บีซีพีจี ตั้งเป้า Net Zero ปี 2030

กรุงเทพฯ 15 ต.ค.-บีซีพีจี ร่วมประกาศเจตนารมณ์สู้วิกฤตโลกร้อน ตั้งเป้า Net Zero ภายในปี  2030  จี้ภาครัฐต้องเร่งหาทางจัดการกับโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานรองรับ


นายบัณฑิต สะเพียรชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าได้เข้าร่วมเป็นหนึ่งในผู้นำองค์กรชั้นนำของไทยประกาศเจตนารมณ์ว่าด้วย “การป้องกันและแก้ไขปัญหาอันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ” ในงานสัมมนาออนไลน์  ‘GCNT Forum 2021: Thailand’s Climate Leadership Summit 2021’ ภายใต้แนวคิด ‘A New Era of Accelerated Actions’ พร้อมร่วมเสวนาในหัวข้อ “ทางออกในการบรรลุปัญหาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในกลุ่มธุรกิจพลังงาน” จัดโดยสมาคมเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กแห่งประเทศไทย ร่วมกับสหประชาชาติ เมื่อเร็วๆนี้

นายบัณฑิต กล่าวว่า ที่ผ่านมาบีซีพีจีดำเนินธุรกิจด้านการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสีเขียวควบคู่ไปกับการสร้างเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับชุมชน โดยบริษัทฯ กำลังก้าวเข้าสู่การเป็น Carbon Neutral ในต้นปี 2022 และตั้งเป้าเป็นองค์กรที่ปล่อยก๊าซสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ในอีก 10 ปีข้างหน้า ซึ่งล่าสุดบีซีพีจีเป็นหนึ่งในผู้จัดตั้ง Carbon Markets Club แพลทฟอร์มซื้อขายคาร์บอนเครดิต เพื่อเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนที่มีอุดมการณ์เดียวกันในการแก้ปัญหาโลกร้อนสามารถซื้อขายแลกเปลี่ยนคาร์บอนเครดิตกันได้ตามความสมัครใจ  


ณ ปัจจุบัน ภาครัฐมีนโยบายส่งเสริม Digital Energy ซึ่งเป็นสิ่งที่บีซีพีจีพัฒนามาตลอดกว่า 3 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะการเปิดโอกาสให้ประชาชนเป็นทั้งผู้ผลิต ผู้ใช้ และสามารถซื้อขายไฟฟ้าส่วนที่เหลือใช้ระหว่างกัน หรือที่เรียกว่า “Prosumer” ซึ่งจะเป็นผู้ที่ขับเคลื่อนให้เกิดการขยายตัวของเทคโนโลยีแบบทวีคูณ (Exponential)

“ต้นทุนของการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Rooftop) ที่ลดลง และนวัตกรรมทางการเงิน รวมถึงเทคโนโลยีระบบกักเก็บไฟฟ้า (Energy Storage System) จะส่งเสริมให้มีการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาพร้อมกับการติดตั้งแบตเตอรี่ เป็นจำนวนมาก และจากการที่บีซีพีจีได้ลงทุนในธุรกิจระบบกักเก็บไฟฟ้าในประเทศจีน ทำให้เราเชื่อมั่นว่าในเร็วๆ นี้ การพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรี่จะทำให้การใช้ไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดคุ้มค่าและแพร่หลายยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนสามารถใช้ไฟฟ้าได้ในราคาที่ถูกลงและสะอาดขึ้น ดังนั้นตัวจริงเสียงจริงที่จะเป็นนักพัฒนาและทำให้โลกใบนี้สะอาดขึ้นก็คือพวกเราทุกคน” นายบัณฑิตกล่าวเพิ่มเติม

อย่างไรก็ตาม ภาครัฐต้องเร่งหาทางจัดการกับโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานที่มีอยู่ในปัจจุบันซึ่งอาจจะไม่สามารถรองรับการพัฒนาเทคโนโลยีด้านพลังงานที่เป็นที่ต้องการของผู้บริโภคและช่วยแก้ปัญหาโลกร้อนได้อย่างทันที  ซึ่งราคาพลังงานที่ถูกลง ความเสถียรของพลังงานไฟฟ้าที่จ่ายเข้าระบบสายส่งและความสะอาดของพลังงานเป็นสิ่งที่รอไม่ได้-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง