รวมพลัง 10 พันธมิตรเสริมแกร่งผู้ประกอบการ OTOP ทั่วไทย

นนทบุรี 3 ก.ย.-กรมพัฒนาธุรกิจการค้ารวมพลัง 10 พันธมิตรเสริมแกร่งผู้ประกอบการ OTOP ทั่วไทย พลิกวิกฤตสู่การค้าออนไลน์ สร้างรายได้ให้ปังในยุค New Normal จัดแคมเปญ “ช้อปของไทย ใช้ของดี” ชวนซื้อสินค้าชุมชนคุณภาพกว่า 1,000 รายการ


น.ส.ปัทมาวดี  บุญโญภาส  รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เผยว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ยังคงส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการและธุรกิจทุกระดับ โดยเฉพาะผู้ประกอบการชุมชน ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากของประเทศที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการท่องเที่ยวและไม่สามารถจำหน่ายสินค้าในช่องทางปกติได้ รวมทั้งวิถีชีวิตและพฤติกรรมของผู้คนเปลี่ยนไป หันมาซื้อสินค้าและใช้บริการผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้นจนกลายเป็นความคุ้นชิน หรือวิถีใหม่แบบ New Normal จึงเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ผู้ประกอบการชุมชนต้องพร้อมรับ ปรับตัว และเปลี่ยนแปลงให้สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ เมื่อผลกระทบจากโรคโควิด-19 ทำให้พฤติกรรมการซื้อสินค้าของผู้บริโภคหันมาจับจ่ายใช้สอยผ่านช่องทางออนไลน์แบบก้าวกระโดด ทำให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเล็งเห็นโอกาสในการขยายช่องทางการตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ จึงเร่งส่งเสริมผู้ประกอบการชุมชน และกลุ่มวิสาหกิจชุมชน ให้สามารถจำหน่ายสินค้าชุมชน หรือสินค้า OTOP ที่อยู่ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศผ่านช่องทางออนไลน์เพื่อเพิ่มช่องทางการตลาด สร้างโอกาส สร้างอาชีพและรายได้เพิ่มให้แก่ชุมชน    จึงจัดกิจกรรมบ่มเพาะเชิงปฏิบัติการพัฒนาศักยภาพการตลาดออนไลน์ให้แก่ผู้ประกอบการ OTOP (Smart Digital OTOP) โดยจัดหาผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้เฉพาะด้าน มาถ่ายทอดประสบการณ์ เพื่อพัฒนาผู้ประกอบการให้สามารถขายสินค้าชุมชนผ่านช่องทางออนไลน์ได้เก่งขึ้น และขายสินค้าได้มากขึ้น

ทั้งนี้ กรมฯได้จัดทำหลักสูตรเข้มข้นสำหรับกิจกรรมนี้ แบ่งเป็น 2 หลักสูตร คือ 1.นักการค้าออนไลน์มือใหม่ สำหรับผู้ประกอบการที่มีศักยภาพและมีความพร้อมในการนำสินค้าชุมชนขึ้นขายผ่านช่องทางออนไลน์ เป้าหมายเพื่อผลักดันให้ผู้ประกอบการ OTOP มีร้านค้าบนแพลตฟอร์มออนไลน์และสามารถบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ และ 2.นักการค้าออนไลน์มืออาชีพ สำหรับผู้ประกอบการที่มีประสบการณ์ในการขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์แล้ว แต่ต้องการพัฒนาต่อยอดและเพิ่มยอดขายให้ได้มากขึ้น นอกจาก 2 หลักสูตรนี้แล้ว กรมฯ ยังสร้างชุมชนออนไลน์ต้นแบบไว้ในทุกภูมิภาคของประเทศด้วย ซึ่งมีผู้ประกอบการ OTOP ทั่วประเทศรวม 569 ราย ที่ได้รับการส่งเสริมพัฒนาให้เปิดเป็นร้านค้าออนไลน์ พร้อมแนะนำวิธีการถ่ายภาพสินค้า สอนเทคนิคการนำเสนอเรื่องราวที่โดนใจ และการใช้กลยุทธ์การตลาดออนไลน์เพื่อเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจอีกด้วย


อย่างไรก็ตาม การส่งเสริมพัฒนาผู้ประกอบการชุมชนของไทยให้เข้มแข็งสามารถแข่งขันได้และเติบโตอย่างยั่งยืน จำเป็นจะต้องได้รับการสนับสนุนจากหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนเข้ามาร่วมมือร่วมใจกัน กรมพัฒนาธุรกิจการค้า จึงรวมพลังกับ 10 หน่วยงานพันธมิตรชั้นนำในการพัฒนาผู้ประกอบการ พร้อมทั้งจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายและโปรโมชั่นพิเศษช่วยกระตุ้นการค้าออนไลน์ให้กับผลิตภัณฑ์ OTOP ที่มีคุณภาพจากทั่วไทยกว่า 1,000 รายการ มาขายบนเว็บไซต์ www.otopsmart.com ภายใต้แคมเปญ “ช้อปของไทย ใช้ของดี” พร้อมมอบสิทธิพิเศษให้ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการฯ และผู้บริโภคที่เข้ามาซื้อสินค้า โดยได้รับความร่วมมือจากแพลตฟอร์มออนไลน์ที่มีชื่อเสียงอย่าง Lazada, Shopee และ Lnwshop สนับสนุนคูปองส่วนลดค่าสินค้าและค่าขนส่ง และยังช่วยโปรโมทร้านค้าให้เป็นที่รู้จัก รวมทั้งยังดึงผู้ให้บริการรับ-ส่งสินค้า (Logistics) เช่น Grab, Giztix, Kerry Express , Inter Express , 360 Truck และหางาน 11 ล้อ มาสนับสนุนส่วนลดค่าขนส่งให้กับผู้ประกอบการ OTOP ที่เข้าร่วมโครงการฯ ไม่เพียงแค่นั้น ยังมีผู้ให้บริการชำระเงิน (e-Payment & Bank) เช่น ธนาคารกรุงไทย มาร่วมมอบสินเชื่ออัตราพิเศษสำหรับร้านค้าออนไลน์ที่ต้องการต่อยอดธุรกิจอีกด้วย ก็ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนทุกท่านมาช่วยกันอุดหนุนสินค้าชุมชนของคนไทยกันมาก และที่พิเศษสุด เมื่อซื้อสินค้าระหว่างวันที่ 3-10 กันยายนนี้ ช้อปทุก 100 บาท จะได้รับ 1 สิทธิ ร่วมสนุกลุ้นรับของรางวัลรวมมูลค่ากว่า 100,000 บาท

นอกจากนี้ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยพัฒนา ผลักดัน และสร้างโอกาสทางการค้าให้แก่ผู้ประกอบการ OTOP ให้สามารถปรับตัวและแข่งขันได้ในโลกยุค New Normal และคาดหวังว่าแคมเปญ “ช้อปของไทย ใช้ของดี” บนช่องทางออนไลน์ www.otopsmart.com    ที่จะจัดขึ้นจะสามารถกระตุ้นการใช้จ่ายของประชาชน ส่งผลให้เกิดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ อันจะช่วยฟื้นฟูกิจการและสร้างรายได้เพิ่มให้กับผู้ประกอบการชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19ให้สามารถก้าวผ่านและอยู่ต่อไปได้.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์

กทม. 16 ก.ย.-บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เกือบ 5 ล้าน แต่ยายไม่ฟัง ไม่เชื่อว่าโดนหลอก ไล่ตำรวจกลับไป แถมโทรฟ้องมิจฉาชีพว่าตำรวจมากวน สุดท้ายเข้าแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง ตะโกนคุยกับคุณยายวัย 83 ปี ข้ามรั้วประตูบ้าน ว่า อย่าโอนเงินให้มิจฉาชีพอีก หลังธนาคารพบความผิดปกติ เนื่องจากคุณยายถอนเงินออกมาหลายล้านบาท จึงประสานงานไปที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 ให้แจ้งมายังตำรวจนครบาล เพื่อตรวจสอบการโอนเงินของคุณยายโดยด่วน ปรากฏว่า เมื่อตำรวจมาถึงบ้าน คุณยายไม่เชื่อ แถมยังคุยโทรศัพท์กับตำรวจปลอมในมือถือตลอดเวลา แล้วไม่เชื่อว่า ตำรวจที่มาหน้าบ้านเป็นตำรวจจริง จนตำรวจตัวจริงอ่อนใจ ทำได้เพียงแค่ประสานงานผู้นำในชุมชนให้ช่วยดูแลคุณยาย และเตือนเรื่องนี้ ล่าสุดคุณยายมาแจ้งความแล้ว เมื่อวันที่ 13 กันยายน แต่ยังไม่ได้เงินคืน ข้อมูลของตำรวจพบว่า คุณยายโอนเงินไปทั้งหมด 5 ครั้งครั้งแรกวันที่ 3 กันยายน ฝากเงินสดเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง 3.5 ล้านบาทวันที่ 4 กันยายน โอนเงินสดไป 400,000 บาทวันที่ […]

ข่าวแนะนำ

ทนายวัดนาป่าพง แจงปมโอนเงินไปเยอรมนี ยันใช้ก่อตั้งมูลนิธิ

16 ก.ย. – ทนายวัดนาป่าพง แจงยิบไทม์ไลน์โอนเงิน 12 ล้าน ไปให้สีกาที่เยอรมนี ยืนยันใช้ก่อตั้งมูลนิธิ หวังเผยแผ่พระพุทธศาสนา ไม่ใช่เสน่หาหรือยักยอกเงินวัด เชื่อเป็นขบวนการล้มพระอาจารย์คึกฤทธิ์ ความคืบหน้าการตรวจสอบพระวัดดังใน จ.ปทุมธานี หลังมีการแจ้งความกองปราบฯ ให้ตรวจสอบปมเงินบริจาควัดที่มีการโอนไปยังต่างประเทศ รวมถึงปล่อยคลิปลักษณะที่ใกล้ชิดกับสีกาในร้านเครื่องประดับ วันนี้ (16 ก.ย.) นายนันทน อินทนนท์ และคณะทนายความของวัดนาป่าพง ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงประเด็นต่างๆ โดยมี อ.เบียร์ คนตื่นธรรม พระลูกวัด และศิษยานุศิษย์ของวัด มาร่วมฟังคำแถลงข่าวอีกเป็นจำนวนมาก ในส่วนของคลิปกับสีกาในร้านเครื่องประดับในต่างประเทศ ทนายความยืนยันว่าสีกาคนดังกล่าวเป็นโยมอุปัฏฐาก ที่ทำหน้าที่ดูแลพระอาจารย์คึกฤทธิ์ และดูแลช่องทางการสื่อสารของวัด คือพุทธวจนเรียล อย่างเปิดเผยตั้งแต่แรก แต่คลิปวิดีโอที่ถูกนำมาเผยแพร่พยายามเชื่อมโยงให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างสีกาคนดังกล่าวกับพระอาจารย์คึกฤทธิ์ เป็นการตัดต่อที่ตั้งใจให้เกิดความเข้าใจผิด แจงไทม์ไลน์ยิบ โอนเงินไปต่างประเทศใช้ก่อตั้งมูลนิธิส่วนกรณีมีการโอนเงินจากพระอาจารย์คึกฤทธิ์ ไปยังสีกาที่เยอรมนี ทีมทนายความยอมรับว่าเอกสารต่างๆ ที่เผยแพร่ในสื่อ เป็นเอกสารที่ทางวัดยื่นต่อศาลที่เยอรมนี ไม่ใช่เอกสารที่ต้องปิดบัง สามารถเปิดเผยได้ เพราะไวยาวัจกรเป็นผู้โอนเงินเอง พร้อมชี้แจงว่าเป็นการโอนเงินเพื่อไปสร้างวัดและมูลนิธิที่ประเทศเยอรมนี โดยไล่เรียงไทม์ชี้แจงอย่างละเอียด เริ่มตั้งแต่ปี 2561 พระอาจารย์คึกฤทธิ์ ต้องการเผยแพร่คำสอนในต่างประเทศ หนึ่งในวิธีการคือการจัดตั้งวัดในต่างประเทศ โดยเฉพาะในเยอรมนีมีลูกศิษย์ของวัดจำนวนมาก […]

รวบบัญชีม้ายกแก๊ง ตระเวนถอนเงินให้คอลเซ็นเตอร์จีนเทา

16 ก.ย. – จับยกแก๊งบัญชีม้า 7 คน ตระเวนถอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์จีนเทา ยึดเงินสดกว่า 5 แสนบาท สารภาพได้ค่าจ้างล้านละ 7,000 บาท เงินที่หลอกผู้เสียหายถูกถ่ายโอนไปยังแก๊งคอลเซ็นเตอร์นอกประเทศแล้วไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาท นายเอกชัย เจ้าของบัญชีม้า พร้อมหญิงสาวทำหน้าที่ประสานงานถอนเงิน ถูกตำรวจภูธรภาค 5 จับกุมได้บริเวณหน้าธนาคารแห่งหนึ่งใน อ.เวียงหนองล่อง จ.ลำพูน ก่อนขยายผลจับกุมนายศรัณย์พงศ์ และนางสาวนันท์ธนัษฐ์ 2 คนไทย ทำหน้าที่ควบคุมเจ้าของบัญชีม้า และผู้ร่วมขบวนการอีก 3 คน ที่นั่งรอในรถกระบะ นายคิโอ ชาวลาว หัวหน้าแก๊งที่ถอนเงินให้จีนเทาเครือข่ายคิงส์โรมันฝั่งลาว พร้อมยึดของกลางเงินสดกว่า 5 แสนบาท สมุดบัญชีเงินฝากอีก 1 เล่ม กลุ่มผู้ต้องหามีพฤติการณ์วนเวียนถอนเงินสดจากธนาคารหลายแห่งใน จ.เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง ตำรวจแจ้งข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันทุจริต หลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ร่วมกันเป็นอั้งยี่ เตรียมรวบรวมหลักฐานขยายผลถึงบอสชาวจีน พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค […]

อัปเดตโผ ครม. ครบ 100% “โสภณ​” มีชื่อนั่งรอง​นายก​ฯ

กทม.16 ก.ย.- อัปเดตโผ ครม. ล่าสุด “โสภณ​ ​ซา​รัมย์​” ผงาดรอง​นายก​ฯ ขณะที่ รมต.สำนักนายกฯ มีถึง 4 เก้าอี้ ด้าน “มัลลิกา” โผล่นั่ง รมช.คมนาคม วันที่ 16 กันยายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เซ็นส่งรายชื่อคณะรัฐมนตรี (ครม. ) ซึ่งคาดว่าสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ 36 รายชื่อ ดังนี้ โควตา​คนนอก​ พรรคกล้าธรรม พรรคพลังประชารัฐ กลุ่มสุชาติ กลุ่มการเมืองอื่น

ป่วนไม่เลิก! เขมรบุกทำลายรั้วลวดหนาม “บ้านหนองหญ้าแก้ว”

16 ก.ย.- เขมรป่วนไม่เลิก! บุกทำลายรั้วลวดหนาม บ้านหนองหญ้าแก้ว ทหารกัมพูชายืนประกบสังเกตการณ์ ขณะที่ชาวเน็ตแห่หนุนสร้างกำแพงกั้นถาวร วันที่ 16 ก.ย. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสังคมออนไลน์แห่แชร์ภาพคลิปวิดีโอ พร้อมข้อความโดยอ้างว่าเป็นภาพของชาวเขมรบุกทำลายรั้วลวดหนามของไทย บริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว ซึ่งเหตุการณ์เกิดในวันนี้ โดยมีชาวบ้านจากฝั่งกัมพูชาหลายคนเข้ามาใกล้แนวรั้วลวดหนาม พร้อมถือไม้และพยายามรื้อทำลาย ขณะที่ทหารกัมพูชายืนสังเกตการณ์อยู่รอบพื้นที่ ขณะที่ชาวเน็ตแห่แสดงความคิดเห็น สนับสนุนการสร้างกำแพงแทนรั้วลาดหนาม เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก -313 .-สำนักข่าวไทย