ไทยพร้อมให้จีนสุ่มตรวจสวนและล้ง 4 ผลไม้ มั่นใจมาตรฐาน

กรุงเทพฯ 24 มิ.ย. – กรมวิชาการเกษตรตอบรับจีนขอสุ่มตรวจสวนทุเรียน ลำไย มังคุด และมะพร้าวพร้อมโรงคัดบรรจุ เร่งตอกย้ำความเชื่อมั่นผลไม้ไทยปลอดภัยทั้งศัตรูพืชและโควิด พร้อมส่งแผนตรวจประเมินสวนและล้ง เริ่มเดือนกรกฎาคมนี้ 


นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมวิชาการเกษตรเปิดเผยว่า กรมวิชาการเกษตรได้รับหนังสือจากสำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ประจำกรุงปักกิ่งซึ่งแจ้งว่า สำนักงานการศุลกากรจีนแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (GACC) ได้มีหนังสือแจ้งขอสุ่มตรวจประเมินสวนและโรงคัดบรรจุผลไม้ทุเรียน ลำไย มังคุด และมะพร้าวของไทยที่ส่งออกไปจีน ทั้งเรื่องการควบคุมดูแลศัตรูพืชในสวนผลไม้และมาตรการควบคุมและป้องกันการปนเปื้อนเชื้อโควิด-19 โดยขอให้กรมวิชาการเกษตรจัดแผนการตรวจประเมินโดยให้มีเจ้าหน้ากรมวิชาการเกษตรปฏิบัติงานจริงให้เห็นในระหว่างการตรวจประเมินผ่านระบบ Zoom  

ทั้งนี้ กรมวิชาการเกษตรได้เสนอแผนการตรวจประเมินสวนและโรงคัดบรรจุผลไม้ทั้ง 4 ชนิดให้จีนพิจารณาตรวจประเมินในช่วงเดือนกรกฎาคมจำนวน 3 สวน 3 โรงคัดบรรจุ  ต่อ 1 พืช  โดยได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมสำหรับการตรวจประเมินสวนและโรงคัดบรรจุก่อนที่ฝ่ายจีนจะแจ้งผลการพิจารณาแผนการสุ่มตรวจประเมินสวนและโรงคัดบรรจุตามที่กรมวิชาการเกษตรเสนอให้ทราบในเร็วฐ นี้


นอกจากนี้หน่วยงาน GACC ของจีนยังได้แจ้งให้ทราบถึงแนวทางการดำเนินงานกรณีตรวจพบการปนเปื้อนเชื้อไวรัสโควิด-19 บนบรรจุภัณฑ์สินค้าที่ต้องควบคุมอุณหภูมิความเย็นสินค้าตั้งแต่ออกจากแหล่งผลิตจนถึงผู้บริโภค (cold chain) ณ ด่านนำเข้า โดยหากตรวจพบครั้งที่ 1 และ 2 ระงับการยื่นขอนำเข้า เป็นเวลา 1 สัปดาห์ หากถูกตรวจพบครั้งที่ 3 ระงับการนำเข้าเป็นเวลา 4 สัปดาห์ ซึ่งกรมวิชาการเกษตรได้ยืนยันว่าฝ่ายไทยมีการดำเนินการตามแนวทางป้องกันการปนเปื้อนเชื้อไวรัสโควิด-19 ตามข้อปฏิบัติขององค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) และองค์การอนามัยโลก (WHO) รวมถึงการย้ำเตือนให้ผู้ประกอบการดำเนินการตามมาตรการเพื่อควบคุมสุขอนามัยของพนักงานและสิ่งแวดล้อมในสถานที่ผลิตอาหารเพื่อป้องกันการปนเปื้อนเชื้อไวรัสโควิด-19 ในสินค้าและบรรจุภัณฑ์อย่างเคร่งครัด

อธิบดีกรมวิชาการเกษตรกล่าวต่อว่า ไทยสามารถสร้างความเชื่อมั่นในมาตรการกำกับดูแลการส่งออกสินค้าเกษตรของไทยซึ่งมีการบริหารจัดการอย่างเข้มงวดตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทางโดยเฉพาะพืชทั้ง 4 ชนิดที่มีปริมาณและมูลค่าการส่งออกไปจีนมากที่สุด   โดยตั้งแต่เดือนมกราคม-15 มิถุนายน 2564  ไทยส่งออกทุเรียนไปจีนแล้วปริมาณ 253,017 ตัน มูลค่า 31,069 ล้านบาท ลำไยปริมาณ 89,366 ตัน มูลค่า 3,907 ล้านบาท มังคุดปริมาณ 20,486 ตัน มูลค่า 1,651 ล้านบาท มะพร้าว 61,070 ตัน มูลค่า 1,176 ล้านบาท รวมมูลค่าการส่งออกผลไม้ทั้ง 4 ชนิดจำนวนทั้งสิ้น 37,803 ล้านบาท  

ดังนั้นเมื่อฝ่ายจีนแจ้งขอตรวจประเมินสวนและโรงคัดบรรจุทุเรียน ลำไย มังคุด และมะพร้าว ซึ่งกำลังจะมีผลผลิตทางภาคใต้และภาคเหนือออกสู่ตลาดจำนวนมากในเดือนหน้านี้กรมวิชาการเกษตรจึงตอบรับและจัดทำแผนการตรวจประมินพืชทั้ง 4 ชนิดให้จีนพิจารณา   ซึ่งเรามั่นใจว่าสวนและโรงคัดบรรจุที่กรมวิชาการเกษตรคัดเลือกให้เป็นตัวแทนของสวนและโรงคัดบรรจุทั้งหมดที่ขึ้นทะเบียนไว้กับกรมวิชาการเกษตร จะผ่านการตรวจประเมินจากจีนไปอย่างไม่มีปัญหาแน่นอน. – สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

คนขับแท็กซี่ตายคารถ กว่าจะรู้ผ่านไปหลายชม.

รถแท็กซี่จอดอยู่ป้ายรถเมล์ตั้งแต่เที่ยงจนถึงเย็น มีผู้โดยสารขึ้นรถ แล้วก็ลงมา แถมถูกบีบแตรไล่ จนพ่อค้าขายข้าวโพดต้มเข้าไปเรียกพบคนขับนอนคอพับเสียชีวิต

ถอนตัวWHO

“ทรัมป์” ลงนามในคำสั่งให้สหรัฐถอนตัวจากการเป็นสมาชิกอนามัยโลก

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐกล่าววานนี้ว่า สหรัฐจะออกจากการเป็นสมาชิกองค์การอนามัยโลก โดยเขาระบุว่า องค์การอนามัยโลกดำเนินการผิดพลาดในการรับมือกับโรคโควิด-19

พิตบูลขย้ำหัวพระ

“อเมริกันบูลลี่” ขย้ำหัวพระ-กัดข้อมือหาย มรณภาพคากุฏิ

สลด! หลวงพี่ เลขาเจ้าอาวาสวัด เลี้ยงอเมริกันบูลลี่ไว้ตั้งแต่เป็นลูกสุนัข ผ่านไปปีกว่า ถูกขย้ำหัวมรณภาพคากุฏิ ข้อมือขาดหายไป ยังหาไม่พบ

ข่าวแนะนำ

หนุ่มอุดรฯ ดวงเฮง ถูกลอตเตอรี่เกาหลีใต้ 45 ล้านบาท

สุดเฮง! หนุ่มอุดรฯ ถูกลอตเตอรี่เกาหลีใต้ รับเงินรางวัล 45 ล้านบาท ลูกสาวเผยพ่อเป็นคนชอบทำบุญ ก่อนหน้านี้เพิ่งโทรมาบอกให้ใส่บาตร เชื่อผลบุญหนุนโชคลาภ

สามีภรรยาจากอยุธยารับ “เจ้าจอร์จ” ไปดูแล

สามีภรรยาใจบุญจาก จ.พระนครศรีอยุธยา ขอรับ “เจ้าจอร์จ” สุนัขพันธุ์อเมริกันบูลลี่ ไปอุปการะแล้ว หลังกัดแทะร่างพระเจ้าของที่มรณภาพในกุฏิด้วยโรคประจำตัว

ดีเอสไออนุมัติสืบสวนคดีแตงโม คาดตั้งชุดเริ่มสืบได้ 27 ม.ค.นี้

อธิบดีดีเอสไอ อนุมัติให้สืบสวนคดีแตงโม ว่ามีการบิดเบือนกระบวนการยุติธรรมทางอาญาหรือไม่ และมีบุคคลหรือเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องหรือไม่ คาดเริ่มได้ 27 ม.ค.นี้