กรุงเทพฯ 30 ก.ค.- นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จํากัด (มหาชน) เผยว่าคณะกรรมการบริษัท ปตท. มีมติสนับสนุน บริษัท ไทยออยล์ จํากัด (มหาชน) ในการเข้าซื้อหุ้นของ PT Chandra Asri Petrochemical Tbk หรือ CAP
ซึ่งเป็นผู้ผลิตปิโตรเคมีรายใหญ่ของสาธารณรัฐอินโดนีเซีย เป็นตลาดปิโตรเคมีที่ใหญ่ที่สุดและมีแนวโน้มการเติบโตสูงในอาเซียน นอกจากนี้ ยังมีมติสนับสนุนแผนการจัดหาเงินทุนสําหรับการปรับโครงสร้างทางการเงินระยะยาวของ ไทยออยล์ โดยการลงทุนครั้งนี้จะเพิ่มโอกาสในการต่อยอดและเพิ่มมูลค่าทางธุรกิจ ซึ่งสอดคล้องกับแผนกลยุทธ์ในการเสริมสร้างศักยภาพในการแข่งขันของกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลายของกลุ่ม ปตท.
นายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต ซีอีโอไทยออยล์ แถลงว่าไทยออยล์ลงนามซื้อหุ้นสัดส่วนไม่เกิน 15.38% ของหุ้นทั้งหมดของ CAP สำหรับเงินลงทุนของบริษัทฯ จะนำไปใช้เฉพาะเพื่อการพัฒนาและก่อสร้างโรงงานปีโตรเคมีชื่งจะก่อสร้างโรงงานใหม่หรือ CAP2 เพิ่มกำลังผลิตอีกเท่าตัวหรือ 2ล้านตัน/ปี ในปี 68 โดยมูลค่าการลงทุนรวมไม่เกิน 1,183 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 39,116 ล้านบาท แผนการเงินเข้าลงทุน ทางปตท.จะสนับสนุนทั้งเงินกู้ระยะสั้นและการเสริมสภาพคล่องโดยยืดระยะเวลาจ่ายหนี้น้ำมันจาก 30 วันเป็น 90 วันหรือเทียบเท่า 30,000 ล้านบาท พร้อมทั้งไทยออยล์จะขายหุ้นจีพีเอสซีประมาณร้อยละ 10 ให้ปตท. เป็นวงเงินราว 20,000 ล้านบาท และไทยออยล์จะเพิ่มทุนอีก 10,000 ล้านบาทกระบวนการทั้งหมดก็จะเสร็จสิ้นภายในกลางปีหน้า
สำหรับประโยชน์การเข้าร่วมทุนอินโดเนียเซียครั้งนี้ทาง CAP จะสร้างโรงงานใหม่เสร็จในอีก 5 ปีข้างหน้าสามารถรองรับแนฟทาและแอลพีจีจากโครงการ CFP ของไทยออยล์ที่กำลังลงทุน 5,000 ล้านเหรียญสหรัฐขยายกำลังกลั่นจาก 275,000 เป็น 400,000 บาร์เรลต่อวันโดยยอมรับว่าผลกระทบจากโควิด-19 กระทบงานทำให้สร้างได้ต่ำกว่าแผนแต่จะพยายามเร่งให้แล้วเสร็จในปี 2566 จากการร่วมทุนกับอินโดนีเซียครั้งนี้ทำให้ไทยออยล์ไม่ต้องลงทุนสร้างโอเลฟินส์เองแต่อย่างใด และคาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้เบื้องต้น 40-50 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี.-สำนักข่าวไทย