กรุงเทพฯ 30 มิ.ย. – บีโอไอ เร่งดึงทุนนวัตกรรม – เทคโนโลยีขั้นสูงเพิ่มสิทธิยกเว้นภาษี ‘เซมิคอนดักเตอร์ – ดิจิทัล – บรรจุภัณฑ์อัจฉริยะ’
บอร์ดบีโอไอเร่งเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ปรับปรุงนโยบายเพิ่มสิทธิประโยชน์จูงใจให้เกิดกิจกรรมวิจัยพัฒนา และการฝึกอบรม อีกทั้งเร่งรัดการลงทุนในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งกำลังขยายตัว หนุนอุตสาหกรรมดิจิทัล มุ่งสร้างบุคลากรด้านไอที พร้อมเปิดส่งเสริมประเภทกิจการใหม่ด้านบรรจุภัณฑ์อัจฉริยะรองรับการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตามแนวคิด BCG
นางสาวดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ได้พิจารณาเห็นชอบการปรับปรุงมาตรการและประเภทกิจการการส่งเสริมการลงทุนในหลายมาตรการเพื่อเร่งเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ปรับปรุงสิทธิและประโยชน์เพิ่มเติมตามคุณค่าของโครงการ (Merit-based Incentives) เพื่อพัฒนาความสามารถในการแข่งขันในหลายประเด็น ได้แก่ 1)กรณีที่มีการลงทุนด้านวิจัยและพัฒนา (R&D) ไม่น้อยกว่าร้อยละ 1 ของยอดขายรวม 3 ปีแรก หรือไม่น้อยกว่า 200 ล้านบาท 2) เพิ่มวงเงินยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็น 2 เท่า สำหรับกรณีที่มีการลงทุนเพิ่มในการฝึกอบรม หรือฝึกการทำงานเพื่อพัฒนาทักษะเทคโนโลยีและนวัตกรรมให้กับนักศึกษาที่อยู่ระหว่างการศึกษาในด้านวิทยาศาสตร์และ 3) กรณีที่เงินลงทุนหรือค่าใช้จ่ายที่เข้าข่าย เช่น วิจัยพัฒนา ฝึกอบรม ออกแบบ และพัฒนา Supplier ไม่ถึงเกณฑ์ขั้นต่ำ ก็ยังจะได้รับวงเงินยกเว้นภาษีเงินได้เพิ่มขึ้นเป็นสัดส่วนตามเงินลงทุนหรือค่าใช้จ่ายเหล่านี้ เพื่อสนับสนุนให้เกิดการลงทุนในอุตสาหกรรมต้นน้ำของอิเล็กทรอนิกส์
บีโอไอได้ปรับปรุงการส่งเสริมการลงทุนอุตสาหกรรมการผลิตเวเฟอร์ที่ใช้เงินลงทุนสูง และใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมขั้นสูง โดยเพิ่มสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสูงสุด 10 ปี เพื่อเร่งดึงการลงทุนจากต่างประเทศรายใหม่และสนับสนุนการขยายฐานการผลิตของรายเดิมในกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์หรืออุปกรณ์สารกึ่งตัวนำ และแผ่นวงจรพิมพ์ (PCB) ที่ความต้องการของตลาดมีแนวโน้มไปสู่รุ่นที่มีความซับซ้อนมากขึ้น ซึ่งใช้เทคโนโลยีการผลิตและเงินลงทุนสูง และเป็นสายการผลิตแบบอัตโนมัติ จึงได้ปรับสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสูงสุดเป็น 8 ปี ทั้งนี้ จะต้องมีการลงทุนค่าเครื่องจักรอย่างน้อย 1,500 ล้านบาทขึ้นไป
ส่วนอุตสาหกรรม PCBA ก็ได้ปรับสิทธิประโยชน์สำหรับโครงการที่มีเงินลงทุนค่าเครื่องจักรอย่างน้อย 500 ล้านบาท บีโอไอ ได้ปรับปรุงเงื่อนไขและสิทธิประโยชน์ของประเภทกิจการซอฟต์แวร์ กิจการให้บริการเทคโนโลยีดิจิทัลและกิจการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ใหม่ โดยยุบรวมประเภทกิจการให้เหลือเพียง 1 ประเภท ได้แก่ กิจการพัฒนาซอฟต์แวร์ แพลตฟอร์ม อีกทั้งยังเพิ่มสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 8 ปี โดยมีเงื่อนไขต้องจ้างงานและพัฒนาบุคลากรไทยด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (ไอที) ซึ่งจะช่วยยกระดับผู้ประกอบการสามารถพัฒนาและให้บริการในระดับนานาชาติ ยกระดับการส่งเสริมการลงทุนอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ โดยเพิ่มประเภทกิจการกลุ่มบรรจุภัณฑ์อัจฉริยะ (Smart Packaging) โดยให้สิทธิประโยชน์ด้านภาษีเงินได้นิติบุคคลสูงสุด 8 ปี
นอกจากนี้ เพื่อให้สอดรับกับทิศทางอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ในอนาคตตามแนวคิด BCG และรองรับเทคโนโลยีใหม่ บีโอไอได้ปรับปรุงสิทธิและประโยชน์ในกลุ่มวัตถุดิบสำหรับผลิตบรรจุภัณฑ์ ได้แก่ เม็ดพลาสติกรีไซเคิลเกรดพิเศษ คอมพาวด์พลาสติกชนิดพิเศษ โดยให้สิทธิประโยชน์ด้านภาษีเงินได้นิติบุคคล 5 – 8 ปี อีกทั้งยังขยายให้ครอบคลุมถึงบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่มีคุณสมบัติพิเศษ และบรรจุภัณฑ์กระดาษ และอุตสาหกรรมต่อเนื่อง ปรับเงื่อนไขในการส่งเสริมการลงทุนกิจการศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศ (International Business Center: IBC) และกิจการสนับสนุนการค้าและการลงทุน (Trade and Investment Support Office: TISO) โดยเพิ่มขอบข่ายให้ครอบคลุมการให้กู้ยืมเงินแก่วิสาหกิจในเครือ
“การปรับปรุงมาตรการและประเภทกิจการการส่งเสริมการลงทุนต่างๆ ของบอร์ดบีโอไอครั้งนี้ จะมีส่วนช่วยเร่งการวิจัยและพัฒนา การพัฒนาบุคลากร และดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมและบริการที่ใช้นวัตกรรม เทคโนโลยีที่สร้างมูลค่าเพิ่มสูง ตลอดจนการลงทุนตามแนวทาง BCG ให้เพิ่มขึ้น เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเหล่านี้ให้ก้าวหน้าอย่างรวดเร็วและเป็นรูปธรรม ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และยกระดับอุตสาหกรรมในประเทศเพื่อเป็นแหล่งรองรับการลงทุนในภูมิภาค” เลขาธิการบีโอไอกล่าว-สำนักข่าวไทย