กรุงเทพฯ 24 มิ.ย.-กระทรวงคมนาคม หารือองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศ ของญี่ปุ่น (JETRO Bangkok) เดินหน้าการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง ของกระทรวงคมนาคม และความพร้อมการเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยว โครงการ Phuket Sandbox
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ให้ Mr. Atsushi Taketani ประธานองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (Japan External Trade Organization: JETRO Bangkok) Mr. Kazuo Hidaka ประธานหอการค้าญี่ปุ่น – กรุงเทพฯ (JCC) และคณะเข้าพบ เพื่อหารือการพัฒนาโครงสร้าง พื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของกระทรวงคมนาคม โดยมี นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม และ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมหารือ
นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า ในการเข้าพบครั้งนี้ กระทรวงคมนาคม ได้สรุปภาพรวมการดำเนินการของกระทรวงฯ ต่อข้อเรียกร้อง ของภาคเอกชนญี่ปุ่น และนโยบายของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันพัฒนามาตรการต่าง ๆ ตามข้อเสนอแนะของภาคเอกชนญี่ปุ่นให้มีผลเป็นรูปธรรม เพื่อสร้างความเชื่อมั่น และรักษาฐานการลงทุนของเอกชนญี่ปุ่นในประเทศไทย ทั้งนี้ JETRO Bangkok ยังให้ความสนใจการดำเนินการ ของกระทรวงฯ ในประเด็นอื่น ๆ คือ การคมนาคมขนส่งในพื้นที่กรุงเทพฯ การผลักดันการใช้เทคโนโลยียานยนต์ ไฟฟ้า การเตรียมความพร้อมด้านคมนาคมเพื่อรองรับการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ มาตรการ การรองรับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 และภาพรวมการขับเคลื่อน นโยบายคมนาคมสู่การปฏิบัติในปี2564 ซึ่งกระทรวงฯได้สานต่อนโยบายเดิมจากปี 2563 มาสู่การปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรม และได้วางแผนการขับเคลื่อนนโยบายเพิ่มเติมปี 2564 เพื่อให้เดินหน้าการพัฒนาระบบคมนาคม เชิงรุก และวางรากฐานการพัฒนาสู่อนาคต
สำหรับการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยว หรือ Phuket Sandbox กระทรวงคมนาคม ได้เตรียมความพร้อมครอบคลุมการคมนาคมขนส่งทั้ง 3 มิติ คือ ทางอากาศ ทางบก และทาง น้ำ โดยจะดำเนินการตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งมาตรฐานด้านความปลอดภัยในการรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเดินทางเข้ามาในประเทศไทยนั้น จะต้องเป็นการเดินทางเข้ามาแบบเที่ยวบินตรงมาที่ท่าอากาศยานภูเก็ตเท่านั้น และผู้เดินทางจะต้องปฏิบัติตามมาตรการที่รัฐบาลกำหนด เพื่อสร้างความมั่นใจและความปลอดภัยตลอดระยะเวลาในการเดินทาง และรัฐบาลได้มีการเตรียมความพร้อมในกรณีฉุกเฉินต่าง ๆ ไว้แล้ว รวมถึงให้ความสำคัญกับการฉีดวัคซีนให้ประชาชนในพื้นที่ ซึ่งขณะนี้ได้ดำเนินการแล้วประมาณ 70% คาดว่าจะดำเนินการครบ 100% ได้ภายในระยะเวลา 120 วัน.-สำนักข่าวไทย