กนอ.ชี้เพลิงไหม้แชมป์อุบัติเหตุ-อุบัติภัยในนิคมฯและท่าเรือฯรอบ 9 เดือน


กรุงเทพฯ 26 ส.ค. – “วีริศ” เผยสถิติการเกิดอุบัติเหตุ-อุบัติภัยภายในนิคมอุตสาหกรรมและท่าเรืออุตสาหกรรมในช่วง 9 เดือน (ต.ค.63 – มิ.ย.64) ปีงบประมาณ 2564 ชี้เหตุเพลิงไหม้ครองแชมป์การเกิดอุบัติเหตุ สั่งกำชับทุกนิคมฯ เพิ่มมาตรการกำกับดูแลโรงงานและจัดทำขั้นตอนการปฏิบัติงาน พร้อมทั้งตรวจสอบอุปกรณ์ให้สอดคล้องกับการปฏิบัติงานจริง ร่อนหนังสือเตือนทุกนิคมฯ เพิ่มมาตรการป้องกันภัยก่อนเกิดเหตุการณ์ซ้ำอีก!



นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยถึงสถิติการเกิดอุบัติเหตุ อุบัติภัยจากการประกอบกิจการภายในนิคมอุตสาหกรรม และท่าเรืออุตสาหกรรม ในช่วง 9 เดือน (ต.ค.63 – มิ.ย.64) โดยเกิดอุบัติเหตุ/อุบัติภัย จำนวน 19 ครั้ง ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับปีงบประมาณ 2563 พบว่ามีจำนวนเพิ่มขึ้น ร้อยละ 18.75 (ปี 2563 มีสถิติการเกิดอุบัติเหตุ/อุบัติภัย จำนวน 16 ครั้ง) โดยสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุ อุบัติภัยส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากพนักงานในโรงงานไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนการปฏิบัติงาน รองลงมาเกิดจากอุปกรณ์ชำรุด/เครื่องจักรชำรุด โดยประเภทของอุบัติเหตุ/อุบัติภัยที่พบว่าเกิดขึ้นสูงสุด คือ เหตุเพลิงไหม้ และโรงงานที่เกิดเหตุสูงสุด คือโรงงานประกอบกิจการเกี่ยวกับเคมีภัณฑ์สารเคมี หรือวัสดุเคมี ซึ่งมิใช่ปุ๋ยอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือหลายอย่าง อาทิ การทำเคมีภัณฑ์สารเคมี หรือวัสดุเคมี (โรงงานประเภทที่ 42(1)) โดยอุบัติเหตุเกิดขึ้นทั้งในนิคมอุตสาหกรรมที่ กนอ.ดำเนินงานเอง จำนวน 9 ครั้ง และนิคมอุตสาหกรรมร่วมดำเนินงาน จำนวน 10 ครั้ง (ต.ค.63 – มิ.ย.64) ขณะเดียวกันยังพบว่า มีอุบัติเหตุที่มีลักษณะการเกิดเหตุแตกต่างจากประเภทอื่นๆและเกิดขึ้นบ่อยครั้ง คือ กรณีระบบไฟฟ้าขัดข้อง ซึ่งส่งผลต่อกระบวนการผลิตของโรงงานด้วย


“จากรายงานดังกล่าวข้างต้น ได้สั่งการไปยังทุกนิคมอุตสาหกรรม ให้เพิ่มมาตรการกำกับดูแลโรงงานให้ดำเนินการจัดทำขั้นตอนการปฏิบัติงาน การบำรุงรักษาอุปกรณ์ ตรวจสอบอุปกรณ์ พร้อมปรับปรุงและทบทวนให้สอดคล้องกับการปฏิบัติงานจริงเป็นระยะ ขณะเดียวกันให้มีการจัดอบรมและฝึกปฏิบัติแก่ลูกจ้าง รวมถึงตรวจสอบความเสี่ยงใหม่ที่อาจเกิดขึ้นอย่างสม่ำเสมอ ส่วนกรณีระบบไฟฟ้าขัดข้อง ได้ให้โรงงานจัดทำระบบจ่ายพลังงานไฟฟ้าสำรองสำหรับกรณีฉุกเฉินแยกเป็นอิสระจากระบบอื่น และสามารถทำงานได้โดยอัตโนมัติเมื่อระบบจ่ายไฟฟ้าปกติหยุดทำงานในโรงงานที่มีกระบวนการผลิตที่จะก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตหรือสุขภาพอนามัยเมื่อเกิดกระแสไฟฟ้าขัดข้อง”นายวีริศ กล่าว



​ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าว กนอ.ได้ปฏิบัติตามกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหารและการจัดการด้านความปลอดภัยอาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. 2549 และฉบับที่ 2 พ.ศ. 2553 และกฎกระทรวงฉบับที่ 33 (พ.ศ. 2535) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคารพ.ศ. 2522


“ผมได้กำชับไปยังทุกนิคมอุตสาหกรรมในการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุไม่คาดฝัน อุบัติเหตุ อุบัติภัย จากการประกอบกิจการภายในนิคมอุตสาหกรรม และท่าเรืออุตสาหกรรม รวมทั้งเตรียมความพร้อมรับมือแก้ไขปัญหา และศึกษาข้อมูลสถิติการเกิดเหตุ เพื่อป้องกันภัยที่อาจเกิดในอนาคต โดยให้มีการรายงานผลการแก้ไขและการดำเนินการตามมาตรการป้องกันการเกิดซ้ำภายหลังเกิดอุบัติเหตุโดยเร่งด่วน” ผู้ว่าการ กนอ. กล่าว . – สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

คนขับแท็กซี่ตายคารถ กว่าจะรู้ผ่านไปหลายชม.

รถแท็กซี่จอดอยู่ป้ายรถเมล์ตั้งแต่เที่ยงจนถึงเย็น มีผู้โดยสารขึ้นรถ แล้วก็ลงมา แถมถูกบีบแตรไล่ จนพ่อค้าขายข้าวโพดต้มเข้าไปเรียกพบคนขับนอนคอพับเสียชีวิต

ถอนตัวWHO

“ทรัมป์” ลงนามในคำสั่งให้สหรัฐถอนตัวจากการเป็นสมาชิกอนามัยโลก

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐกล่าววานนี้ว่า สหรัฐจะออกจากการเป็นสมาชิกองค์การอนามัยโลก โดยเขาระบุว่า องค์การอนามัยโลกดำเนินการผิดพลาดในการรับมือกับโรคโควิด-19

พิตบูลขย้ำหัวพระ

“อเมริกันบูลลี่” ขย้ำหัวพระ-กัดข้อมือหาย มรณภาพคากุฏิ

สลด! หลวงพี่ เลขาเจ้าอาวาสวัด เลี้ยงอเมริกันบูลลี่ไว้ตั้งแต่เป็นลูกสุนัข ผ่านไปปีกว่า ถูกขย้ำหัวมรณภาพคากุฏิ ข้อมือขาดหายไป ยังหาไม่พบ

ข่าวแนะนำ

หนุ่มอุดรฯ ดวงเฮง ถูกลอตเตอรี่เกาหลีใต้ 45 ล้านบาท

สุดเฮง! หนุ่มอุดรฯ ถูกลอตเตอรี่เกาหลีใต้ รับเงินรางวัล 45 ล้านบาท ลูกสาวเผยพ่อเป็นคนชอบทำบุญ ก่อนหน้านี้เพิ่งโทรมาบอกให้ใส่บาตร เชื่อผลบุญหนุนโชคลาภ

สามีภรรยาจากอยุธยารับ “เจ้าจอร์จ” ไปดูแล

สามีภรรยาใจบุญจาก จ.พระนครศรีอยุธยา ขอรับ “เจ้าจอร์จ” สุนัขพันธุ์อเมริกันบูลลี่ ไปอุปการะแล้ว หลังกัดแทะร่างพระเจ้าของที่มรณภาพในกุฏิด้วยโรคประจำตัว

ดีเอสไออนุมัติสืบสวนคดีแตงโม คาดตั้งชุดเริ่มสืบได้ 27 ม.ค.นี้

อธิบดีดีเอสไอ อนุมัติให้สืบสวนคดีแตงโม ว่ามีการบิดเบือนกระบวนการยุติธรรมทางอาญาหรือไม่ และมีบุคคลหรือเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องหรือไม่ คาดเริ่มได้ 27 ม.ค.นี้