ดัชนีเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ก.ค. ต่ำสุดในรอบ 4 เดือน

กรุงเทพฯ 9 ส.ค. -ส.อ.ท. เผยดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนกรกฎาคม อยู่ที่ระดับ 78.9 ถือว่าต่ำสุดในรอบ 4 เดือน

นายสุพันธ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ ส.อ.ท.เปิดเผยถึงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ประจำเดือนกรกฎาคม 2564 และการยกระดับโรงพยาบาลสนาม ส.อ.ท. ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนกรกฎาคม อยู่ที่ระดับ 78.9 ลดลงจากเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาที่ระดับ 80.7 ถือว่าต่ำสุดในรอบ 4 เดือน โดยมีปัจจัยลบมาจาก สถานการณ์ระบาดของโควิด 19 ที่ยังไม่คลี่คลาย ภาครัฐออกมาตรการล็อคดาวน์ในพื้นที่ 13 จังหวัด มาตรการเคอร์ฟิวช่วงเวลา 21.00-04.00 น.จำกัดการเดินทางในประเทศ ภาครัฐขอความร่วมมือผู้ประกอบการให้พนักงานทำงานที่บ้านให้มากที่สุด มาตรการล็อคดาวน์ยังไม่สามารถลดจำนวนผู้ติดเชื้อลงได้และยังส่งผลให้ภาคธุรกิจโดยเฉพาะเอสเอ็มอี ประชาชนมีรายได้ลดลง การแพร่ระบาดในโรงงานอุตสาหกรรมหลายแห่งทำให้กำลังการผลิตลดลงเกิดปัญหาขาดแคลนแรงงาน รวมทั้งแรงงานในภาคอุตสาหกรรมยังได้รับวัคซีนในสัดส่วนที่น้อย อย่างไรก็ตามก็มีปัจจัยบวกจากภาคการส่งออกที่มีการขยายตัวต่อเนื่อง จากคำสั่งซื้อและยอดขายต่างประเทศที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า เศรษฐกิจประเทศคู่ค้ามีทิศทางที่ดีขึ้นจากสัดส่วนประชากรที่ฉีดวัคซีนเพิ่มมากขึ้นทำให้อุปสงค์ในตลาดต่างประเทศขยายตัวและการอ่อนค่าลงของเงินบาทเป็นปัจจัยสนับสนุนการส่งออก


สำหรับการคาดการณ์ใน 3 เดือนข้างหน้า ผู้ประกอบการมีความกังวลต่อสถานการณ์โควิด-19 โดยเฉพาะการแพร่ระบาดในโรงงานอุตสาหกรรมซึ่งหากไม่สามารถควบคุมได้จะกระทบต่อภาคการผลิตและการส่งออก มาตรการล็อคดาวน์จะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ สถานการณ์โควิด19 ทั่วโลกยังไม่แน่นอนจากสายพันธุ์เดลต้าในหลายประเทศ อาจส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกรวมถึงการส่งออกของไทยในระยะต่อไป

ทั้งนี้มี 11 อุตสาหกรรมที่มีค่าดัชนีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น คือ ยานยนต์ ชิ้นส่วนและอะไหล่ยานยนต์ ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์และโทรคมนาคม เครื่องปรับอากาศและทำความเย็น ยา ปิโตรเคมี ผลิตภัณฑ์ยาง พลาสติก การพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ อลูมิเนียม รวมทั้งผู้ผลิตเครื่องมือแพทย์และสุขภาพซึ่งหากมองในภาพรวมจากขนาดอุตสาหกรรม จะพบว่า ดัชนีอุตสาหกรรมขนาดย่อม ขนาดกลางปรับตัวลดลง ขนาดใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้น และแนวโน้มในอีก 3 เดือนข้างหน้าจะเป็นไปในทิศทางเดียวกันคือ ดัชนีอุตสาหกรรมขนาดย่อม ขนาดกลางปรับตัวลดลง ขนาดใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้น และเมื่อจำแนกดัชนีความเชื่อมั่นตามภูมิภาค ภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคใต้ ปรับตัวลดลงแต่ภาคตะวันออก ปรับตัวเพิ่มขึ้น และแนวโน้มในอีก 3 เดือนข้างหน้าจะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยภาคตะวันออกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากภาคการส่งออกที่ขยายตัวต่อเนื่อง ขณะที่การอ่อนค่าลงของเงินบาทเป็นปัจจัยสนับสนุนการส่งออก อุตสาหกรรมที่ขยายตัวดี เช่น เครื่องจักรกลและโลหะการ เครื่องปรับอากาศและทำความเย็น ปิโตรเคมี ขณะเดียวกันผู้ประกอบการมีความกังวลเกี่ยวกับปัจจัยหลักเรื่องราคาน้ำมัน สถานการณ์การเมืองในประเทศและอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เพิ่มขึ้น


ทาง ส.อ.ท.มีข้อเสนอแนะต่อภาครัฐ คือ การเร่งตรวจเชิงรุกในกลุ่มพื้นที่สีแดงเข้ม ขอให้ภาครัฐเร่งฉีดวัคซีนให้แก่แรงงาน ม.33 สนับสนุนให้มีการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามในสถานประกอบการ เสนอให้ภาครัฐนำระบบแจ้งเตือนผู้มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อในโทรศัพท์เคลื่อนที่มาใช้เพื่อช่วยป้องกันและติดตามการแพร่ระบาด ให้ภาครัฐดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องและเร่งรัดมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีให้เข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้น

สำหรับการยกระดับโรงพยาบาลสนาม ส.อ.ท.ได้ยกระดับโรงพยาบาลสนามในสมุทรสาครให้เป็นสีเหลืองเข้มเป็นแห่งแรก โดยสามารถรองรับผู้ป่วยสีเหลืองเข้มได้ 10 เตียง และผู้ป่วยสีเหลืองอ่อนได้ 190 เตียง พร้อมส่งเสริมการทำมาตรการ Bubble and Seal ในโรงงานซึ่งขณะนี้ได้ปรับเพิ่มเป็น 600 เตียงแล้ว นอกจากนี้ยังมีการแจกเมล็ดพันธุ์ฟ้าทะลายโจร 3 แสนเมล็ดให้สมาชิก ส.อ.ท.ร่วมปลูกในรั้วโรงงานเพื่อเตรียมความพร้อม ลดภาระ เพิ่มภูมิคุ้มกัน พร้อมจัดทำคู่มือแนะนำวิธีการปลูกฟ้าทะลายโจร คู่มือการทำ Home Isolation และ Community Isolation คู่มือการทำ Quarantine สำหรับโรงงานเมื่อมีผู้ป่วยโควิด 19 และคู่มือแนะนำ Antigen Test Kit รวมทั้งการจัดทำกล่องห่วงใยจากใจ ส.อ.ท.ที่มีสินค้าและผลิตภัณฑ์ที่ได้รับบริจาคบรรจุอยู่ในกล่องนี้ 22 ชนิดบริจาคไปตามโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆทั่วประเทศด้วย

นายสุพันธุ์ ยังระบุด้วยว่า สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและสมาคมธนาคารไทย หรือ คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน หรือ  กกร.จะทำหนังสือขอเข้าพบนายกรัฐมนตรีในเร็วๆนี้ เพื่อให้ช่วยปลดล็อคเรื่องวัคซีน และค่าใช้จ่ายในการรักษาพนักงานเพื่อให้รัฐช่วยเหลือและเยียวยาเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบในต่อไป. – สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดปมสามียิงภรรยาดับคารถ ปัญหาเรื่องเงิน

กทม. 11 มิ.ย. – เปิดปมเหตุสามียิงภรรยาดับคารถ พี่ชายกับเพื่อนรุ่นน้องเผยว่าผู้ก่อเหตุมีปัญหาเรื่องเงิน พบช่วง 4-5 เดือนที่ผ่านมา พฤติกรรมเริ่มเปลี่ยนไป จากกรณีนายมีนาพัฒน์ อายุ 40 ปี ก่อเหตุยิงนางสาวนันทิชา อายุ 36 ปี ภรรยาของตัวเอง แล้วทิ้งศพไว้ในรถ ในซอยเพชรเกษม 67 แยก 8 เขตบางแค และหลังก่อเหตุปิดล็อกประตูเงียบอยู่ในบ้านพัก เจ้าหน้าที่ล้อมจับนาน 4 ชั่วโมง จนยอมมอบตัวเมื่อคืนวานนี้ (10 มิ.ย.) ต่อมาพี่ชายของนายมีนาพัฒน์ มาเยี่ยมผู้ก่อเหตุที่ สน.เพชรเกษม เปิดใจยอมรับว่าสาเหตุส่วนใหญ่มาจากปัญหาเรื่องเงิน เมื่อช่วงเดือนเมษายน น้องสะใภ้ (ผู้ตาย) บอกว่า น้องชายนำบ้านที่แม่ยกให้เป็นมรดกไปเข้าธนาคาร 2 ล้านกว่าบาท ซึ่งผิดจากปกติที่น้องไม่เคยมีปัญหาเรื่องเงินมาก่อน เพราะแม่ยกสมบัติให้เยอะมาก ครั้งสุดท้ายที่คุยกับน้องชายคือเมื่อวานนี้ช่วง 19.30 น. น่าหลังจากก่อเหตุฆ่าภรรยาแล้ว คุยกันประมาณครึ่งชั่วโมงสังเกตได้ว่าน้องชายมีอาการสับสน พูดไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่มีบางประโยคที่น้องชายพูดออกมาแล้วรู้สึกหงุดหงิดใจ เรื่องบ้านที่แม่ยกให้เป็นมรดก บอกว่า “บ้านหลังนี้ครอบครัวเราจะต้องได้อยู่” […]

ตำรวจภาค 8 รวบ 3 ราย ขบวนการส่งยาขนมากับรถทัวร์

กระบี่ 11 มิ.ย. – รวบขบวนการค้ายาบ้า ขนมากับรถทัวร์ สายเชียงใหม่-ภูเก็ต 3 แสนเม็ด แวะลงกระบี่ ส่งให้เอเย่นต์สาขาสุราษฎร์ฯ ตำรวจรวบทีเดียวทั้งคนส่งและคนรับ นายอังกูร ศีลาเทวากูล ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ พล.ต.ต.พรชัย ขจรกลิ่น รอง ผบช.ภ.8 รักษาการ ผบ.ภ.จ.กระบี่ แถลงผลการจับกุมขบวนการค้ายาเสพติด ได้ผู้ต้องหา 3 คน พร้อมของกลางยาบ้า 300,000 เม็ด ประกอบด้วย นายสัมพันธ์ อายุ 54 ปี นายสุรพล อายุ 30 ปี และนางสาวสุนารี อายุ 27 ปี พร้อมยึดรถเก๋ง 1 คัน และแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยกระทำเพื่อการค้า และก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน การจับกุมครั้งนี้ เจ้าหน้าที่รับแจ้งจากสายลับว่า จะมีการส่งมอบยาบ้ากันบริเวณสามแยกเขาต่อ อ.ปลายพระยา จ.กระบี่ เมื่อถึงเวลาก็มีรถทัวร์สายเชียงใหม่-ภูเก็ต […]

‘ฮุน มาเนต’ ย้ำทหารกัมพูชาไม่ได้ถอยออกจากพื้นที่

ปารีส 10 มิ.ย. – ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ส่งสารจากฝรั่งเศสถึงชาวกัมพูชา ยืนยันจุดยืนกองทัพไม่ได้ถอนออกจากพื้นที่ภายใต้อธิปไตย พร้อมร่วมมือกับไทยปักปันเขตแดน ตามกลไกเจบีซี ยกเว้น 4 จุดที่จะส่งศาลโลกตัดสิน ฮุน มาเนต ซึ่งอยู่ระหว่างเข้าร่วมการประชุมว่าด้วยมหาสมุทรของสหประชาชาติ ครั้งที่ 3 ที่เมืองนีซ ประเทศฝรั่งเศส โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก Hun Manet ส่งสารถึงชาวกัมพูชา มีใจความดังนี้ กองทัพกัมพูชาสนับสนุนความพยายามในการหาทางแก้ไขปัญหานี้โดยสันติ แต่พร้อมที่จะปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐบาลในการปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดนจากการพยายามรุกรานใดๆ กองทัพกัมพูชาพร้อมที่จะเข้าร่วมสนับสนุนกลไกการเจรจาชายแดนกับไทยที่มีคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม เพื่อดำเนินงานรังวัดและปักปันเขตแดนที่เหลือระหว่าง 2 ประเทศต่อไป ยกเว้นประเด็นที่กัมพูชาจะส่งให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือ ไอซีเจ (ICJ) พิจารณา

นายกฯ พบชาวไร่อ้อย รับข้อเสนอราคาอ้อย

ทำเนียบ 10 มิ.ย.-นายกฯ พบชาวไร่อ้อย รับข้อเสนอราคาอ้อย มอบ รมว.อุตสาหกรรม แก้ปัญหาราคา ก่อนประชุม ครม. ไม่ตอบคำถามสื่อปมเอกสาร รทสช.ขอปรับรัฐมนตรี จับตา ครม. ถกข้อพิพาทไทย-กัมพูชา ก่อนประชุม JBC 14 มิ.ย.นี้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีประจำสัปดาห์ โดยก่อนการประชุม ประธานสมาพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย และคณะ เข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อแสดงความขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ให้การสนับสนุนช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อย โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐมนตรีติดตามการแก้ไขปัญหาของเกษตรกรมาโดยตลอด และมารายงานเรื่องนี้อย่างละเอียดอยู่ตลอด ตนทราบปัญหา ทางเกษตรกรจึงเน้นย้ำว่า ปัญหาจะแก้ไขได้ก็ต้องเป็นไปภายใต้การสนับสนุนจากนายกรัฐมนตรี “อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร” นายกรัฐมนตรี จึงไหว้รับขอบคุณ พร้อมกับกล่าวต่อว่า อะไรที่เกิดประโยชน์ต่อประชาชน ก็พร้อมที่จะแก้ไขในทุกเรื่องอยู่แล้ว จึงอยากให้จัดระบบให้ดี เพื่อให้เกิดประโยชน์กับคนทุกกลุ่ม ขณะเดียวกันเกษตรกรยังฝากรัฐบาลให้ไปดูแลในการรับซื้อใบอ้อย เนื่องจากเกษตรกรให้ความร่วมมือในการตัดอ้อยสด ทำให้นายกรัฐมนตรีถึงกับกล่าวแซว โห นี่จริงๆ ทำไมไม่ไปเป็นนักการเมือง ในสภาน่าจะเก่งเรื่องนี้ ทำให้เกษตรกรคนดังกล่าวกล่าวว่าลูกชายของตนเป็นนายก 6 สมัยรวด ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะกล่าวขอบคุณ และขอให้ทุกคน”รวยๆ […]

ข่าวแนะนำ

ร่างตัวประกันไทยรายสุดท้ายที่เสียชีวิตในกาซา ถึงไทยแล้ว

11 มิ.ย. – ร่างแรงงานไทยที่ถูกจับเป็นตัวประกันและเสียชีวิตในฉนวนกาซา ถึงไทยแล้ว ด้านกระทรวงแรงงาน เผยเร่งช่วยเหลือครอบครัวและทายาท ร่างของนายณัฐพงษ์ ปินตา แรงงานไทยที่ถูกกลุ่มฮามาสจับเป็นตัวประกันและเสียชีวิตในฉนวนกาซา ที่ถูกส่งกลับมาด้วยสายการบินอิสราเอลแอร์ไลน์ ออกเดินทางจากกรุงเทลอาวีฟ ได้เดินทางถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เรียบร้อยแล้ว เมื่อเวลา 14.00 น. วันนี้ (11 มิ.ย.) โดยมี นายอารี ไกรนรา เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และ น.ส.ชยิกา วงศ์นภาจันทร์ ที่ปรึกษาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รวมถึงผู้แทนเอกอัครราชทูตรัฐอิสราเอลประจำประเทศไทย มารอรับ และร่วมวางพวงหรีดหน้าหีบศพเพื่อแสดงความอาลัย โดยนายณัฐพงษ์ เป็นตัวประกันแรงงานไทยรายสุดท้ายที่ค้นพบร่างและสามารถส่งกลับไทยได้ สำหรับการช่วยเหลือเยียวยาที่ทายาทจะได้รับ คือ 1.ในส่วนของสถาบันประกันภัยอิสราเอล กรณีแรงงานเสียชีวิต ครอบครัวหรือทายาทจะได้รับเงินชดเชย ได้แก่ ค่าทำศพ ประมาณ 79,000 บาท, ค่าใช้จ่ายในการฝังศพเท่าที่จ่ายจริง ไม่เกิน 47,000 บาท (1,300 USD), เงินช่วยเหลือการเป็นม่าย (หากมีภรรยา) ประมาณ 57,000 บาท, เงินชดเชยรายเดือนและรายปีอื่นๆ […]

“ทูน” แจ้งความถูกวัยรุ่นทำร้าย ขณะซื้อของย่านคลองถม

สน.พลับพลาไชย1 11 มิ.ย.- “ทูน หิรัญทรัพย์” อดีตนักแสดงรุ่นใหญ่ แจ้งความ สน.พลับพลาไชย 1 ถูกวัยรุ่นทำร้าย ขณะเดินซื้อของย่านคลองถม อีกฝ่ายอ้างป้องกันตัว นายทูน หิรัญทรัพย์ หรือ นายสพัชญ์นนทน์ อายุ 69 ปี อดีตดารานักแสดงรุ่นใหญ่ เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.พลับพลาไชย 1 กรณีถูกวัยรุ่น 2 คน รุมทำร้ายร่างกาย ได้รับบาดเจ็บ ขณะไปเดินซื้อของในซอยข้างคลองถมพลาซ่า เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. ที่ผ่านมา นายทูน เล่าเหตุการณ์ว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองและครอบครัวได้ไปเดินหาซื้อไฟในย่านคลองถม ระหว่างนั้นก็มีผู้คนมาทักทายเพราะเห็นว่าตัวเองเป็นดารา แต่มีวัยรุ่นคนหนึ่งพูดจาไม่น่าฟังบอกว่าดาราอะไรเคยไม่รู้จัก จึงตักเตือนในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่ ว่า จะพูดจาอะไรก็ต้องให้เกียรติคนอื่นโดยเฉพาะคนที่อาวุโสกว่า จนเกิดมีปากเสียงกัน จากนั้นวัยรุ่นดังกล่าวก็ชกเข้าที่เบ้าตาขวา ซึ่งเป็นตาข้างที่บอดอยู่ จึงไม่เห็นหมัด ก่อนจะมีตำรวจเข้ามาระงับเหตุ แต่วัยรุ่นคู่กรณีก็ยังทำท่าไม่พอใจฮึดฮัดใส่อยู่ ก่อนจะถูกควบคุมตัวไปที่ สน.พลับพลาไชย ซึ่งตัวเองก็ได้เดินทางมาแจ้งความดำเนินคดีด้วยเช่นกัน นายทูน กล่าวว่า ตลอดชีวิตที่เป็นนักแสดงนั้นเคยแต่เจอผู้คนเข้ามาทักทาย ขอถ่ายรูป ด้วยความมีมิตรไมตรี […]

นายกฯ ดูบังเกอร์หลบภัย ถามผู้ว่าฯ สุรินทร์ ทำไมไม่ของบ มท.

11 มิ.ย.- นายกฯ ดูชาวบ้านทำบังเกอร์ ร้องโถ่ ก่อนถามผู้ว่าฯ สุรินทร์ ทำไมไม่ของบ ก.มหาดไทย หลังรายงานขอรับบริจาคมาใช้แทนยางรถยนต์ วันนี้ (11 มิ.ย. 68) เวลา 13.40 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะ ลงพื้นที่ต่อมายังหมู่บ้านสกลพัฒนา ตำบลตะเคียน อำเภอกาบเชิง เพื่อพบปะชาวบ้าน มอบสิ่งของ และตรวจดูการทำบังเกอร์หลบภัย โดยทันทีที่นายกรัฐมนตรีเดินทางมาถึง ได้มีชาวบ้านนำผ้าขาวม้ามามอบให้ ซึ่งนายกฯ รับมาก่อนจะหันไปหานายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ว่า “ผูกกันเป็นทีม” ก่อนจะมอบสิ่งของอุปโภค – บริโภค เพื่อให้กำลังใจชาวบ้านในพื้นที่ จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้เยี่ยมชมการสร้างบังเกอร์ โดยมีนายชำนาญ ชื่นตา ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ และผู้ใหญ่บ้านหมู่บ้านสกลพัฒนา รายงาน โดยนายกรัฐมนตรี ถามผู้ว่าฯ ว่า ขอเข้าไปดูได้หรือไม่ และถามชาวบ้านบ้านว่า “ทำมานานหรือยัง” โดยชาวบ้านบอกว่า […]

คุมตัว “หมอแอร์” ฝากขังศาลอาญา-ค้านประกันตัว

กรุงเทพฯ 11 มิ.ย. – คุมตัว “หมอแอร์” ฝากขังศาลอาญา รัชดาฯ ตำรวจคัดค้านการประกันตัว ส่วนผู้ต้องหาอีก 6 คน ที่ถูกจับในขบวนการเดียวกัน พนักงานสอบสวนจะนำตัวฝากขังพรุ่งนี้ (12 มิ.ย.) พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามยาเสพติด 1 ควบคุมตัวหมอแอร์ ไปฝากขังศาลอาญา รัชดาฯ พร้อมคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากการกระทำความผิดมีอัตราโทษสูง เกรงว่าจะมีการหลบหนีและยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน เนื่องจากผู้ต้องหาเป็นข้าราชการตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ในระหว่างควบคุมตัว หมอแอร์สวมหมวก แว่นตาดำ และแมสก์ปิดบังใบหน้า พยายามแอบอยู่หลังเจ้าหน้าที่ โดยไม่ตอบคำถามของสื่อมวลชนแต่อย่างใด สำหรับผู้ต้องหาอีก 6 คน ที่ถูกจับในขบวนการเดียวกัน พนักงานสอบสวนจะนำตัวไปฝากขังศาลอาญา รัชดาฯ วันพรุ่งนี้ (12 มิ.ย.) .-สำนักข่าวไทย