หอการค้าไทย 5 ภาคย้ำชัดหยุดโควิดต้องวัคซีนเท่านั้น

กรุงเทพฯ 27 ก.ค.-หอการค้าไทย 5 ภาคย้ำชัดหยุดโควิดต้องวัคซีนเท่านั้น แนะรัฐเร่งคัดกรองการเดินทางข้ามจังหวัด-อัดมาตรการเยียวยาให้ครอบคลุม

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผย หลังประชุมร่วมกับ ประธานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคทั้ง 5 ภาค เพื่อติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของ Covid-19 รวมถึงรับฟังเสียงสะท้อนและแนวทางการฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยได้รับฟังสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละจังหวัด ซึ่งส่วนใหญ่อยากให้ภาครัฐมีมาตรการคัดกรองเข้มข้นเกี่ยวกับการเคลื่อนย้ายของประชาชนในการกลับภูมิลำเนา รวมถึงความสามารถของระบบสาธารณสุขที่เริ่มมีจำกัด โดยประธานหอการค้า 5 ภาค เห็นตรงกันว่าสิ่งสำคัญเร่งด่วนในตอนนี้คือต้องมีวัคซีนจัดสรรไปเพื่อการควบคุมการระบาดให้เร็วที่สุดและต้องมีมาตรการเยียวยาควบคู่กันไป เพื่อไม่ให้สถานการณ์ในต่างจังหวัดลุกลามไปมากกว่านี้


ทั้งนี้ มีความเห็นบางส่วนจากประธานหอการค้าภาค 5 ภาค ต่อสถานการณ์ปัจจุบัน ดังนี้ โดยหอการค้าภาคเหนือ นายสมบัติ ชินสุขเสริม ประธานหอการค้าภาคเหนือ มีข้อเสนอให้เข้มงวดด้านการเดินทางเพื่อไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดระหว่างการเดินทางกลับภูมิลำเนา ส่วนหอการค้าภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นายสวาท ธีระรัตนนุกูลชัย ประธานหอการค้าภาคอีสาน บอกว่าปัจจุบันแรงงานภาคอีสานที่ทำงานในกรุงเทพทยอยเดินกลับภูมิลำเนาจำนวนมาก ประกอบกับหลายจังหวัดมีพื้นที่ชายแดนติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้ต้องเฝ้าระวังเรื่องการลักลอบเข้าประเทศ จึงอยากให้ภาครัฐมีมาตรการคัดกรองการเดินทางให้ชัดเจน หอการค้าภาคกลาง นายธวัชชัย เศรษฐจินดา ประธานหอการค้าภาคกลาง กล่าวว่าในพื้นที่ภาคกลางเป็นแหล่งโรงงานอุตสาหกรรมและเป็นพื้นที่ที่มีการระบาดมากที่สุดของประเทศ ดังนั้น หากสามารถจัดให้มีการตรวจเชิงรุกในเขตอุตสาหกรรมก็จะช่วยให้การแพร่ระบาดที่เกิดขึ้นลดน้อยลงได้ สอดคล้องกับความคิดเห็นของหอการค้าภาคตะวันออก นายปรัชญา สมะลาภา ประธานหอการค้าภาคตะวันออก มองว่าหากไม่สามารถบริหารจัดการการแพร่ระบาดในเขตโรงงานได้ อาจจะกระทบกับภาคการผลิตและการส่งออกของประเทศในที่สุด และหอการค้าภาคใต้

นายวัฒนา ธนาศักดิ์เจริญ ประธานหอการค้าภาคใต้ บอกว่า ความสำเร็จเบื้องต้นในการเปิด Phuket Sand Box และสมุย พลัส ถือเป็นต้นแบบและก้าวแรกที่สำคัญในการขยายผลต่อ และจำเป็นอย่างยิ่งที่จังหวัดท่องเที่ยวใกล้เคียงจะต้องได้รับการจัดสรรวัคซีนให้มากขึ้น เพื่อให้การขยายผลโมเดลดังกล่าวช่วยฟื้นภาคธุรกิจท่องเที่ยวในพื้นที่


นอกจากนี้ หอการค้า 5 ภาค ยังมีข้อเสนอเสริมจากประเด็นที่หอการค้าไทย และ 40 CEOs นำเสนอต่อรัฐบาลไว้ ซึ่งแต่ละภาคได้สอบถามความเห็นจากผู้ประกอบการและสมาชิก โดยแบ่งออกเป็น 2 มาตรการ เร่งด่วน คือ
มาตรการควบคุมการระบาด

  1. การป้องกันการติดเชื้อและแพร่ระบาดในตลาด และโรงงาน (คัดกรอง, Bubble & Seal, Factory Isolation)
  2. จัดสรรพื้นที่พักคอยสำหรับแรงงานต่างด้าว ที่จะเดินทางกับประเทศ ณ พื้นที่ชายแดน เพื่อลด
    ความเสี่ยงในการแพร่ระบาดที่อาจเกิดขึ้น
  3. การตรวจเชื้อเชิงรุกด้วย Rapid Test Kit เพื่อแยกผู้ป่วยติดเชื้อ โดยจัดให้มีการกักตัว Home Isolation และ Community Isolation และสื่อสารแนวทางปฏิบัติแต่ละอย่างให้ชัดเจน
  4. ให้นำงบประมาณการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยของจังหวัด (งบฉุกเฉิน) ออกมาใช้แก้ไขสถานการณ์ตามที่จำเป็น อาทิ  การจัดตั้งด่านควบคุมคัดกรองระหว่างจังหวัดอย่างเข้มข้น โดยใช้ Antigen test kit คัดกรองเบื้องต้น การจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม และศูนย์พักคอย รวมถึงสนับสนุนทรัพยากรด้านสาธารณสุข เพื่อรองรับผู้ป่วยที่เดินทางกลับภูมิลำเนาที่มีจำนวนผู้ป่วยเกินขีดความสามารถในการบริหารจัดการด้านสาธารณสุข
  5. ควบคุมราคา และเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงสมุนไพรที่สามารถลดอาการรุนแรงที่เกิดขึ้นจากการติดเชื้อ COVID-19 อย่างทั่วถึง อาทิ ฟ้าทะลายโจร กระชาย เป็นต้น ทั้งนี้ ควรมีหน่วยงานภาครัฐให้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสรรพคุณของสมุนไพร และส่งเสริมให้เกษตรกรมีการเพาะปลูกมากขึ้น โดยมีมาตรการดูแลไม่ให้เกิดภาวะล้นตลาดหรือให้มีตลาดรับซื้อที่แน่นอน
  6. ขอให้ภาครัฐมีแนวปฏิบัติให้กับสถานประกอบการทำแผนฉุกเฉิน (กรณีพนักงานในร้านติด COVID-19) เพื่อสามารถบริหารจัดการไม่ให้เชื้อแพร่กระจาย โดยร้านค้าสามารถประกอบธุรกิจต่อไปได้โดยไม่ต้องหยุดกิจการทั้งหมด
  7. การส่งตัวผู้ป่วยไปยังพื้นที่อื่น ๆ หรือภูมิลำเนา ที่ยังมีความสามารถในการรองรับและดูแลผู้ป่วยได้ ต้องพิจารณาจากความเหมาะสมและอาการความรุนแรงของการติดเชื้อ เพื่อลดปัญหาการดูแลผู้ป่วยได้ไม่ทั่วถึง

นอกจากนี้ มาตรการเยียวยาผู้ประกอบการ

  1. เพื่อให้ภาคธุรกิจสามารถประคองกิจการ และการจ้างงานต่อไปได้ จึงมีข้อเสนอสำคัญ ได้แก่
    การเติมทุน, ลดค่าใช้จ่าย (ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า ค่าธรรมเนียม, การคืนเงินค่าประกันมิเตอร์ไฟฟ้า)
    การพักชำระหนี้ & พักหนี้ โดยพิจารณาทั้งระยะเวลา จำนวนเงิน และพื้นที่ได้รับผลกระทบเพิ่มเติมให้เหมาะสม
  2. การเพิ่มสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการ และ SMEs โดยแก้ปัญหาการเข้าถึง และเกณฑ์การพิจารณาสินเชื่อฟื้นฟู Soft Loan และ มาตรการพักทรัพย์ พักหนี้ Asset Warehousing
  3. พิจารณาจัดตั้งกองทุนฟื้นฟู SMEs โดยใช้หลักการเดียวกับกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร
  4. ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ให้กับลูกหนี้ที่เป็น SMEs รวมถึง การให้ส่วนลดดอกเบี้ยเพื่อเป็นแรงจูงใจให้กับลูกหนี้ที่ยังจ่ายชำระหนี้ปกติให้กับธนาคาร
  5. ขยายระยะเวลาการจ่ายเงินสมทบประกันสังคมทั้งนายจ้างและลูกจ้าง ในอัตราร้อยละ 2.5 จากเดิม 3 เดือน เป็น 12 เดือน เพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่าย
  6. ขยายเวลาการลดการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ภาษีป้าย และภาษีอื่น ออกไป เนื่องจากอยู่ระหว่างการฟื้นฟูเศรษฐกิจ

อย่างไรก็ตาม ยังได้มีการหารือ ในประเด็นการเปิดประเทศ ที่ได้มีการทยอยขยายผลจาก Phuket Sandbox ไปยังพื้นที่อื่น โดยมองว่านี่ถือว่าเป็นความสำเร็จที่ประเทศไทยยังสามารถคุมสถานการณ์ได้ที่ภูเก็ต ซึ่งเป็นผลมาจากการเร่งฉีดวัคซีนให้กับประชาชนในพื้นที่ โดยปัจจุบันชาวภูเก็ตได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 แล้ว 4 แสนคน หรือคิดเป็นร้อยละ 87 โดยประมาณของประชากรทั้งหมด และถึงแม้ในระยะแรกจะมีปัญหาและอุปสรรคอยู่บ้าง แต่ก็ถือเป็นบทเรียนสำคัญที่จะต้องปรับปรุงและพัฒนาการบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพ ซึ่งทุกฝ่ายต้องช่วยกันป้องกันให้พื้นที่นี้ปลอดการแพร่ระบาดเพื่อรอการฟื้นตัวของประเทศ ทั้งนี้ สิ่งที่สำคัญที่ในขนาดนี้คือต้องควบคุมการแพร่ระบาดในกรุงเทพ ฯ และปริมณฑล ให้ได้เร็วที่สุดเพราะถือเป็นศูนย์กลางของเศรษฐกิจของประเทศ รวมถึงผลักดันให้มาตรการต่าง ๆ ที่ออกมาให้สามารถบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้


ทั้งนี้ โดยแผนการดำเนินการของทุกมาตรการต้องมีความยืดหยุ่น พร้อมที่จะปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ให้เป็นไปตามสถานการณ์ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ด้วยการประมวล ติดตามผลของมาตาการอย่างสม่ำเสมอ พร้อมประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบถึงสถานการณ์ที่เป็นปัจจุบัน กระชับและมีเอกภาพ เพื่อสร้างความมั่นใจและเตรียมความพร้อมได้อย่างถูกต้อง โดยหลังจากนี้ทุกภาคส่วนต้องวางแผนการรับมือถึงสถานการณ์ที่อาจจะมีการยกระดับการควบคุมการเดินทางนานกว่าที่คาดไว้ ทั้งนี้ ข้อเสนอต่าง ๆ หากรัฐบาลเร่งดำเนินการออกมาจะทำให้การระบาดของ Covid-19 ลดน้อยลง และจะช่วยพยุงภาคธุรกิจให้เดินหน้าไปได้จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบแล้ว! มือปืนโหดสวมชุดไรเดอร์ ตามยิงซ้ำที่ รพ. ดับ 2

ปทุมธานี 5 มิ.ย.- จับแล้ว! มือปืนโหดสวมชุดไรเดอร์ รัวกระสุนใส่หน้าบ้าน ก่อนตามไปยิงซ้ำที่ รพ. เสียชีวิต 2 ราย สารภาพอ้างแค้นถูกตีท้ายครัว ความคืบหน้าเหตุมือปืนชายแต่งกายไรเดอร์ ใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะ ยิงใส่กลุ่มวัยรุ่นชายหญิง ที่นั่งจับกลุ่มกันอยู่หน้าบ้าน ในพื้นที่ ต.ระแหง อ.ลาดหลุมแก้ว ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย หลังเกิดเหตุกลุ่มเพื่อนได้นำคนเจ็บไปส่งโรงพยาบาล แต่คนร้าย ได้ขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบ ใช้อาวุธปืนตามยิงซ้ำถึงในโรงพยาบาล ส่งผลให้ผู้ได้รับบาดเจ็บที่อยู่ท้ายกระบะเสียชีวิต 2 ราย ล่าสุดเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวมือปืน ทราบชื่อนายสมยศ อายุ 32 ปี พร้อมของกลางอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่ใช้ในการก่อเหตุ โดยให้การรับสารภาพว่าตนเองจะมายิงนายมานะ หรือไอซ์ อายุ 33 ปี เพียงคนเดียว ซึ่งก่อนเกิดเหตุตนได้นั่งกินเบียร์มาก่อน และที่ทำไปนั้น เพราะจับได้ว่าผู้ตายเป็นชู้กับภรรยาตน หลังก่อเหตุขับรถหนีไปจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม .-สำนักข่าวไทย

“ภูมิธรรม” รับกัมพูชาล้ำ 200 ม. จริง แต่เป็นจุด No Man’s Land

ทำเนียบ 5 มิ.ย.- “ภูมิธรรม” รับกัมพูชาล้ำ 200 เมตร จริง แต่เป็นจุด No Man’s Land ย้ำใช้เวที JBC เจรจา บอกไม่ใช่เรายอมศิโรราบ แต่ไทยมีข้อมูลหลักฐาน รอชัดเจน 14 มิ.ย. ขณะที่กองทัพเตรียมพร้อมตรึงกำลังแนวชายแดน ลั่นไม่ยอมใคร ยืนยันไทยเริ่มต้นจากสันติ ชี้หากประกาศกฏอัยการศึก แม่ทัพภาค 2 มีอำนาจสั่งได้ทันที นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการลงพื้นที่ชายแดน ไทย-กัมพูชา บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานีเมื่อวานนี้ ว่า ตนได้รับรายงานจากกองทัพภาคที่สอง ถึงข้อมูลที่ออกไปในปัจจุบัน ผิดไปจากสิ่งที่เป็นอยู่ ในปัจจุบันมากพอสมควร จึงอยากให้ระมัดระวังเรื่องข้อมูลข่าวสาร ยืนยันว่า ในพื้นที่ไม่ได้มีการวางทุ่นระเบิด จะเป็นภาพเก่าในอดีต ซึ่งตนมองว่าเป็นการสร้างความสับสน และทำลายศรัทธาความร่วมมือของประชาชน นายภูมิธรรม กล่าวถึงการรุกล้ำ 200 เมตร ว่า ทั้งหมดนี้อยู่ที่คณะกรรมการ JBC ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่ชายแดนกำหนดแต่ละฝ่ายมีจุดที่ค่อมกัน ดังนั้นจึงกำหนดให้เป็น […]

ดรามานิติไล่ไรเดอร์รับลูกค้าหน้าคอนโดฯ

5 มิ.ย. – สาวเรียกรถผ่านแอปฯ มารับหน้าคอนโดฯ หัวหน้าวินมอเตอร์ไซค์ถือวิทยุสื่อสารพร้อมไล่ให้ลงรถ ขู่ไม่อนุญาตให้เรียกรถผ่านแอปฯ ด้านไรเดอร์รู้ข่าวบุกรวมตัว ลั่นถ้าคู่กรณีไม่ออกมาก็อย่าหวังว่าแยกย้าย คลิปจากผู้โดยสารคนหนึ่งถ่ายไว้ขณะเรียกรถมารับบริเวณด้านหน้าคอนโดฯ ย่านสาทร แต่กลับถูกชายรายหนึ่งถือวิทยุสื่อสาร ไล่ให้ลงจากรถ พร้อมพูดขู่ว่าไม่ใช่วินห้ามเข้า แฟนเพจเฟซบุ๊กอยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทริน์ part 6 ได้รับเรื่องร้องเรียนจากลูกบ้านคอนโดฯ แห่งหนึ่ง โพสต์ไว้หลังจากเรียกรถผ่านแอปพลิเคชัน แต่กลับถูกขัดขวาง ระบุว่า “เราได้เรียกรถจักรยานยนต์ผ่านแอปพลิเคชันเพื่อไปทำงานตามปกติ แต่มีชายคนหนึ่ง (คาดว่าเป็นวินในหมู่บ้าน มีวิทยุสื่อสารด้วย) เข้ามาไล่ให้ลงจากรถ พร้อมพูดในลักษณะข่มขู่ว่า “ไม่ให้เรียกผ่านแอปฯ เพราะที่นี่มีวินอยู่แล้ว” และยังไล่คนขับกลับไปทันที เหตุการณ์นี้ทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัยและเสียเวลาในการเดินทาง รบกวนช่วยตรวจสอบ ขอความชัดเจนว่าในหมู่บ้านมีข้อกำหนดห้ามเรียกรถผ่านแอปฯ หรือไม่ หากมีรบกวนขอเอกสารหรือประกาศที่เป็นทางการด้วย หากไม่มีรบกวนช่วยดำเนินการกับบุคคลดังกล่าว เพราะพฤติกรรมที่เกิดขึ้นเข้าข่ายคุกคามและไม่เหมาะสม” หลังจากโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ ปรารกฏว่าวานนี้ (4 มิ.ย.) มีไรเดอร์จำนวนมานัดรวมตัวกันและเดินทางไปยังคอนโดฯ ดังกล่าว โดยมีตำรวจเข้ามาพูดคุย ขณะที่ทางตัวแทนไรเดอร์ระบุว่า ถ้าคู่กรณีไม่ออกมาก็อย่าหวังว่าแยกย้าย และนิติคอนโดฯ ต้องออกมาพูดให้ชัดเจนว่าไรเดอร์เข้าไปรับผู้โดยสารได้ไหม” ต่อมาที่ สน.บางขุนเทียน เจ้าหน้าที่เรียกตัวนายพงษ์ อายุ 52 […]

คนขับหลับใน รถทัวร์เสียหลักตกร่องถนน ดับ 2 สาหัส 5

ประจวบคีรีขันธ์ 4 มิ.ย. – รถทัวร์ตกร่องกลางถนนชนเสาไฟ บนถนนเพชรเกษม อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ผู้โดยสารเสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บสาหัส 5 คน คนขับยอมรับหลับใน วงจรปิดจับภาพขณะเกิดเหตุรถทัวร์ขับมาดีๆ จู่ๆ ไถลลงร่องกลางถนน โดยไม่มีคู่กรณี เหตุเกิดประมาณตี 04.30 น.ที่ผ่านมา (4 มิ.ย.) บนถนนเพชรเกษม บริเวณหน้าค่ายพระมงกุฎเกล้า อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ รถที่เกิดเหตุเป็นรถบัสโดยสารปรับอากาศ สายระยอง-มุกดาหาร พลิกตะแคงอยู่ในร่องกลาง มีร่องรอยชนกับเสาไฟและการ์ดเลนถนน สภาพรถด้านหน้าพังยับเยิน กระจกหน้าและด้านข้างแตกร้าว หลังคาฉีกขาด ที่เกิดเหตุมีผู้เสียชีวิต 2 คน เป็นชาย และอาการสาหัส 5 คน นอกจากนี้ยังมีผู้บาดเจ็บอีกจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ปฐมพยาบาลเบื้องต้นและเร่งนำตัวนำส่งโรงพยาบาล ขณะที่ผู้โดยสารต่างอยู่ในอาการตกใจ บอกว่าก่อนเกิดเหตุรู้สึกว่ารถส่ายไปมา คนขับรถคือ นายทศพร อายุ 51 ปี ให้การว่า ในรถมีผู้โดยสารรวมคนขับแล้ว 28 คน รับผู้โดยสารจาก จ.ระยอง […]

ข่าวแนะนำ

กัมพูชาจะไม่นำเรื่องพื้นที่พิพาทเข้าสู่วาระการประชุมเจบีซีกับไทย

กรุงเทพ 5 มิ.ย. – รัฐบาลกัมพูชาออกแถลงการณ์ลงวันที่ 4 มิถุนายนตำหนิเหตุการณ์ยิงปะทะกับทหารไทย พร้อมประกาศนำข้อพิพาทเรื่องดินแดนในพื้นที่ 4 จุดต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ โดยจะไม่นำเข้าวาระการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (Joint Boundary Committee- JBC) หรือ เจบีซี ไทย-กัมพูชา กลางเดือนนี้ แถลงการณ์ของรัฐบาลกัมพูชา รัฐบาลกัมพูชาได้ดำเนินนโยบายต่างประเทศบนรากฐานแห่งสันติภาพ มิตรภาพ และความร่วมมือระหว่างประเทศ เสมอมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับประเทศเพื่อนบ้านที่มีชายแดนร่วมกันตามที่กำหนดไว้ตั้งแต่สมัยอาณานิคมฝรั่งเศส นับตั้งแต่ได้รับเอกราช ยกเว้นช่วงระบอบการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของเขมรแดง กัมพูชายังคงยึดมั่นอย่างแน่วแน่ในการเปลี่ยนชายแดนร่วมเหล่านี้ให้เป็นเขตแห่งสันติภาพ มิตรภาพ ความร่วมมือ และการพัฒนา แม้จะมีความท้าทายเกิดขึ้นตลอดเส้นทางที่ผ่านมา กัมพูชาได้ให้ความสำคัญกับการยุติปัญหาชายแดนอย่างสันติ แม้ในช่วงเวลาที่มีความตึงเครียดเป็นครั้งคราวและมีการสูญเสียชีวิตของทหารผู้กล้าหาญที่ยืนหยัดปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของชาติ ความมุ่งมั่นที่ไม่เปลี่ยนแปลงของรัฐบาลกัมพูชา ในการแก้ไขปัญหาอย่างสันติเป็นที่ประจักษ์ในการดำเนินงานในอดีตที่ผ่านมา รวมถึงการส่งข้อพิพาทไปยังศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือ ICJ ซึ่งมีคำวินิจฉัยเป็นคุณแก่กัมพูชาในปี 2505 และอีกครั้งหนึ่งในปี 2556 ในข้อพิพาทชายแดนกับประเทศไทย การกระทำเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของกัมพูชาต่อกฎหมายระหว่างประเทศและการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งอย่างสันติ อย่างไรก็ตามเป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจ ที่ในช่วงเช้าตรู่ของวันที่ 28 พฤษภาคม 2565 เวลาประมาณ 05:30 น. เกิดเหตุการณ์ที่ทหารไทยได้เปิดฉากยิงเข้าใส่ทหารกัมพูชาในพื้นที่หมู่บ้านเตโชมรกต ตำบลมรกต […]

อดีตพระพรหมเมธี กลับไทยสู้คดีเงินทอนวัด หลังลี้ภัยนาน 7 ปี

กรุงเทพฯ 5 มิ.ย. – อดีตพระพรหมเมธี กลับถึงไทยเช้านี้ เพื่อสู้คดีเงินทอนวัด หลังตกเป็นผู้ต้องหามาตั้งแต่ปี 2561 ทำให้ต้องลี้ภัยไปอยู่เยอรมนี นานถึง 7 ปี เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมามีรายงานข่าวว่า พระจำนงค์ ธัมมจารี หรืออดีตพระพรหมเมธี อายุ 84 ปี อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศาราม และอดีตกรรมการมหาเถรสมาคม ผู้ต้องหาในคดีความผิดร่วมกันฟอกเงินจากคดีเงินทอนวัด เมื่อปี 2561 เดินทางจากเมืองแฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี กลับประเทศไทย โดยมาถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิตั้งแต่เวลา 06.30 น.ที่ผ่านมา หลังจากลี้ภัยไปอยู่ประเทศเยอรมนี ตั้งแต่ปี 2561 หรือเมื่อ 7 ปีที่ผ่านมา การเดินทางกลับมายังประเทศไทยครั้งนี้ อดีตพระพรหมเมธีต้องการจะเข้าสู่กระบวนการต่อสู้คดีตามกฎหมาย ต่อมาอดีตพระพรหมเมธีได้เดินทางไปยังกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อมอบตัวต่อสู้คดี ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบปากคำ บริเวณชั้น 27 ขณะที่บรรยากาศที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางในช่วงเช้าวันนี้ พบว่าเมื่อเวลา 10.40 น.ที่ผ่านมา มีพระสงฆ์ 2 รูป เดินทางมายังกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ผู้สื่อข่าวจึงพยายามเข้าไปกราบสอบถามพระสงฆ์ทั้ง 2 รูป […]

“ภูมิธรรม” รับกัมพูชาล้ำ 200 ม. จริง แต่เป็นจุด No Man’s Land

ทำเนียบ 5 มิ.ย.- “ภูมิธรรม” รับกัมพูชาล้ำ 200 เมตร จริง แต่เป็นจุด No Man’s Land ย้ำใช้เวที JBC เจรจา บอกไม่ใช่เรายอมศิโรราบ แต่ไทยมีข้อมูลหลักฐาน รอชัดเจน 14 มิ.ย. ขณะที่กองทัพเตรียมพร้อมตรึงกำลังแนวชายแดน ลั่นไม่ยอมใคร ยืนยันไทยเริ่มต้นจากสันติ ชี้หากประกาศกฏอัยการศึก แม่ทัพภาค 2 มีอำนาจสั่งได้ทันที นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการลงพื้นที่ชายแดน ไทย-กัมพูชา บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานีเมื่อวานนี้ ว่า ตนได้รับรายงานจากกองทัพภาคที่สอง ถึงข้อมูลที่ออกไปในปัจจุบัน ผิดไปจากสิ่งที่เป็นอยู่ ในปัจจุบันมากพอสมควร จึงอยากให้ระมัดระวังเรื่องข้อมูลข่าวสาร ยืนยันว่า ในพื้นที่ไม่ได้มีการวางทุ่นระเบิด จะเป็นภาพเก่าในอดีต ซึ่งตนมองว่าเป็นการสร้างความสับสน และทำลายศรัทธาความร่วมมือของประชาชน นายภูมิธรรม กล่าวถึงการรุกล้ำ 200 เมตร ว่า ทั้งหมดนี้อยู่ที่คณะกรรมการ JBC ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่ชายแดนกำหนดแต่ละฝ่ายมีจุดที่ค่อมกัน ดังนั้นจึงกำหนดให้เป็น […]

นายกฯ ย้ำรัฐบาลยึดหลักอธิปไตย-ประโยชน์สูงสุดของประเทศ

กรุงเทพฯ 4 มิ.ย. – นายกฯ ย้ำรัฐบาลไม่นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ยืนยันหลักอธิปไตยและประโยชน์สูงสุดของประเทศ วันนี้ (4 มิ.ย.68) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์เรื่องสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา รัฐบาลยืนยันหลักอธิปไตยและประโยชน์สูงสุดของประเทศ “ดิฉันขอย้ำอีกครั้งว่า รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา และได้บูรณาการการทำงานอย่างใกล้ชิดระหว่างกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงกลาโหม และหน่วยงานความมั่นคง เพื่อประเมินสถานการณ์อย่างรอบด้าน” นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า เรารวบรวมข้อมูลจากทั้งเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ภาพแผนที่จากเทคโนโลยีและการวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ ตลอดจนพิจารณาอย่างเคร่งครัดภายใต้หลักกฎหมายระหว่างประเทศ โดยมีเป้าหมายคือการปกป้องอธิปไตยของชาติและผลประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ หากมีความคืบหน้า รัฐบาลจะมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศ เป็นผู้ชี้แจงรายละเอียดเป็นระยะ เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและรอบด้านต่อไป.-314-สำนักข่าวไทย