช่นกัน รวมถึงให้แพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ถอนกำลังออกจากพื้นที่ เหลือไว้แค่หน่วยที่จะรับผู้ป่วยฉุกเฉิน […]

Trump says he is seeking a ceasefire between Thailand, Cambodia

“ทรัมป์” โยงเรื่องการค้ากับหยุดยิงไทย-กัมพูชา

เอดินบะระ 27 ก.ค.-  ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ พูดคุยกับผู้นำของทางการไทยและกัมพูชา โดยโยงเรื่องการเจรจาทางการค้ากับสหรัฐกับเรื่องหยุดยิงของทั้ง 2 ประเทศ ด้านนายกรัฐมนตรีมาเลเซียจะผลักดันข้อเสนอหยุดยิงระหว่างไทยและกัมพูชา ในระหว่างการเยือนสกอตแลนด์เมื่อวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น ประธานาธิบดีทรัมป์ได้โพสต์ในทรูธโซเชียลที่เป็นสื่อสังคมออนไลน์ของเขาเกี่ยวกับสถานการณ์ไทยและกัมพูชา 3 โพสต์ติดต่อกัน โพสต์แรกระบุว่า ได้หารือทางโทรศัพท์กับนายกรัฐมนตรี มาเนตกัมพูชาและนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษานายกรัฐมนตรีของไทย เรื่องการหยุดยิงและยุติสงครามที่กำลังดำเนินอยู่ สหรัฐซึ่งกำลังหารือทางการค้ากับทั้ง 2 ประเทศอยู่ในขณะนี้ไม่ต้องการทำข้อตกลงกับประเทศใดประเทศหนึ่งหากยังมีการสู้รบกันอยู่ กัมพูชาจะแสดงท่าทีเรื่องหยุดยิงหลังจากที่เขาได้คำตอบจากไทยในเรื่องนี้ นายทรัมป์ระบุด้วยว่า สถานการณ์ระหว่างไทยกับกัมพูชาทำให้เขานึกถึงสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างปากีสถานกับอินเดียที่ได้รับการยับยั้งเป็นผลสำเร็จ หลังจากนั้นราว 1 ชั่วโมง ประธานาธิบดีทรัมได้โพสต์ข้อความใหม่ว่า ได้สนทนากับรักษาการนายกรัฐมนตรีของไทย ฝ่ายไทยต้องการหยุดยิงและสันติภาพเช่นเดียวกับกัมพูชา และหลังจากนั้นไม่นานผู้นำสหรัฐโพสต์ข้อความที่ 3 ว่า เพิ่งเสร็จสิ้นการสนทนากับนายกรัฐมนตรีกัมพูชาและแจ้งเรื่องที่ได้หารือกับทางการไทย ทั้ง 2 ฝ่ายต้องการหยุดยิงและสันติภาพ และต้องการกลับมาเจรจาทางการค้ากับสหรัฐ โดยตกลงจะพบหารือและหาทางหยุดยิงโดยทันที ด้านนายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิมของมาเลเซีย เปิดเผยกับสื่อที่เมืองปุตราจายาเมื่อวานนี้ว่า จะเดินหน้าผลักดันข้อเสนอหยุดยิงระหว่างไทยและกัมพูชา ซึ่งยังคงมีการยิงปะทะกันอยู่ เขาได้ขอให้รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของมาเลเซียประสานงานกับรัฐมนตรีต่างประเทศของไทยและกัมพูชา และหากเป็นไปได้ เขาจะเข้าไปประสานงานด้วยตัวเองเพื่อหยุดยั้งการสู้รบ รอยเตอร์รายงานว่า กัมพูชาสนับสนุนข้อเสนอของนายอันวาร์ ส่วนไทยระบุว่า เห็นชอบในหลักการ.-820(814).-สำนักข่าวไทย