นนทบุรี 15 ก.ย.-กรมพัฒนาธุรกิจการค้าปลื้มความสำเร็จโครงการติดปีกธุรกิจออนไลน์สร้างรายได้ฝ่าโควิด-19 กิจกรรม 1 ร้าน 1 live หลังจับมือ Shopee และ Lazada ติวเข้มกลยุทธ์ สร้างธุรกิจให้อยู่รอดเพิ่มทักษะดันยอดขายโลกออนไลน์ให้ผู้ประกอบการสินค้าชุมชนใน 100 ราย มีไลฟ์สดขายสินค้าดันยอดขายให้ผู้ค้าชุมชนโตขึ้นร้อยละ 10 แถมเพิ่มยอดเข้าถึงและมองเห็นถึงร้อยละ237 รวมมียอดผู้เข้าชมระหว่างการไลฟ์สดกว่า1 หมื่นราย นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีก้าวสู่เป็นผู้ค้าออนไลน์มืออาชีพได้แน่
นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า “โครงการติดปีกธุรกิจออนไลน์สร้างรายได้ฝ่าวิกฤตโควิด-19 กิจกรรม ‘1 ร้าน 1 Live’ ที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้ร่วมมือกับ Shopee และ Lazada แพลตฟอร์มจำหน่ายสินค้าออนไลน์ชั้นนำของไทย เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการมีช่องทางการขายสินค้าผ่านระบบออนไลน์ โดยจัดหาผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้เฉพาะด้านมาถ่ายทอดประสบการณ์ นำจุดอ่อน–จุดแข็งของธุรกิจมาทำการวิเคราะห์เพื่อวางแนวทางในการพัฒนาการบริหารจัดการด้านการตลาด ก่อนติวเข้มและเสริมแกร่งผู้ประกอบการให้สามารถขยายตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ได้อย่างมืออาชีพ รวมทั้ง จัดกิจกรรมการถ่ายทอดประสบการณ์จากกูรูด้านการตลาดออนไลน์เพื่อเพิ่มยอดขายให้แก่ผู้ประกอบการ เช่น เทคนิคการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายผ่านการให้ส่วนลด เทคนิคการไลฟ์สดขายสินค้า เทคนิคการเพิ่มการมองเห็นให้กับร้านค้า เคล็ดลับขายสินค้าอย่างไรให้ยอดพุ่ง และเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ จำนวน 100 ร้าน จัดกิจกรรมไลฟ์สดขายสินค้าผ่านแพลตฟอร์มของ Shopee และ Lazada แบ่งเป็น ไลฟ์สดขายสินค้าผ่านแพลตฟอร์มของ Shopee : Shopee Live จำนวน 57 ร้านค้า และผ่านแพลตฟอร์มของ Lazada : Laz Live จำนวน 43 ร้านค้า โดยส่วนใหญ่เป็นสินค้าประเภทบริโภค เช่น น้ำมะม่วงหาวมะนาวโห่ กระยาสารท ข้าวกล้องอบกรอบ มะม่วงหิมพานต์เผา ฯลฯ
นอกจากนี้ ทั้ง 2 แพลตฟอร์มยังช่วยทำโปรโมชั่นและประชาสัมพันธ์การขายสินค้าให้แก่ผู้ประกอบการฯ เพื่อเพิ่มการเข้าถึงและมองเห็นร้านค้าออนไลน์ เป็นการกระตุ้นและสร้างการรับรู้ร้านค้ามากขึ้น โดยกิจกรรม ‘1 ร้าน 1 Live’ มีผู้เข้าชมสินค้าของผู้ประกอบการฯ รวมกว่า 10,000 วิว ในระยะเวลา 1 เดือน เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 237 และมียอดขายโดยรวมเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับผู้ประกอบการท้องถิ่นที่จะใช้วิธีการไลฟ์สดมาเพื่อเพิ่มยอดขายสินค้า และเป็นก้าวสำคัญที่จะพัฒนาสู่การเป็นผู้ค้าออนไลน์มืออาชีพ
อย่างไรก็ตาม กรมพัฒนาธุรกิจการค้า มีความยินดีและภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนา ผลักดัน และสร้างโอกาสทางการค้าให้แก่ผู้ประกอบการ พ่อค้า–แม่ค้าออนไลน์ และหวังว่าโครงการ ‘1 ร้าน 1 live : ติดปีกธุรกิจออนไลน์สร้างรายได้ฝ่าวิกฤตโควิด-19’ ครั้งนี้ จะช่วยฟื้นฟูกิจการและสร้างรายได้เพิ่มให้กับผู้ประกอบการสินค้าชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ให้สามารถก้าวผ่านและดำเนินกิจการต่อไปได้ อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการต้องเร่งปรับตัวและพัฒนาช่องทางการตลาดออนไลน์ของตนเองให้สามารถตอบโจทย์และอำนวยความสะดวกแก่ผู้บริโภคให้ได้มากที่สุด ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการมีโอกาสประสบความสำเร็จในการประกอบธุรกิจได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น
“ผลสำรวจโครงการ Thailand Digital Outlook ระยะที่ 3 ของสำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2564 ที่ผ่านมา รายงานว่า ประชาชนยอมรับและเชื่อถือการใช้ e-Commerce มากขึ้น โดยประชาชนมีการซื้อสินค้าและบริการผ่านช่องทางออนไลน์สูงขึ้น โดยเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 37.7 เป็น ร้อยละ 76.6 และประเทศไทยมีมูลค่าการชําระเงินออนไลน์ผ่าน Mobile Banking สูงที่สุดในโลก ปัจจุบัน คนไทยมีพฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ตเฉลี่ย 6 – 10 ชั่วโมงต่อวัน โดยกิจกรรมที่ใช้ได้แก่ การทํางาน ความบันเทิง และ ซื้อ–ขายออนไลน์ โดยพบว่า ใช้เพื่อการทํางาน เช่น ประชุมออนไลน์ จากนโยบาย Work from Home คิดเป็นร้อยละ 75.2 การเรียนออนไลน์ คิดเป็นร้อยละ 71.1 ซื้อสินค้าออนไลน์ คิดเป็นร้อยละ 67.4% และเพื่อการติดต่อสื่อสารสนทนา ร้อยละ 65.1 และ ทําธุรกรรมด้านการเงินออนไลน์ ร้อยละ 54.7 “นายทศพลกล่าว
น.ส.สกาวเดือน วงศ์ตระกูล ผู้บริหารบริษัท ช้อปปี้ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และไต้หวัน กล่าวว่า “ผลสำเร็จของโครงการติดปีกธุรกิจออนไลน์สร้างรายได้ฝ่าโควิด-19 ในครั้งนี้ ทางบริษัทฯ ได้จัดหลักสูตรเพื่อติวเข้มให้ความรู้แบบหมดเปลือกกับผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ แนะวิธี หรือเทคนิคการนำสินค้าไปฝากที่แพลตฟอร์มของ Shopee จะต้องทำอย่างไร หรือทำยังไงให้สินค้าของเราเป็นที่สนใจของผู้ซื้อ และร่วมไลฟ์สดผ่านกิจกรรมส่งเสริมการขาย เพื่อสร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการ และเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันและสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างยั่งยืน
นายวีระพงศ์ โก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ลาซาด้า จำกัด (ประเทศไทย) กล่าวว่า ความร่วมมือกันในครั้งนี้ เริ่มจากภาครัฐเห็นถึงผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบในวงกว้างกับประชาชน รวมถึงผู้ผลิต ผู้ประกอบการ ที่ไม่สามารถจำหน่ายสินค้าได้ ทำให้ขาดรายได้ ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจในภาพรวม ซึ่งช่องทางอี–คอมเมิร์ซ นับเป็นช่องทางการตลาดที่สามารถช่วยกู้วิกฤตให้ผู้ประกอบการได้ เพราะเข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็วและตรงกลุ่มเป้าหมาย โดยมี Lazada เป็นแพลตฟอร์มกลางเพื่อเชื่อมต่อผู้ซื้อกับผู้ขาย และกระจายสินค้าไปยังผู้บริโภค ทั้งนี้ ยังจัดทำแคมเปญสนับสนุนด้านการตลาด เช่น จัดทำคูปองส่งฟรี รวมถึงการประชาสัมพันธ์สินค้าให้เป็นที่รู้จัก และสร้างการยอมรับในกลุ่มผู้บริโภคมากขึ้น.-สำนักข่าวไทย