ทำเนียบฯ 23 ส.ค.- นบข. สั่งพาณิชย์-คลัง หารือใช้งบประกันรายได้ข้าวนา ปี 64/65 นายกฯ ย้ำต้องใช้จ่ายงบเป็นประโยชน์ต่อชาวนา มอบ ธ.ก.ส. ให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ผ่าน “สินเชื่อธุรกิจชุมชนสร้างไทย” จัดสรรโควส่งออกข้าวไปยุโรป 1,700 ตันต่อปี
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2564 ซึ่งมีพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นประธาน (ผ่านระบบ Video Conference) ได้ติดตามสถานการณ์ข้าวโลก ข้าวไทย ความต้องการใช้ข้าวปี 2564/65 โดยที่ประชุม นบข. มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปหารือ แนวทางการจัดสรรงบประมาณพร้อม เพื่อจัดทำรายละเอียดให้ชัดเจน เพื่อเสนอครม. พิจารณา นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า ขอให้ใช้จ่ายงบประมาณผ่าน โครงการต่าง ๆ ให้เกิดประสิทธิภาพและคุ้มค่าต่อประชาชนเกษตรกรได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง
สำหรับโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2564/65 รอบที่ 1 กำหนดแนวทางการดำเนินโครงการเช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา กำหดนเป้าหมาย คือ ข้าวเปลือกหอมมะลิ ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ข้าวเปลือกเจ้า ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี และข้าวเปลือกเหนียว ในพื้นที่เพาะปลูกข้าวทั่วประเทศ ที่ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตร จำนวน 4.689 ล้านครัวเรือน โดยราคาและปริมาณประกันรายได้ คือ ราคาความชื้นไม่เกิน 15% ไม่เกินครัวเรือนละ 40 ไร่ยกเว้นข้าวเจ้า ไม่เกิน 50 ไร่ โดยชดเชยเป็นจำนวนตันในแต่ละชนิดข้าว ดังนี้
1) ข้าวเปลือกหอมมะลิ 15,000 บาทต่อตัน ครัวเรือนละไม่เกิน 14 ตัน
2) ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ 14,000 บาทต่อตัน ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน
3) ข้าวเปลือกเจ้า 10,000 บาทต่อตัน ครัวเรือนละไม่เกิน 30 ตัน
4) ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี 11,000 บาทต่อตัน ครัวเรือนละไม่เกิน 25 ตัน
5) ข้าวเปลือกเหนียว 12,000 บาทต่อตัน ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุม อนุกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติด้านการตลาด ครั้งที่ 1/2564 ว่า เห็นชอบเดินหน้านโยบายประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวปีที่ 3 โดยใช้หลักเกณฑ์เช่นเดียวกับการประกันรายได้ปีที่ผ่านมา คาดการณ์ใช้งบประมาณผ่าน โครงการกันรายได้ 80,000 ล้านบาท และงบประมาณสำหรับมาตาการเสริมประมาณ 8,000 ล้านบาท
นายกรัฐมนตรียังแสดงความห่วงใยผลกระทบต่อการส่งออกข้าวไทยเช่น การแข่งขันกับต่างประเทศขายข้าวถูกกว่าไทย การขาดแคลนตู้สินค้า ค่าระวางเรือสูงขึ้น โรงสีขาดสภาพคล่องจากปัญหาไวรัสโควิด-19 ขอให้ทุกหน่วยงานช่วยกันดูแลเกษตรกร โดยใช้งบประมาณให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด แม้ผู้ส่งออกจะได้รับผลดี เงินบาทอ่อนค่าร้อยละ 8 จึงอยากให้ทุกหน่วยงาน เร่งแก้ไขปัญหาเพิ่มความสามารถการแข่งขันของ ไทยในตลาดโลก และบริหารจัดการตู้สินค้าให้เพียงพอ และหาทางดูแลชาวนาภาคอีสานหันมาปลูกพืชอื่นควบคู่การปลูกข้าวให้สอดคล้องกับสภาพพื้นที่และปริมาณน้ำเพื่อให้เกษตรกรมีอาชีพและรายได้เพิ่ม แทนการเข้ามาหางานทำในเมืองใหญ่ด้วย
ในที่ประชุม นบข. ยังเห็นชอบให้กระทรวงเกษตรฯ ดำเนินโครงการเชื่อมโยงตลาดข้าวอินทรีย์และข้าว GAP ครบวงจรในระยะที่ 2 (ปี 2565 – 2568) มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ และ ธ.ก.ส. ร่วมดำเนินการและการจัดสรรโควตาร้อยละ 10 ของโควตาการส่งออกข้าวไปยังสหภาพยุโรป (EU) จำนวน 1,700 ตันต่อปี เห็นชอบให้ ธ.ก.ส. สนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำในโครงการสินเชื่อธุรกิจชุมชนสร้างไทยดูแลกลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน สหกรณ์การเกษตร ที่ดำเนินโครงการ ส่งเสริมให้เกษตรกรมีตลาดรองรับผลผลิตข้าวคุณภาพ ไม่น้อยกว่า 30,000 ครัวเรือน มีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างน้อย 350 ล้านบาท (ข้าว GAP เพิ่มขึ้นตันละ 500 บาท ข้าวอินทรีย์เพิ่มขึ้นตันละ 2,000 บาท) รวมถึงขยายพื้นที่การผลิตข้าวคุณภาพ มาตรฐานข้าวอินทรีย์และข้าว GAP อย่างน้อย 700,000 ไร่ เพื่อลดการนำเข้าสารเคมีทางการเกษตรและสารตกค้างในสิ่งแวดล้อม .-สำนักข่าวไทย