คลังชวนซื้อพันธบัตรออมทรัพย์ “ยิ่งออมยิ่งได้”พรุ่งนี้วันแรก

กรุงเทพฯ 4 ก.ค.-คลังชวนซื้อพันธบัตรออมทรัพย์ “ยิ่งออมยิ่งได้” 50,000 ล้านบาท ซื้อผ่านออนไลน์ ผ่าน “วอลเล็ต สบม.” แอปเป๋าตัง 10,000 ล้าน ดอกเบี้ยเฉลี่ย 1.8% เริ่มพรุ่งนี้ 5 ก.ค.วันแรก ซื้อได้ตั้งแต่ 100 บาท

นางแพตริเซีย มงคลวนิช ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เปิดเผยว่า กระทรวงการคลัง เริ่มจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์พิเศษรุ่น “ยิ่งออมยิ่งได้” ผ่านวอลเล็ต สบม. บนแอปพลิเคชัน เป๋าตัง เริ่มขายวันแรกพรุ่งนี้ 5 กรกฎาคม สำหรับกลุ่มรายย่อย วงเงิน 10,000 ล้าบาท และจำหน่ายผ่านธนาคารตัวแทนจำหน่าย ในวันที่ 12 กรกฎาคม 64 วงเงิน 40,000 ล้านบาท เพื่อนำเงินใช้ในโครงการคนละครึ่ง ยิ่งใช้ยิ่งได้ เชิญชวนให้ทุกคนมีส่วนร่วมกันฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย จากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19


สำหรับการจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์พิเศษ “รุ่นยิ่งออมยิ่งได้” ผู้ลงทุนสามารถเลือกลงทุนได้ทั้งผ่านวอลเล็ต สบม. บนแอปพลิเคชั่นเป๋าตัง และธนาคารตัวแทนจำหน่ายตามความสะดวก รายละเอียดเป็นดังนี้ 1) รุ่นยิ่งออมยิ่งได้บนวอลเล็ต สบม. วงเงินจำหน่าย 10,000 ล้านบาท รุ่นอายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ยแบบขั้นบันได (Step-up) เฉลี่ยร้อยละ 1.80 ต่อปี ซื้อได้ตั้งแต่อายุ 15 ปีขึ้นไป สำหรับผู้เยาว์ต้องลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชั่นเป๋าตัง และไปยืนยันตัวตนพร้อมผู้ปกครองเพื่อกรอกเอกสารให้ความยินยอม ที่สาขาธนาคารกรุงไทยสำหรับการซื้อครั้งแรก เปิดให้ซื้อตั้งแต่ 100 บาท-10 ล้านบาท

เปิดให้ซื้อผ่านโทรศัพท์มือถือโดยไม่ต้องไปธนาคาร ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลการใช้งานวอลเล็ต สบม. ได้ที่ Call Center โทร. 02-111-1111 หรือที่ธนาคารกรุงไทยทุกสาขา การจำหน่ายพันธบัตรครั้งนี้ กระทรวงคลัง พร้อมจ่ายดอกเบี้ยเป็น 4 ครั้งต่อปี เพื่อให้ประชาชนได้มีเงินใช้จ่ายในช่วงปัญหาโควิด


2) รุ่นยิ่งออมยิ่งได้ วงเงินจำหน่าย 40,000 ล้านบาท ซึ่งจำหน่ายผ่าน 4 ธนาคารตัวแทนจำหน่าย ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกสิกรไทย และธนาคารไทยพาณิชย์ ทั้งในช่องทาง Counter, Internet Banking และ Mobile Banking ของ 4 ธนาคารตัวแทนจำหน่าย วงเงินขั้นต่ำ 1,000 บาทและซื้อได้ไม่จำกัดวงเงินซื้อ จ่ายดอกเบี้ย 2 ครั้งต่อปี และจำหน่ายพร้อมกันทั้งประชาชนและนิติบุคคลไม่แสวงหากำไรตามที่กระทรวงการคลังกำหนด โดยหากเป็นผู้เยาว์ต้องมีบัญชีธนาคารตัวแทนจำหน่ายและได้รับความยินยอมจากผู้ปกครองก่อน และจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 12-23 กรกฎาคม 2564 โดยวงเงินและรุ่นอายุที่จำหน่ายดังนี้

สำหรับประชาชนทั่วไป วงเงิน 35,000 ล้านบาท จำหน่ายรุ่นอายุ 4 ปี อัตราดอกเบี้ยแบบขั้นบันได (Step Up) อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยร้อยละ 1.90 ต่อปี ขณะที่นิติบุคคลไม่แสวงหากำไรตามที่กระทรวงการคลังกำหนด วงเงิน 5,000 ล้านบาท จำหน่ายรุ่นอายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 2.20 ต่อปี ยอมรับว่ากลุ่มคนรุ่นใหม่สนใจซื้อพันธบัตรออมทรัพย์ของรัฐบาลมากขึ้น เพราะมีความเสี่ยงน้อยที่สุด และยังให้อัตราดอกเบี้ยจูงใจ ทำให้การซื้อพันธบัตรกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง