หอการค้าไทย 5 ภาคย้ำชัดหยุดโควิดต้องวัคซีนเท่านั้น

กรุงเทพฯ 27 ก.ค.-หอการค้าไทย 5 ภาคย้ำชัดหยุดโควิดต้องวัคซีนเท่านั้น แนะรัฐเร่งคัดกรองการเดินทางข้ามจังหวัด-อัดมาตรการเยียวยาให้ครอบคลุม

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผย หลังประชุมร่วมกับ ประธานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคทั้ง 5 ภาค เพื่อติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของ Covid-19 รวมถึงรับฟังเสียงสะท้อนและแนวทางการฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยได้รับฟังสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละจังหวัด ซึ่งส่วนใหญ่อยากให้ภาครัฐมีมาตรการคัดกรองเข้มข้นเกี่ยวกับการเคลื่อนย้ายของประชาชนในการกลับภูมิลำเนา รวมถึงความสามารถของระบบสาธารณสุขที่เริ่มมีจำกัด โดยประธานหอการค้า 5 ภาค เห็นตรงกันว่าสิ่งสำคัญเร่งด่วนในตอนนี้คือต้องมีวัคซีนจัดสรรไปเพื่อการควบคุมการระบาดให้เร็วที่สุดและต้องมีมาตรการเยียวยาควบคู่กันไป เพื่อไม่ให้สถานการณ์ในต่างจังหวัดลุกลามไปมากกว่านี้


ทั้งนี้ มีความเห็นบางส่วนจากประธานหอการค้าภาค 5 ภาค ต่อสถานการณ์ปัจจุบัน ดังนี้ โดยหอการค้าภาคเหนือ นายสมบัติ ชินสุขเสริม ประธานหอการค้าภาคเหนือ มีข้อเสนอให้เข้มงวดด้านการเดินทางเพื่อไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดระหว่างการเดินทางกลับภูมิลำเนา ส่วนหอการค้าภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นายสวาท ธีระรัตนนุกูลชัย ประธานหอการค้าภาคอีสาน บอกว่าปัจจุบันแรงงานภาคอีสานที่ทำงานในกรุงเทพทยอยเดินกลับภูมิลำเนาจำนวนมาก ประกอบกับหลายจังหวัดมีพื้นที่ชายแดนติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้ต้องเฝ้าระวังเรื่องการลักลอบเข้าประเทศ จึงอยากให้ภาครัฐมีมาตรการคัดกรองการเดินทางให้ชัดเจน หอการค้าภาคกลาง นายธวัชชัย เศรษฐจินดา ประธานหอการค้าภาคกลาง กล่าวว่าในพื้นที่ภาคกลางเป็นแหล่งโรงงานอุตสาหกรรมและเป็นพื้นที่ที่มีการระบาดมากที่สุดของประเทศ ดังนั้น หากสามารถจัดให้มีการตรวจเชิงรุกในเขตอุตสาหกรรมก็จะช่วยให้การแพร่ระบาดที่เกิดขึ้นลดน้อยลงได้ สอดคล้องกับความคิดเห็นของหอการค้าภาคตะวันออก นายปรัชญา สมะลาภา ประธานหอการค้าภาคตะวันออก มองว่าหากไม่สามารถบริหารจัดการการแพร่ระบาดในเขตโรงงานได้ อาจจะกระทบกับภาคการผลิตและการส่งออกของประเทศในที่สุด และหอการค้าภาคใต้

นายวัฒนา ธนาศักดิ์เจริญ ประธานหอการค้าภาคใต้ บอกว่า ความสำเร็จเบื้องต้นในการเปิด Phuket Sand Box และสมุย พลัส ถือเป็นต้นแบบและก้าวแรกที่สำคัญในการขยายผลต่อ และจำเป็นอย่างยิ่งที่จังหวัดท่องเที่ยวใกล้เคียงจะต้องได้รับการจัดสรรวัคซีนให้มากขึ้น เพื่อให้การขยายผลโมเดลดังกล่าวช่วยฟื้นภาคธุรกิจท่องเที่ยวในพื้นที่


นอกจากนี้ หอการค้า 5 ภาค ยังมีข้อเสนอเสริมจากประเด็นที่หอการค้าไทย และ 40 CEOs นำเสนอต่อรัฐบาลไว้ ซึ่งแต่ละภาคได้สอบถามความเห็นจากผู้ประกอบการและสมาชิก โดยแบ่งออกเป็น 2 มาตรการ เร่งด่วน คือ
มาตรการควบคุมการระบาด

  1. การป้องกันการติดเชื้อและแพร่ระบาดในตลาด และโรงงาน (คัดกรอง, Bubble & Seal, Factory Isolation)
  2. จัดสรรพื้นที่พักคอยสำหรับแรงงานต่างด้าว ที่จะเดินทางกับประเทศ ณ พื้นที่ชายแดน เพื่อลด
    ความเสี่ยงในการแพร่ระบาดที่อาจเกิดขึ้น
  3. การตรวจเชื้อเชิงรุกด้วย Rapid Test Kit เพื่อแยกผู้ป่วยติดเชื้อ โดยจัดให้มีการกักตัว Home Isolation และ Community Isolation และสื่อสารแนวทางปฏิบัติแต่ละอย่างให้ชัดเจน
  4. ให้นำงบประมาณการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยของจังหวัด (งบฉุกเฉิน) ออกมาใช้แก้ไขสถานการณ์ตามที่จำเป็น อาทิ  การจัดตั้งด่านควบคุมคัดกรองระหว่างจังหวัดอย่างเข้มข้น โดยใช้ Antigen test kit คัดกรองเบื้องต้น การจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม และศูนย์พักคอย รวมถึงสนับสนุนทรัพยากรด้านสาธารณสุข เพื่อรองรับผู้ป่วยที่เดินทางกลับภูมิลำเนาที่มีจำนวนผู้ป่วยเกินขีดความสามารถในการบริหารจัดการด้านสาธารณสุข
  5. ควบคุมราคา และเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงสมุนไพรที่สามารถลดอาการรุนแรงที่เกิดขึ้นจากการติดเชื้อ COVID-19 อย่างทั่วถึง อาทิ ฟ้าทะลายโจร กระชาย เป็นต้น ทั้งนี้ ควรมีหน่วยงานภาครัฐให้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสรรพคุณของสมุนไพร และส่งเสริมให้เกษตรกรมีการเพาะปลูกมากขึ้น โดยมีมาตรการดูแลไม่ให้เกิดภาวะล้นตลาดหรือให้มีตลาดรับซื้อที่แน่นอน
  6. ขอให้ภาครัฐมีแนวปฏิบัติให้กับสถานประกอบการทำแผนฉุกเฉิน (กรณีพนักงานในร้านติด COVID-19) เพื่อสามารถบริหารจัดการไม่ให้เชื้อแพร่กระจาย โดยร้านค้าสามารถประกอบธุรกิจต่อไปได้โดยไม่ต้องหยุดกิจการทั้งหมด
  7. การส่งตัวผู้ป่วยไปยังพื้นที่อื่น ๆ หรือภูมิลำเนา ที่ยังมีความสามารถในการรองรับและดูแลผู้ป่วยได้ ต้องพิจารณาจากความเหมาะสมและอาการความรุนแรงของการติดเชื้อ เพื่อลดปัญหาการดูแลผู้ป่วยได้ไม่ทั่วถึง

นอกจากนี้ มาตรการเยียวยาผู้ประกอบการ

  1. เพื่อให้ภาคธุรกิจสามารถประคองกิจการ และการจ้างงานต่อไปได้ จึงมีข้อเสนอสำคัญ ได้แก่
    การเติมทุน, ลดค่าใช้จ่าย (ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า ค่าธรรมเนียม, การคืนเงินค่าประกันมิเตอร์ไฟฟ้า)
    การพักชำระหนี้ & พักหนี้ โดยพิจารณาทั้งระยะเวลา จำนวนเงิน และพื้นที่ได้รับผลกระทบเพิ่มเติมให้เหมาะสม
  2. การเพิ่มสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการ และ SMEs โดยแก้ปัญหาการเข้าถึง และเกณฑ์การพิจารณาสินเชื่อฟื้นฟู Soft Loan และ มาตรการพักทรัพย์ พักหนี้ Asset Warehousing
  3. พิจารณาจัดตั้งกองทุนฟื้นฟู SMEs โดยใช้หลักการเดียวกับกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร
  4. ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ให้กับลูกหนี้ที่เป็น SMEs รวมถึง การให้ส่วนลดดอกเบี้ยเพื่อเป็นแรงจูงใจให้กับลูกหนี้ที่ยังจ่ายชำระหนี้ปกติให้กับธนาคาร
  5. ขยายระยะเวลาการจ่ายเงินสมทบประกันสังคมทั้งนายจ้างและลูกจ้าง ในอัตราร้อยละ 2.5 จากเดิม 3 เดือน เป็น 12 เดือน เพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่าย
  6. ขยายเวลาการลดการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ภาษีป้าย และภาษีอื่น ออกไป เนื่องจากอยู่ระหว่างการฟื้นฟูเศรษฐกิจ

อย่างไรก็ตาม ยังได้มีการหารือ ในประเด็นการเปิดประเทศ ที่ได้มีการทยอยขยายผลจาก Phuket Sandbox ไปยังพื้นที่อื่น โดยมองว่านี่ถือว่าเป็นความสำเร็จที่ประเทศไทยยังสามารถคุมสถานการณ์ได้ที่ภูเก็ต ซึ่งเป็นผลมาจากการเร่งฉีดวัคซีนให้กับประชาชนในพื้นที่ โดยปัจจุบันชาวภูเก็ตได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 แล้ว 4 แสนคน หรือคิดเป็นร้อยละ 87 โดยประมาณของประชากรทั้งหมด และถึงแม้ในระยะแรกจะมีปัญหาและอุปสรรคอยู่บ้าง แต่ก็ถือเป็นบทเรียนสำคัญที่จะต้องปรับปรุงและพัฒนาการบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพ ซึ่งทุกฝ่ายต้องช่วยกันป้องกันให้พื้นที่นี้ปลอดการแพร่ระบาดเพื่อรอการฟื้นตัวของประเทศ ทั้งนี้ สิ่งที่สำคัญที่ในขนาดนี้คือต้องควบคุมการแพร่ระบาดในกรุงเทพ ฯ และปริมณฑล ให้ได้เร็วที่สุดเพราะถือเป็นศูนย์กลางของเศรษฐกิจของประเทศ รวมถึงผลักดันให้มาตรการต่าง ๆ ที่ออกมาให้สามารถบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้


ทั้งนี้ โดยแผนการดำเนินการของทุกมาตรการต้องมีความยืดหยุ่น พร้อมที่จะปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ให้เป็นไปตามสถานการณ์ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ด้วยการประมวล ติดตามผลของมาตาการอย่างสม่ำเสมอ พร้อมประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบถึงสถานการณ์ที่เป็นปัจจุบัน กระชับและมีเอกภาพ เพื่อสร้างความมั่นใจและเตรียมความพร้อมได้อย่างถูกต้อง โดยหลังจากนี้ทุกภาคส่วนต้องวางแผนการรับมือถึงสถานการณ์ที่อาจจะมีการยกระดับการควบคุมการเดินทางนานกว่าที่คาดไว้ ทั้งนี้ ข้อเสนอต่าง ๆ หากรัฐบาลเร่งดำเนินการออกมาจะทำให้การระบาดของ Covid-19 ลดน้อยลง และจะช่วยพยุงภาคธุรกิจให้เดินหน้าไปได้จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

สภาถกงบฯ 69 วันแรก “พิชัย” แจงหั่นงบ 8,920 ล้าน

รัฐสภา 13 ส.ค. – ที่ประชุมสภาฯ เริ่มถกงบฯ 69 วันแรกแล้ว “พิชัย” แจงรายงาน กมธ. เหตุหั่นงบ 8,920 ล้านบาท เพราะไม่สอดคล้องภาาวะปัจจุบัน-การเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบาย ในการประชุมสภาฯ เป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 วงเงิน 3.78 ล้านล้านบาท วาระสอง ซึ่งกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ พิจารณาแล้วเสร็จเป็นวันแรก โดยมีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ เป็นประธานการประชุม นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ในฐานะประธานกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบประมาณ พ.ศ. 2569 ว่า คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ได้พิจารณาร่างงบประมาณ 69 เรียบร้อยแล้ว โดยคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ให้ความสำคัญกับการดำเนินภารกิจเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล ยุทธศาสตร์ชาติ แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคแห่งชาติ เป้าหมายพัฒนาที่ยั่งยืน รวมทั้งแผนปฏิบัติราชการของกระทรวง โดยพิจารณาตามความจำเป็นและภารกิจของหน่วยรับงบประมาณ และแผนพัฒนาพื้นที่ตามความต้องการของประชาชน […]

“พี สะเดิด” เปิดใจเป็นมะเร็งเต้านมนานเกือบ 20 ปี แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – “พี สะเดิด” เจ้าของเพลงฮิต “จี่หอย” เผยเป็นมะเร็งเต้านมมานานเกือบ 20 ปี ตัดสินใจหยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งต่อสู้กับโรค จนค่ามะเร็งดีขึ้น แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย “พี สะเดิด” นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง อายุ 46 ปี เปิดใจว่าป่วยเป็นมะเร็งเต้านม มาเกือบ 20 ปีแล้ว รักษาโรคนี้โดยที่ไม่บอกใครเลย เพราะกลัวครอบครัวเป็นห่วง ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้าอก และพบว่าก้อนเนื้อมันขึ้นเรื่อยๆ ขนาดเท่าลูกมะนาว คิดว่าเป็นเพราะไม่ดูแลตัวเอง ทำงานหนัก กิน-นอนไม่เป็นเวลา แต่เพราะเป็นคนที่ตรวจสุขภาพตลอดทุก 6 เดือน พอเช็กดูเลยรู้ว่ามีเชื้อมะเร็งเต้านม หมอบอกว่าโอกาสน้อยที่จะเห็นผู้ชายเป็นมะเร็งเต้านม จะเป็นหนึ่งในล้าน หรือหนึ่งในสิบล้าน พี สะเดิด บอกว่าตอนแรกก็กลัว เลยตัดสินใจหันหน้าเข้าทางธรรม และปรับปรุงตัวเองควบคู่กันไป กินของที่มีประโยชน์ หยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเราแข็งแกร่งต่อสู้กับโรคมะเร็งของตัวเอง จนตอนนี้อยู่ทุกระยะค่ามะเร็งดีขึ้น ค่อยๆ ลดลงมา จนเหลือ 0 […]

“มาริษ” เมินกัมพูชาร้องยูเอ็น เย้ยไม่มีการถกเรื่องนี้

ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 13 ส.ค.- “มาริษ” เมินกัมพูชาร้องยูเอ็นอ้างไทยละเมิดข้อตกลงหยุดยิง เย้ยไม่มีการถกเรื่องนี้ เชื่อยูเอ็นเข้าใจ เผยคุยมิตรประเทศ บอก พฤติกรรมเขมรวางทุ่นระเบิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า เร่งประชุมร่วมรัฐภาคี-หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมเก็บหลักฐานให้คณะทำงานดูข้อมูลจริงจากพื้นที่ ขอช่วยผลักดันเขมรร่วมวงเก็บกู้ทุ่นระเบิด-ทำตามอนุสัญญาออตตาวา นายมาริษ เสงี่ยมพงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีที่รัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชาส่งจดหมายร้องเลขาฯ UN และ UNSC อ้างไทยละเมิดอธิปไตยและข้อตกลงหยุดยิงว่า เป็นการกล่าวอ้าง ซึ่งตนยังไม่เห็นหลักฐานที่ชัดเจน ของกัมพูชาว่าเราละเมิดตรงไหน ในขณะที่ทางกัมพูชาเองใช้วิธีที่ไม่จริงใจต่อความพยายามในการแก้ไขปัญหา ตามกรอบข้อตกลงหยุดยิงที่ได้ทำร่วมกันไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการยั่วยุด้วยสงครามข่าวสาร ไม่ว่าจะเป็นการใช้ โอกาสในการมาฝังลูกระเบิดสังหารบุคคลในดินแดนของประเทศไทย ในขณะที่ประเทศไทยมีหลักฐานที่ชัดเจน ที่ชี้ให้เห็นว่ากัมพูชาไม่มีความจริงใจในการแก้ไขปัญหาให้เป็นไปตามความตกลงหยุดยิงระหว่างกัน อย่างไรก็ตามการที่กัมพูชาส่งหนังสือไปถึงยูเอ็น ทางฝ่ายยูเอ็นก็ไม่ได้มีการเปิดประชุมเพื่อพิจารณาในเรื่องนี้ ในขณะเดียวกัน ไทยก็ได้มีหนังสือชี้แจง เลขาธิการสหประชาชาติไปในทุกโอกาส และทุกกรณีที่มีการขัดแย้งเกิดขึ้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวด้วยว่า ในเรื่องของอนุสัญญาออตตาวา ทางกระทรวงการต่างประเทศได้มีหนังสือผลักดันในเรื่องนี้ไปถึง ทูต ญี่ปุ่น ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก และเจนีวา ในฐานะที่เป็นประธานของรัฐภาคีอนุสัญญาออตาวา 3 ฉบับและอีกหนึ่งฉบับก็กำลังจะส่งตามไป เพื่อกดดันหรือผลักดันให้รัฐภาคี ดำเนินตามมาตรการ อนุสัญญาออตตาวาโดยเร็ว ซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบขอข้อมูลหลักฐาน ที่ชัดเจนซึ่งตรงนี้รัฐบาลโดยกระทรวงการต่างประเทศ และกองทัพได้ร่วมมือกันอย่างดี และสนับสนุน […]

อุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางพื้นที่บริเวณอีสาน-ตะวันออก-ใต้ฝั่งตะวันตก

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางพื้นที่บริเวณภาคอีสาน ภาคตะวันออก ภาคใต้ฝั่งตะวันตก โดยเฉพาะบริเวณ จ.จันทบุรี ตราด ระนอง พังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 60% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดจันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ ประเทศลาว เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศลาว และประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบน มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนบนและทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง […]