กรุงเทพฯ 7 ต.ค.- สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) ร่วมกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และเคพีเอ็มจี ประเทศไทย จัดทำหลักสูตรเพื่อบ่มเพาะผู้ประกอบการที่เป็นสมาชิก โดยเฉพาะ SMEs และ Startups ที่มีศักยภาพและต้องการระดมทุนในตลาดทุนผ่าน “LiVE Exchange” เพื่อขยายธุรกิจให้เติบโตขึ้น
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า การส่งเสริมสมาชิกให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนในรูปแบบต่างๆ เป็นภารกิจที่สำคัญที่สภาอุตสาหกรรมฯ ดำเนินการมาโดยตลอด สำหรับการระดมทุนในตลาดทุนเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่สมาชิกให้ความสนใจ ซึ่งที่ผ่านมาการระดมทุนในตลาดทุนผ่าน SET และ mai ค่อนข้างยากสำหรับธุรกิจ SMEs และ Startups แต่ด้วยการพัฒนาตลาดหลักทรัพย์สำหรับ SMEs และ Startups หรือ LiVE Exchange ที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ และ ก.ล.ต. อยู่ระหว่างพัฒนากฎเกณฑ์และระบบงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง จะช่วยทำให้ผู้ประกอบการ SMEs และ Startups สามารถเข้าถึงการระดมทุนได้ง่ายขึ้น
“สมาชิกสภาอุตสาหกรรมฯ กว่าร้อยละ 80 เป็นผู้ประกอบการ SMEs รวมถึงกลุ่ม Startups ใหม่ๆ ที่เริ่มเข้ามาในเครือข่ายของสภาอุตสาหกรรมฯ การพัฒนา LiVE Exchange จะช่วยเปิดโอกาสให้สมาชิกที่มีศักยภาพและพร้อมที่จะขยายธุรกิจให้เติบโต มีแหล่งเงินทุนมารองรับ การจัดทำความร่วมมือในครั้งนี้ มุ่งเน้นการสนับสนุนการสร้างองค์ความรู้ให้กับสมาชิก โดยอยู่ระหว่างการพัฒนารูปแบบการจัดทำโครงการต่างๆ ร่วมกับตลาดหลักทรัพย์ฯ และเคพีเอ็มจี ซึ่งหากมีค่าใช้จ่ายในการเข้าร่วมโครงการ สภาอุตสาหกรรมฯ จะมีการกำหนดอัตราพิเศษสำหรับสมาชิก รวมถึงจะได้จัดหางบประมาณมาสนับสนุนช่วยเหลือค่าใช้จ่ายดังกล่าวในลำดับต่อไป” ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยกล่าว
นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ เล็งเห็นถึงความสำคัญในการสนับสนุนการเข้าถึงแหล่งเงินทุนผ่านกลไกตลาดทุนของผู้ประกอบการทุกขนาด เพื่อเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ โดยเฉพาะ SMEs และ Startups ตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงได้ร่วมกับสำนักงาน ก.ล.ต. พัฒนากฎเกณฑ์รองรับการระดมทุนในวงกว้าง (IPO) และเตรียมจัดตั้งตลาดรองสำหรับ SMEs และ Startups หรือ LiVE Exchange เพื่อเพิ่มช่องทางการระดมทุนสำหรับผู้ประกอบการและเพิ่มทางเลือกการลงทุนให้กับผู้ลงทุน โดยการพัฒนา LiVE Exchange ใช้แนวคิด Light-touch supervision โดยปรับกฎเกณฑ์ ที่เกี่ยวข้องให้เหมาะสม เพื่อให้ SMEs และ Startups เข้าถึงแหล่งเงินทุนในตลาดทุนได้ง่ายขึ้น ทั้งนี้ คาดว่าจะเปิดให้บริการ LiVE Exchange ได้ภายในสิ้นปี 2564
นอกจากนี้ เพื่อให้ SMEs และ Startups มีความพร้อมในการเข้าสู่ตลาดทุน กลุ่มตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้เปิดบริการ LiVE Platform โดยร่วมกับพันธมิตรทุกภาคส่วนกว่า 25 ราย พัฒนาองค์ความรู้ และบริการต่าง ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ประกอบการ อาทิ การเรียนรู้ผ่าน e-Learning บริการ Business Coaching เป็นต้น
นายเจริญ ผู้สัมฤทธิ์เลิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเคพีเอ็มจี ประเทศไทย กล่าวว่า เคพีเอ็มจี ประเทศไทยรู้สึกยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนร่วมในการช่วยเหลือและสนับสนุนการเติบโตของกลุ่มธุรกิจ SMEs และกลุ่ม Startups ให้มีศักยภาพและความพร้อมในการเข้าสู่ตลาดทุน เพราะกลุ่มธุรกิจเหล่านี้มีความสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย เคพีเอ็มจี ประเทศไทยมีประสบการณ์ ความเข้าใจ และความเชี่ยวชาญในการวิเคราะห์ รวมทั้งการบริหารจัดการปัญหาและอุปสรรคของผู้ประกอบการ ทั้งในด้านการขยายธุรกิจและการเข้าถึงแหล่งเงินทุนเป็นอย่างดี โดยเแต่ละองค์กรต้องคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ ให้ครบถ้วนและวิเคราะห์เชิงลึก ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยด้านดำเนินธุรกิจ การเงิน การบัญชี ข้อบังคับทางกฎหมายและภาษี เคพีเอ็มจี ประเทศไทย ในฐานะผู้ให้บริการด้านสอบบัญชี ภาษี กฎหมายและที่ปรึกษาธุรกิจ มีความพร้อม มีผู้เชี่ยวชาญ และมีเครือข่ายเข้าถึงความรู้ เทคโนโลยี และผู้เชี่ยวชาญจากทั่วโลก เราพร้อมที่จะสนับสนุนในการร่วมยกระดับกลุ่มธุรกิจ SMEs และกลุ่ม Startups โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดทำโปรแกรมบ่มเพาะที่ได้รวบรวมความรู้ที่จำเป็น และจัดทำเป็นหลักสูตรเฉพาะให้กับ SMEs และ Startups โดยเคพีเอ็มจี ประเทศไทย หวังเป็นอย่างยิ่งว่าความร่วมมือครั้งสำคัญนี้จะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยพัฒนาและสร้างความแข็งแกร่งให้กับเศรษฐกิจไทยได้อย่างยั่งยืน.-สำนักข่าวไทย