พาณิชย์เผยช่วงโควิดดันธุรกิจขายปลีกบนออนไลน์โตได้บนวิกฤต

นนทบุรี 10 ก.ย.-พาณิชย์ชี้ตลาดออนไลน์ช่วยธุรกิจยังมีที่หายใจ ภายใต้มาตรการ Lock Down หยุดโควิด ดันธุรกิจขายปลีกบนออนไลน์โตได้บนวิกฤต สิงคโปร์ครองแชมป์ลงทุนอันดับ 1 โดยช่วง 7 เดือน ปี 64 มีธุรกิจตั้งใหม่ 794 ราย เกือบเท่าปี 63


นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ประเทศไทยและทั่วโลกยังคงเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่กลายพันธุ์ ส่งผลให้เกิดการติดเชื้อระหว่างกันง่ายมากขึ้น รัฐบาลจึงได้ยกระดับมาตรการที่เข้มข้นเพื่อสกัดการระบาดรอบใหญ่ในครั้งนี้ให้ยุติลงอย่างรวดเร็ว อาทิ การจำกัดช่วงเวลาออกจากเคหะสถานในช่วงกลางคืน (Lock Down) หรือการปิดห้างสรรพสินค้าและร้านขายของต่างๆ เพื่อลดการรวมตัวของประชาชน ซึ่งจากมาตรการนี้ส่งผลให้ภาคธุรกิจทั้งรายเล็กและรายใหญ่ต้องปรับตัวครั้งใหญ่

 อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาย้อนหลังไปในช่วงหลายปีที่ผ่านมาประเทศไทยได้เร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับระบบการค้าออนไลน์ (e-Commerce) และส่งเสริมให้ภาคธุรกิจเปลี่ยนผ่านไปสู่การเป็นเศรษฐกิจดิจิทัลมาอย่างต่อเนื่อง การเกิดวิกฤตในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นความสำเร็จและความพร้อมอย่างเป็นรูปธรรมถึงการปรับตัวของภาคธุรกิจและผู้บริโภคในการเข้าสู่การค้าออนไลน์ จากข้อมูลการวิเคราะห์ธุรกิจในช่วงเดือนกรกฎาคม 2564 ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า พบว่า ธุรกิจที่กลายเป็นดาวเด่นประจำเดือนนี้คือ ธุรกิจขายปลีกทางอินเทอร์เน็ต (e-Commerce) ปัจจุบันมีธุรกิจที่ดำเนินกิจการอยู่จำนวน 3,525 ราย และตลอด 5 ปีที่ผ่านมามีจำนวนการจดทะเบียนจัดตั้งใหม่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในปี 2564 มีธุรกิจจัดตั้งใหม่ภายใน 7 เดือนแรก (มกราคม-กรกฎาคม) จำนวน 794 ราย ซึ่งมีจำนวนเกือบเท่ากับปี 2563 ตลอดทั้งปี ที่มีจำนวน 798 ราย แต่หากเปรียบเทียบในช่วงเดือนก่อนหน้าพบว่า ในเดือนกรกฎาคม 2564 มีจำนวน 112 ราย เพิ่มขึ้นจากเดือนมิถุนายน 2564 ที่มีจำนวน 106 ราย คิดเป็น 5.66% และเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนกรกฎาคมของปี 2563 ที่มีจำนวน 79 ราย ก็แสดงให้เห็นว่าการจัดตั้งธุรกิจขายปลีกทางอินเทอร์เน็ต ยังมีจำนวนที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องคิดเป็น 41.77% เป็นที่น่าจับตามองถึงยอดจดทะเบียนในครึ่งปีหลังที่จะสร้างโอกาสใหม่ให้ธุรกิจนี้กลายเป็นธุรกิจดาวเด่นของปี 2564 ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะได้เร่งสนับสนุนและอำนวยความสะดวกให้อย่างเต็มที่


สำหรับธุรกิจฯ ที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลเกือบทั้งหมดจัดตั้งในรูปแบบบริษัทจํากัด มีจํานวน 2,865 ราย คิดเป็น 81.28% มูลค่าทุน 28,914.74 ล้านบาท โดยทุนจดทะเบียนของธุรกิจประเภทนี้แบ่งเป็น ทุนจดทะเบียนไม่เกิน   1 ล้านบาท จํานวน 2,758 ราย ทุนจดทะเบียน 1.01-5.00 ล้านบาท จํานวน 667 ราย ทุนจดทะเบียน 5.01-100 ล้านบาท จํานวน 84 ราย และมากกว่า 100 ล้านบาท จํานวน 16 ราย จากจำนวนนี้คิดเป็นธุรกิจขนาดเล็ก (S) มากที่สุด จํานวน 3,468 ราย คิดเป็น 98.38% ธุรกิจขนาดกลาง (M) จํานวน 38 รายคิดเป็น 1.08% และธุรกิจขนาดใหญ่ (L) จํานวน 19 ราย คิดเป็น 0.54% และหากดูการเข้ามาลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติของธุรกิจ e-Commerce ที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นเช่นกัน สะท้อนถึงศักยภาพและความน่าสนใจของตลาด e-Commerce ในประเทศไทย โดยสิงคโปร์เป็นประเทศที่ครองแชมป์อันดับที่ 1 มูลค่า 16,045.30 ล้านบาท คิดเป็น 54.18% ของมูลค่าการลงทุนในประเภทธุรกิจนี้ อันดับที่ 2 คือ ฮ่องกง จํานวน 2,224.56 ล้านบาท คิดเป็น 7.51% และ อันดับ 3 จีน จํานวน 321.80 ล้านบาท คิดเป็น 1.09 % และเมื่อเปรียบเทียบเงินลงทุนกับเดือนกรกฎาคมของปี 2563 ที่มีจำนวน 18,541.10 ล้านบาท กับเดือนกรกฎาคม 2564 ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยมีจำนวนการลงทุนที่ 19,023.20 ล้านบาท

ทั้งนี้ โดยสรุปธุรกิจขายปลีกทางอินเทอร์เน็ตถือเป็นธุรกิจที่มีการรายได้ภายในประเทศสูงถึงระดับ      แสนล้านบาทต่อปี โดยในปี 2563 ธุรกิจนี้มีรายได้รวมอยู่ที่ 111,670.15 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป โดยซื้อสินค้าผ่านทางอินเทอร์เน็ตมากขึ้น สามารถใช้บริการได้แบบใกล้ตัวผ่านโทรศัพท์มือถือ    ชำระค่าบริการสินค้าได้ทันทีผ่าน Mobile Banking และระบบการขนส่งสินค้าที่รวดเร็วมากยิ่งขึ้น มากไปกว่านั้นการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตภายใต้การระบาดของโรคโควิด-19 ยังเป็นแรงผลักดันครั้งใหญ่ให้ผู้บริโภคลดการเดินทางออกจากบ้าน จึงจำเป็นต้องซื้อสินค้าผ่านทางโลกออนไลน์เป็นหลัก ทำให้ธุรกิจในกลุ่มนี้ได้รับผลเชิงบวกตามไปด้วย แม้ว่าจากมาตรการ Lock Down จะเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวก แต่ขอฝากความห่วงใยไปถึงผู้ประกอบธุรกิจที่ยังคงต้องเผชิญความท้าทายและเตรียมพร้อมที่จะให้ความสำคัญถึงการจัดส่งสินค้าเพราะการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในแต่ละพื้นที่หรือการติดเชื้อจากพนักงานขนส่งเองก็ดี อาจจะทำให้การจัดส่งสินค้าไม่เป็นไปตามที่ได้ตกลงกับผู้บริโภคได้ ดังนั้นผู้ประกอบการจึงต้องมองหาผู้ให้บริการขนส่งที่เป็นมืออาชีพสำรองไว้หลายแห่ง เพื่อรองรับอุปสรรคดังกล่าวไม่ให้เกิดขึ้นได้.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

“วัดพระบาทน้ำพุ” แจงเงินวัด เข้าแล้วออกไปไหน

ลพบุรี 8 ส.ค. – หลังจากมีกระแสข่าวเกี่ยวกับวัดพระบาทน้ำพุ ก็มีเสียงสะท้อนออกมาหลายแง่มุม ขณะที่บางส่วนตั้งคำถามเกี่ยวกับเงินวัดที่มีการเปิดรับบริจาค และการดูแลผู้ป่วยเอชไอวี ว่ายังมีความจำเป็นหรือไม่.-สำนักข่าวไทย

บุกจับเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.-กำนัน ทุจริตที่ดินเอื้อนายทุน

สระบุรี 8 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” นำกำลังบุกจับเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.สระบุรี-กำนัน ร่วมกันทุจริตออกเอกสารสิทธิ ส.ป.ก. 600-700 ไร่ เอื้อประโยชน์นายทุนสร้างบ้านพักหรู พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พร้อมด้วย นายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ ที่ปรึกษาด้านกฎหมายฯ รมว.เกษตรและสหกรณ์ นำกำลังเข้าจับกุมนายวิชยุตม์ อายุ 42 ปี นายช่างสำรวจชำนาญงาน ขณะกำลังนั่งปฏิบัติหน้าที่อยู่ในห้องทำงาน ที่สำนักงานปฏิรูปที่ดินจังหวัดสระบุรี และนายสิปปกร อายุ 57 ปี กำนัน ต.หนองย่างเสือ อ.หมวกเหล็ก ตามหมายจับศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 ข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เป็นเจ้าหน้าที่รัฐร่วมกันปฏิบัติหรือเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เป็นเจ้าพนักงานแต่กลับร่วมกันกระทำการรับรองเอกสารอันเป็นเท็จ หลังพบใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบเอื้อประโยชน์ให้กับนายทุนเข้าบุกรุกหรือครอบครองที่ป่าไม้ในพื้นที่ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้มีการตรวจสอบพบคาเฟ่ รีสอร์ตหรูแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ก่อสร้างบุกรุกผืนป่า จึงเร่งขยายตรวจสอบที่ไปที่มาของการเข้าครอบครองที่ดินดังกล่าว กระทั่งพบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐบางส่วนใช้อำนาจหน้าที่เอื้อประโยชน์ให้กับนายทุน ด้วยการออกเอกสารสิทธิ ส.ป.ก.4-01 เพื่อใช้อ้างสิทธิเข้าครอบครอง […]

ยิงกำนันเล้น

ออกหมายจับ “ไอ้ ด.” มือปืนขาเป๋ ยิงถล่มกำนันเล้น ตร.ไล่ล่ากระชั้นชิด

ตรัง 8 ส.ค. – ออกหมายจับ ไอ้ ด. มือปืนขาเป๋ ยิง M16 ถล่มดับกำนันเล้น จ.ตรัง เผยปมสังหารจากคนเคยช่วยเหลือกลับขัดแย้ง-ขู่ฆ่า ผู้การตรังเผยแกะรอยเบาะแสไล่ล่าเป็นประโยชน์ ติดตามตัวแบบหายใจรดต้นคอ ลั่นต้องจับให้ได้ ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดตรังเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2568 ว่า จากกรณีคนร้ายชายในชุดดำสวมหมวกกันน็อกปิดบังใบหน้า ใช้อาวุธสงคราม M16 ยิงถล่มนายบัณฑิต รองพล หรือ กำนันเล้น อายุ 57 ปี กำนันตำบลนาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง และประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอห้วยยอด จนเสียชีวิต กระสุนเจาะประตูรถฝั่งคนขับพรุน 15 นัด ปลอกกระสุนขนาด 5.56 ตกกระจายเกลื่อน เหตุเกิดช่วงเวลาประมาณ 01.00 น. วันที่ 3 สิงหาคมที่ผ่านมา บริเวณหน้าบ้านของนายบัณฑิต พื้นที่หมู่ 9 ต.นาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ซึ่งเป็นช่วงระหว่างที่นายบัณฑิตเดินทางกลับจากงานเลี้ยงงานแต่งงาน […]

“บุ๋ม ปนัดดา” พร้อมชน “มาลี”

กรุงเทพฯ 8 ส.ค. – ฮือฮาและเป็นที่พูดถึงอย่างมาก สำหรับการแต่งตั้ง “ดร.บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี” นั่งโฆษก ศบ.ทก.จิตอาสา ด้าน “บุ๋ม” เปิดใจ เป็นคนชัดเจน ตรงไปตรงมา พร้อมชน “มาลี” ลั่นไม่กลัวเฟคนิวส์.-สำนักข่าวไทย