นนทบุรี 23 ก.ย.- อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ระบุภาพรวมส่งออกข้าวไทยในช่วงครึ่งปีหลังกลับมาโตบวกต่อเนื่อง 3 เดือน ลุ้นโค้งสุดท้ายข้าวไทยแรงดี น่าจะส่งออกได้ตามเป้า 6 ล้านตัน
นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยถึงแนวโน้มการส่งออกข้าวไทยในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 ว่า การส่งออกข้าวไทยกลับมาขยายตัวเป็นบวก ตั้งแต่เดือนมิถุนายน-กรกฎาคม 2564 ที่ขยายตัวร้อยละ 7.35 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตลาดหลักที่ไทยส่งออกข้าวได้เพิ่มขึ้น ได้แก่ แอฟริกาใต้ จีน เยเมน และอิรัก และชนิดข้าวที่ส่งออกเป็นบวก ได้แก่ ข้าวนึ่ง ข้าวขาว และข้าวกล้อง ทั้งนี้ คาดว่าการส่งออกข้าวไทยในช่วงครึ่งปีหลังจะขยายตัวต่อเนื่อง โดยจะเห็นได้จากสถิติการขอใบอนุญาตส่งออกข้าวของกรมการค้าต่างประเทศ ในเดือนสิงหาคม 2564 ที่มีปริมาณสูงถึง 831,260 ตัน ขยายตัวร้อยละ 133.13 และล่าสุดเดือนกันยายน (วันที่ 1-20 กันยายน 2564) ปริมาณ 631,363 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 61.78 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปี 2563 โดยตัวเลขการขอใบอนุญาตส่งออกข้าวดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงคำสั่งซื้อจากลูกค้าในต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น ดังนั้น คาดว่าในปีนี้ไทยจะสามารถส่งออกข้าวได้ตามเป้าที่ปริมาณ 6 ล้านตัน
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยหลักที่ส่งผลให้ข้าวไทยสามารถส่งออกได้เพิ่มขึ้น มาจากราคาข้าวไทยที่ปรับตัวมาอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับราคาข้าวจากประเทศคู่แข่ง เช่น เวียดนามและอินเดีย โดยเฉพาะข้าวขาวและข้าวนึ่ง โดยราคาข้าวไทยที่ปรับตัวลดลงเป็นผลมาจากผลผลิตข้าวปีการผลิต 2564/65 ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ คาดการณ์ว่าจะมีปริมาณเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 4.97 และเงินบาทที่อ่อนค่าลงจากประมาณ 29-30 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงต้นปี มาอยู่ที่ประมาณ 32-33 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมิถุนายนเป็นต้นมา ทำให้ช่องว่างระหว่างราคาข้าวไทยกับข้าวจากประเทศคู่แข่งลดลง และสามารถแข่งขันได้มากขึ้น
ทั้งนี้ กรมการค้าต่างประเทศ ในฐานะหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ข้าวไทยด้านการตลาดต่างประเทศได้ต่อเนื่อง โดยกรมฯ ได้ร่วมกับทูตพาณิชย์ ในฐานะเซลส์แมนประเทศ เร่งการเจรจา/หารือเพื่อกระชับความสัมพันธ์ทางการค้าและประชาสัมพันธ์ข้าวไทยกับคู่ค้าสำคัญอย่างต่อเนื่อง โดยได้ปรับรูปแบบการทำงานในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เป็นการนัดประชุมหารือกับคู่ค้าสำคัญผ่านระบบ Video conference ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมาได้หารือกับคู่ค้า เช่น ผู้นำเข้าข้าวฟิลิปปินส์ มาเลเซีย สิงคโปร์ ฮ่องกง อิรัก เป็นต้น ซึ่งจากการหารือดังกล่าวทำให้ได้รับทราบถึงความต้องการของลูกค้ามากขึ้น โดยผู้นำเข้าข้าวให้ความเห็นว่า “นอกจากปัจจัยด้านราคาที่ข้าวไทยปรับตัวอยู่ในระดับที่แข่งขันได้มากขึ้นแล้ว อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ช่วยกระตุ้นการนำเข้าข้าวไทย ได้แก่ คุณภาพและมาตรฐานข้าวไทยที่เหนือกว่าคู่แข่ง รวมทั้งศักยภาพของผู้ส่งออกข้าวไทยที่สามารถส่งข้าวคุณภาพดีให้ลูกค้าได้แม้ช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ผู้นำเข้ามีความเชื่อมั่นในการนำเข้าข้าวจากไทยมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง
นอกจากนี้ กรมการค้าต่างประเทศ ยังมีแผนการจัดประชุมหารือกับประเทศคู่ค้าสำคัญอื่นๆ เช่น อินโดนีเซีย บังกลาเทศ จีน เป็นต้น รวมทั้งเร่งประชาสัมพันธ์ข้าวไทย ภายใต้แนวคิด “Think Rice Think Thailand” ผ่านช่องทางออนไลน์และสื่อโซเชียลมีเดียต่างๆ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภค และขอให้ทูตพาณิชย์ในฐานะทีมเซลส์แมนประเทศใช้แนวคิดดังกล่าวในการประชาสัมพันธ์ข้าวไทย เพื่อกระตุ้นให้เกิดการรับรู้เกี่ยวกับข้าวไทยในกลุ่มผู้บริโภคทั่วโลกต่อไป.-สำนักข่าวไทย