สมาคมประกันวินาศภัยไทย พร้อมชดเชยสินไหม

กรุงเทพฯ 30 ก.ค.-สมาคมประกันวินาศภัยไทย พร้อมชดเชยสินไหม การดูแลผู้ติดเชื้อที่บ้านและชุมชน ผู้ป่วย COVID-19 จากเดิมจ่ายเฉพาะรักษาในโรงพยาบาล

นายอานนท์ วังวสุ นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทยเปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในปัจจุบัน ซึ่งได้ทวีความรุนแรงและขยายวงกว้างอย่างต่อเนื่อง ส่งผลทำให้ภาครัฐต้องดำเนินการเพิ่มช่องทางการนำผู้ติดเชื้อ COVID-19 เข้าสู่ระบบการดูแลในรูปแบบของการดูแลผู้ติดเชื้อที่บ้าน (Home Isolation) และการดูแลผู้ติดเชื้อด้วยระบบชุมชน (Community Isolation) เพิ่มจากเดิมที่กำหนดให้เป็นการเข้ารับการรักษาพยาบาลในสถานพยาบาล โรงพยาบาลสนาม หรือ Hospitel เท่านั้น


สมาคมฯ ได้มีการหารือกับสำนักงาน คปภ. และบริษัทสมาชิก ในการพิจารณาปรับเกณฑ์การจ่ายค่าสินไหมทดแทน COVID-19 ให้เหมาะสมกับรูปแบบการดูแลผู้ติดเชื้อมากยิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มผลประโยชน์และอำนวยความสะดวกให้กับผู้เอาประกันภัย ดังต่อไปนี้

  1. กรมธรรม์ประกันภัยซึ่งให้ความคุ้มครองกรณีเจ็บป่วยหรือตรวจพบเชื้อ COVID-19 (แบบ เจอ จ่าย จบ) เนื่องจากในกรมธรรม์ประกันภัยแบบเจอ จ่าย จบ ได้กำหนดให้ผู้เอาประกันภัยซึ่งเป็นผู้ติดเชื้อ COVID-19 ต้องแสดงหลักฐานใบรับรองแพทย์ประกอบการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน อย่างไรก็ตาม ระบบการดูแลผู้ติดเชื้อในรูปแบบ Home Isolation และ Community Isolation ทำให้ผู้เอาประกันภัยไม่สามารถขอใบรับรองแพทย์จากสถานพยาบาลได้ และอาจทำให้การดำเนินการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนไม่ได้รับความสะดวกในสถานการณ์ปัจจุบัน สมาคมฯ จึงได้ขอความร่วมมือจากบริษัทสมาชิกในการอนุโลมไม่ต้องเรียกเอกสารใบรับรองแพทย์จากผู้เอาประกันภัยในช่วงเวลานี้ โดยขอให้ใช้เพียงเอกสารการตรวจพบเชื้อ COVID-19 แบบ RT-PCR ของผู้เอาประกันภัย จากหน่วยงานตรวจหาเชื้อ COVID-19 ที่มีมาตรฐานและผ่านการรับรองจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เพื่อให้สามารถยืนยันตัวตนของผู้ที่รับการตรวจหาเชื้อได้และผลการตรวจมีความน่าเชื่อถือ
  2. กรมธรรม์ประกันภัยซึ่งให้ความคุ้มครองกรณีการเจ็บป่วยระยะสุดท้าย และ/หรือ ภาวะโคม่า และ/หรือ ภาวะสมองตายและระบบประสาทล้มเหลว จากโรค COVID-19 เป็นเหตุให้เสียชีวิต เนื่องจากในกรมธรรม์ประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองดังกล่าว กำหนดให้ผู้เอาประกันภัยต้องได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ว่าการเจ็บป่วยระยะสุดท้าย และ/หรือ ภาวะโคม่า และ/หรือ ภาวะสมองตายและระบบประสาทล้มเหลว เป็นสาเหตุให้เสียชีวิต แต่ในกรณีที่มีการเสียชีวิตด้วยโรค COVID-19 นอกสถานพยาบาล เช่น ที่บ้าน หรือสถานที่อื่นๆ ซึ่งไม่มีการวินิจฉัยจากแพทย์ว่าผู้เสียชีวิตอยู่ในภาวะดังกล่าวก่อนเสียชีวิต บริษัทประกันวินาศภัยจะอนุโลมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามความคุ้มครองของกรมธรรม์ประกันภัย
  3. กรมธรรม์ประกันภัยซึ่งให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลจากโรค COVID-19 เนื่องจากในกรมธรรม์ประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาล จะให้ความคุ้มครองเฉพาะการรักษาตัวแบบผู้ป่วยในในสถานพยาบาล โรงพยาบาลสนาม หรือ Hospitel เท่านั้น บริษัทประกันวินาศภัยจึงได้ขยายความคุ้มครองถึงค่ารักษาพยาบาลระหว่างการรักษาตัวในรูปแบบ Home Isolation และ Community Isolation โดยบริษัทประกันวินาศภัยจะอนุโลมจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้กับผู้เอาประกันภัยตามความจำเป็นทางการแพทย์ที่ได้จ่ายจริงในขอบเขตการรักษาพยาบาลแบบผู้ป่วยนอก แต่ไม่เกินวงเงินคุ้มครองที่ระบุไว้ในตารางกรมธรรม์ประกันภัย
  4. กรมธรรม์ประกันภัยซึ่งให้ความคุ้มครองค่าชดเชยรายวันหรือค่าชดเชยรายได้จากโรค COVID-19 เนื่องจากในกรมธรรม์ประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองค่าชดเชยรายวันหรือค่าชดเชยรายได้ จะให้ความคุ้มครองสำหรับการรักษาตัวแบบผู้ป่วยในในสถานพยาบาล โรงพยาบาลสนาม หรือ Hospitel เท่านั้น บริษัทประกันวินาศภัยจึงได้อนุโลมจ่ายค่าชดเชยรายวันหรือค่าชดเชยรายได้ให้กับผู้เอาประกันภัยซึ่งเป็นผู้ป่วยโรค COVID-19 ที่มีความจำเป็นทางการแพทย์ต้องเข้ารับการรักษาตัวเป็นผู้ป่วยใน แต่ไม่สามารถหาสถานพยาบาล โรงพยาบาลสนาม หรือ Hospitel รองรับได้ จึงต้องเข้ารักษาตัวในรูปแบบ Home Isolation หรือ Community Isolation

ทั้งนี้ บริษัทประกันวินาศภัยจะจ่ายค่าชดเชยให้เฉพาะกลุ่มผู้ป่วย COVID-19 ที่มีความเสี่ยงสูงตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุข เช่น ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ผู้มีภาวะอ้วน (ดัชนีมวลกายมากกว่า 30 หรือน้ำหนักตัวมากกว่า 90 กิโลกรัม) หรือ ผู้มีโรคประจำตัวได้แก่ โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) โรคไตเรื้อรัง (CKD Stage 3,4) โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง โรคเบาหวานที่ควบคุมไม่ได้ หรือโรคอื่นๆ ตามดุลยพินิจของแพทย์ โดยบริษัทประกันวินาศภัยจะจ่ายค่าชดเชยให้ไม่เกิน 14 วันนับแต่วันที่ปรากฏหลักฐานการติดเชื้อ COVID-19 ซึ่งระยะเวลาดังกล่าวได้อ้างอิงตามระยะเวลาการดำเนินโรค COVID-19


นายอานนท์ วังวสุ กล่าวปิดท้ายว่า “สมาคมประกันวินาศภัยไทยและภาคธุรกิจประกันวินาศภัยหวังเป็นอย่างยิ่งว่า มาตรการผ่อนผันและผลประโยชน์ต่างๆ ที่ได้กำหนดเพิ่มเติมนั้น จะช่วยเหลือและช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้เอาประกันภัยซึ่งเป็นลูกค้าของเราได้เหมาะสมกับสถานการณ์มากยิ่งขึ้น เพื่อให้ธุรกิจประกันวินาศภัยได้ทำหน้าที่เป็นผู้บริหารความเสี่ยงมืออาชีพให้กับประชาชนและสังคมได้อย่างแท้จริง และมีส่วนร่วมในการนำพาประเทศก้าวข้ามผ่านวิกฤติในครั้งนี้” .- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

วันที่ 5 ชายแดนสุรินทร์ปะทะหนักแต่เช้ามืด

สุรินทร์ 28 ก.ค.-เข้าสู่วันที่ 5 ชายแดนสุรินทร์ กัมพูชาเปิดฉากปะทะหนักตั้งแต่เช้ามืด โดยเฉพาะโซนปราสาทตาควาย ด้านทีมข่าวลงพื้นที่ ต.บักได พบกระสุน BM-21 ตกจำนวนมาก บางหมู่บ้านเกิน 40 ลูก ขณะที่ศูนย์พักพิง ชาวบ้านยังมีปัญหาการหลับนอน และยังต้องการสิ่งของบริจาคจำนวนมาก ทีมข่าวลงพื้นที่ ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ วันนี้ มีกระสุน BM 21 มาตกในพื้นที่เป็นจำนวนมาก บางหมู่บ้านเกินกว่า 40 ลูก แต่ยังไม่มีรายงานความเสียหายที่เกิดขึ้นกับตัวบ้าน แต่สถานการณ์การปะทะ ที่เข้าสู่วันที่ 5 ทำให้วัวตายไปหลายตัว ส่วนใหญ่ตกในพื้นที่ทางการเกษตร โดยวันนี้พบว่า มีการเปิดฉากยิงปะทะกันด้วยอาวุธหนักตั้งแต่ช่วงเวลาตี 3 และมีเสียงดังอย่างต่อเนื่องจนถึงขณะนี้ เว้นระยะบ้าง เสียงรัวถี่บ้าง สลับกันไป โดยเฉพาะช่วง 10 โมงครึ่งที่ผ่านมา มีการปะทะกันชุดใหญ่เกินครึ่งชั่วโมง ทำให้เครื่องบินรบ F 16 ต้องขึ้นบินถล่ม เมื่อ 11 โมงเศษที่ผ่านมา สองแนวหลักที่ยิงข้ามมาเป็นประจำคือ […]

“ภูมิธรรม” ยกทีมไปมาเลเซีย ย้ำกัมพูชาต้องจริงใจหยุดยิง

กทม. 28 ก.ค.-“ภูมิธรรม” ยกทีมไปมาเลเซีย คุย “ฮุน มาเนต” หยุดยิงเป็นเรื่องแรก และต้องแสดงให้เห็นว่าจริงใจ ยันไม่มีเรื่องแผนที่ 1 : 200,000 พร้อมยึดหลักอธิปไตยและทรัพย์สินของประชาชนเป็นที่ตั้ง และก่อนไปหารือกองทัพแล้ว นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะประกอบด้วย นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม นายแพทย์พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ออกเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน. 6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ ไปยังท่าอากาศยานนานาชาติกรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย เพื่อเข้าร่วมการประชุมหารือแนวทางสันติภาพในภูมิภาค ณ ทำเนียบนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย นายภูมิธรรม กล่าวว่าวันนี้จะพบกันในเวลาประมาณ 15.00 น. จะมีการคุยกับนายฮุนมาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ซึ่งเป็นการยกระดับการคุยในระดับผู้นำประเทศในระดับนายกรัฐมนตรี โดยมาเลเซียในฐานะประธานอาเซียนจะเป็นโฮส มีผู้เสนอตัวเข้ามาเป็นผู้สังเกตการณ์2 ประเทศคือสหรัฐอเมริกาและสาธารณรัฐประชาชนจีน […]

มทภ.2 ลั่น “ผมยังอยู่” หลังกัมพูชาปล่อยเฟกนิวส์

กทม. 28 ก.ค.-มทภ.2 ลั่น “ผมยังอยู่” หลังกัมพูชาปล่อยเฟกนิวส์ ทหารถือรูปภาพ ข้อความ RIP หวังทำลายขวัญกำลังใจ ยันจะต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ลูกน้อง ดูแลความปลอดภัยประชาชน ในการปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 28 ก.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ระบุว่า ภายหลังกัมพูชามีการรายงานและเผยแพร่รูปทหารถือภาพของตนเอง พร้อมข้อความ RIP ว่า เป็นข่าวปลอม หวังทำลายขวัญกำลังใจทหารแนวหน้าและคนไทย ยืนยันว่า ปัจจุบันนี้ตนยังต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่เจ้าหน้าที่ทหารทุกคนในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อดูแลความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ รวมถึงการปกป้องอธิปไตยของไทยต่อเนื่อง จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย และประชาชนมีความปลอดภัยอย่างแท้จริง พล.ท.บุญสิน ระบุต่อว่า ที่ผ่านมา ฝ่ายกัมพูชาพยายามบิดเบือนข้อมูล โดยการปล่อยข่าวเท็จ สร้างความสับสนในหมู่ของคนไทย ดังนั้น อยากให้ประชาชนติดตามข้อมูลข่าวสารจากหน่วยงานที่เชื่อถือได้.-313.-สำนักข่าวไทย

จ.แพร่ น้ำป่าทะลักเร่งอพยพชาวบ้านกลางดึก

แพร่ 28 ก.ค.-จ.แพร่ น้ำป่าไหลหลากในช่วงกลางดึก พื้นที่ ม.9 และ ม.1 ต.ไผ่โทน อ.ร้องกวาง เจ้าหน้าที่ต้องเร่งอพยพประชาชน แต่ในระหว่างอพยพ กระแสน้ำไหลเชี่ยว ทำให้ชาวบ้านที่กำลังข้ามน้ำถูกพัดออกไปติดอยู่อีกฝั่ง โชคดีชาวบ้านโยนเชือกช่วยเหลือไว้ได้ทัน ขณะน้ำเมื่อคืนไหลแรงมาก ชาวบ้านเก็บของไม่ทัน มีรถยนต์ ของใช้ที่ได้ถูกน้ำท่วมเสียหายเป็นจำนวนมาก แต่ยังไม่ได้รับรายงานผู้บาดเจ็บ หรือเสียชีวิต สำหรับฝนที่ตกลงมาใน จ.แพร่ โดยเฉพาะในพื้นที่ตำบลห้วยโรง และตำบลไผ่โทน เมื่อเวลา 20.00 น. มีปริมาณฝนสะสม 24 ชม. สูงสุด 130 มม. สำหรับแม่น้ำยมเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ที่บริเวณ Y20 สถานีวัดระดับน้ำบ้านห้วยสักวัดได้ 7.58 เมตร จากระดับตลิ่ง 9.00 ม. เมื่อตอนเวลา 22.00 น. หากฝนยังคงตกต่อเนื่องทำให้ปริมาณน้ำยมสูง อาจส่งผลให้น้ำท่วมระลอกที่ 2 ได้.-สำนักข่าวไทย