กรุงเทพฯ 30 ก.ย.-หุ้น UBE เปิดเทรดวันแรกที่ 2.28 บาท ลดลง 0.12 บาท (-5%) จากราคาขาย IPO ที่ 2.40 บาท/หุ้น ขณะบล.ฟินันเซีย ไซรัส เป็นผู้จัดจำหน่ายฯหุ้นบมจ.อุบล ไบโอ เอทานอล (UBE) ประเมินราคาเป้าหมายปี 2565 ที่ 3.30 บาท คาดกำไรปี 2564-2566 เติบโต 190%/52%/21% ตามลำดับ
UBE เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายเอทานอลและแป้งมันสำปะหลังครบวงจรรายใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง โรงงานตั้งอยู่ในแหล่งเพาะปลูก มีต้นทุนในการจัดหาวัตถุดิบต่ำ และรองรับวัตถุดิบได้หลายประเภท ธุรกิจเอทานอลเป็นฐานรายได้ที่มั่นคงแต่เติบโตต่ำ การเติบโตของ UBE ในอนาคตจะมาจากธุรกิจแป้งมันออร์แกนิคและแป้งฟลาวซึ่งมีอัตรากำไรสูง
นายเดชพนต์ เลิศสุวรรณโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ UBE กล่าวว่า บริษัทได้นำหุ้นเข้าซื้อขายวันแรกในวันนี้นับเป็นก้าวสำคัญของบริษัทฯ ที่จะเสริมความแข็งแกร่งด้านเงินทุนรองรับการขยายธุรกิจในอนาคต ด้วยศักยภาพของบริษัทฯ และพื้นฐานการดำเนินธุรกิจในการเป็นผู้ผลิตและแปรรูปมันสำปะหลังแบบครบวงจรรายใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง และการเป็นผู้นำฐานการผลิตเอทานอลจากมันสำปะหลังรายใหญ่ในประเทศ จะสนับสนุนให้ UBE เป็นหุ้นที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในหุ้นที่มีความยั่งยืน
อย่างไรก็ตาม หลังจากเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย บริษัทฯ วางแผนขยายทั้ง 3 ธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจเอทานอล ธุรกิจแป้งสำปะหลัง และธุรกิจเกษตรอินทรีย์ ในปี 2564-2567 คาดว่าจะใช้เงินลงทุนราว 1,000 ล้านบาท แบ่งเป็น
1. การเพิ่มกำลังการผลิตแป้งฟลาวเป็น 300 ตันต่อวัน คาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 300 ล้านบาท ภายในปี 2565
2. การลงทุนสร้างสายการผลิตสารให้ความหวานออร์แกนิค (Organic Sweetener) เช่น ไซรัป (Syrup) และมอลโทเดกซ์ทริน (Maltodextrin) โดยมีกำลังการผลิต 300 ตัน/วัน คาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 300 ล้านบาท ภายในปี 2565 – 2566
3. การลงทุนในเครื่องจักรใหม่ต่างๆ เช่น เครื่องโม่หัวมันสำปะหลัง และเครื่องสลัดแป้งมันสำปะหลัง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตแป้งมันสำปะหลัง คาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 100 ล้านบาท ภายในปี 2565 – 2566
4. การลงทุนขยายกำลังการผลิตเอทานอลเกรดเชื้อเพลิง 40,000 ลิตรต่อวัน ผ่านการทำ De-bottlenecking Capacity คาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 50 ล้านบาท ภายในปี 2566 – 2567 และ
5. การลงทุนในโรงสีเชอร์รี่กาแฟและโรงคั่วกาแฟออร์แกนิค คาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 100 ล้านบาท ภายในปี 2565
ทั้งนี้ บริษัทฯ วางเป้าหมายสู่การเป็นผู้นำด้านเกษตรอินทรีย์ที่ครบวงจรระดับโลก พร้อมวางกลยุทธ์มุ่งเน้นลงทุนเพื่อยกระดับสู่การเป็นผู้เล่นรายใหญ่ในธุรกิจอาหารระดับโลก (Food Tech) ผ่านการเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อสุขภาพชั้นนำของประเทศ โดยจะดำเนินการควบคู่กับธุรกิจพลังงาน เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนและมั่นคง โดยในช่วง 5 ปีข้างหน้า UBE ตั้งเป้าหมายรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดของธุรกิจเอทานอล ด้วยการรักษาความได้เปรียบด้านต้นทุน และการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลพลอยได้จากกระบวนการผลิต ขณะที่ธุรกิจแป้งมันสำปะหลัง บริษัทฯ จะมุ่งเน้นการเติบโตผลิตภัณฑ์แป้งมันสำปะหลังออร์แกนิค แป้งฟลาว และผลิตภัณฑ์ออร์แกนิคอื่นที่มีมูลค่าสูง
บริษัทมีแผนเพิ่มสัดส่วนกำไรจากการดำเนินงาน (EBITDA) ของธุรกิจแป้งมันสำปะหลังและเกษตรอินทรีย์ จากปัจจุบันมีสัดส่วนคิดเป็นร้อยละ 27 เป็นร้อยละ 70 ของกำไรจากการดำเนินงานทั้งหมด ขณะที่กำไรจากการดำเนินงาน (EBITDA) ของธุรกิจเอทานอล คาดปรับสัดส่วนลดลงจากร้อยละ 73 ในปัจจุบัน เป็นร้อยละ 30 ตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม ผู้ลงทุนและผู้สนใจ โปรดดูรายละเอียดจากหนังสือชี้ชวนของบริษัทที่เว็บไซต์ของสำนักงาน ก.ล.ต. ที่ www.sec.or.th และข้อมูลทั่วไปของบริษัทที่ www.ubonbioethanol.com และ www.set.or.th .-สำนักข่าวไทย