ราชกิจจาฯ ประกาศกฎกระทรวงฯ แท็กซี่บุคคลผ่านแอปฯ

กรุงเทพฯ 23 มิ.ย.-ราชกิจจานุเบกษา ประกาศกฎกระทรวงกำหนดลักษณะ และราคาค่าโดยสาร “รถส่วนบุคคล” จดทะเบียนเป็น “แท็กซี่” บริการผ่านแอปพลิเคชัน แล้ว


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้ (23 มิ.ย.64) เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้ประกาศเผยแพร่กฎกระทรวง รถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2564 เนื้อหาระบุว่า อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๕ (๑) (๒) (๓) (๔) (๕) (๑๐) และ (๑๘) แห่งพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๕๔๒ และมาตรา ๕ (๑๔) และ (๑๕) แห่งพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ๑๓) พ.ศ. ๒๕๔๗ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้

ข้อ ๑ ในกฎกระทรวงนี้ “รถยนต์รับจ้าง” หมายความว่า รถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกินเจ็ดคน “รถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์” หมายความว่า รถยนต์รับจ้างที่เป็นการนํารถยนต์นั่งส่วนบุคคลมาจดทะเบียนเปลี่ยนประเภทเป็นรถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์
ข้อ ๒ การจดทะเบียนรถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ให้แบ่งเป็น ๓ ประเภท ดังนี้
(๑) ขนาดเล็ก (๒) ขนาดกลาง และ (๓) ขนาดใหญ่ ในการรับจดทะเบียนเป็นรถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ให้จดทะเบียนได้เพียง คนละหนึ่งคัน
ข้อ ๓ รถที่จะรับจดทะเบียนเป็นรถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ต้องเป็นรถที่มีประตู ไม่น้อยกว่าสี่ประตู และต้องมีลักษณะเป็นรถเก๋งสองตอน รถเก๋งสองตอนแวน รถเก๋งสามตอน รถเก๋งสามตอนแวน รถยนต์นั่งสองตอน รถยนต์นั่งสองตอนแวน รถยนต์นั่งสามตอน รถยนต์นั่ง สามตอนแวน หรือรถยนต์ลักษณะอื่นตามที่อธิบดีประกาศกําหนดโดยความเห็นชอบของรัฐมนตรี
ข้อ ๔ รถที่จะรับจดทะเบียนเป็นรถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ตามประเภท ของการจดทะเบียนที่กําหนดในข้อ ๒ ต้องมีกําลังของเครื่องยนต์หรือมอเตอร์ไฟฟ้า ดังต่อไปนี้
(๑) รถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ขนาดเล็กต้องมีกําลังในการขับเคลื่อนตั้งแต่ ห้าสิบกิโลวัตต์แต่ไม่เกินเก้าสิบกิโลวัตต์
(๒) รถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ขนาดกลางต้องมีกําลังในการขับเคลื่อนมากกว่า เก้าสิบกิโลวัตต์แต่ไม่เกินหนึ่งร้อยยี่สิบกิโลวัตต์
(๓) รถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ขนาดใหญ่ต้องมีกําลังในการขับเคลื่อนมากกว่า หนึ่งร้อยยี่สิบกิโลวัตต์ขึ้นไป


ส่วนกรณีเป็นรถที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อนต้องมีความเร็วสูงสุดได้ไม่น้อยกว่า เก้าสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง การวัดกําลังของเครื่องยนต์หรือมอเตอร์ไฟฟ้าตามวรรคหนึ่ง และการวัดความสามารถ ในการขับเคลื่อนรถตามวรรคสอง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่อธิบดีประกาศกําหนด
ข้อ ๕ รถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ต้องมีและใช้อุปกรณ์เครื่องสื่อสาร เพื่อการรับงานจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่กรมการขนส่งทางบกให้การรับรอง ระบบอิเล็กทรอนิกส์ตามวรรคหนึ่ง ต้องมีคุณลักษณะและระบบการทํางานตามที่อธิบดี ประกาศกําหนด ซึ่งอย่างน้อยต้องมีข้อมูลเกี่ยวกับตัวรถและผู้ขับรถ ระบบการแสดงตัวตนของผู้ขับรถ ระบบการคิดอัตราค่าโดยสารล่วงหน้า ระบบติดตามตัวรถ ระบบตรวจสอบเวลาและสถานที่รับส่ง และ ระบบแจ้งการร้องเรียนหรือขอความช่วยเหลือ
ทั้งนี้ ระบบอิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าวต้องดําเนินการ โดยผู้ให้บริการระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่กรมการขนส่งทางบกให้การรับรอง รวมทั้งต้องมีการจัดเก็บข้อมูล ที่สามารถตรวจสอบย้อนหลังได้อย่างน้อยหนึ่งเดือน หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการรับรองระบบอิเล็กทรอนิกส์ตามวรรคหนึ่งและผู้ให้บริการ ระบบอิเล็กทรอนิกส์ตามวรรคสอง ให้เป็นไปตามที่อธิบดีประกาศกําหนดโดยความเห็นชอบของรัฐมนตรี
ข้อ ๖ รถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ต้องมีและแสดงเครื่องหมายแสดงการเป็น รถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องหมายอื่นตามที่อธิบดีประกาศกําหนดแบบและการแสดงเครื่องหมายตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามที่อธิบดีประกาศกําหนด ทั้งนี้ อาจกําหนดให้แตกต่างกันตามประเภทของการจดทะเบียนในข้อ ๒ ก็ได้
ข้อ ๗ รถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ให้ใช้สีของตัวถังรถตามสีเดิมที่ปรากฏใน ใบคู่มือการจดทะเบียนรถยนต์นั่งส่วนบุคคลก่อนการจดทะเบียนเปลี่ยนประเภทเป็นรถยนต์รับจ้าง ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์
ข้อ ๘ รถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ให้มีอายุการใช้งานได้ไม่เกินเก้าปีนับแต่วันที่จดทะเบียนครั้งแรก
ในกรณีที่รถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ครบอายุการใช้งานตามวรรคหนึ่ง ให้เจ้าของรถ นําเครื่องหมายตามข้อ 5 ออก พร้อมนําใบคู่มือจดทะเบียนรถไปแสดงต่อนายทะเบียนเพื่อบันทึกหลักฐาน การระงับทะเบียนหรือเปลี่ยนประเภทรถ ทั้งนี้ ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ครบอายุการใช้งาน
ข้อ ๙ ให้รัฐมนตรีมีอํานาจประกาศกําหนดอัตราค่าจ้างบรรทุกคนโดยสารและค่าบริการอื่น สําหรับรถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ดังต่อไปนี้
(๑) รถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ตามประเภทของการจดทะเบียนที่กําหนด ในข้อ ๒ (๑) และ (๒)
(ก) ค่าจ้างบรรทุกคนโดยสาร ให้กําหนดโดยถือเกณฑ์ระยะทางสองกิโลเมตรแรก ไม่เกินห้าสิบบาท และกิโลเมตรต่อ ๆ ไป กิโลเมตรละไม่เกินสิบสองบาท ในกรณีที่ระบบการคิดอัตรา ค่าโดยสารล่วงหน้าประเมินสภาพการจราจรว่าไม่สามารถเคลื่อนที่หรือเดินรถต่อไปได้ตามปกติวิสัย ในอัตรานาทีละไม่เกินสามบาท
(ข) ค่าบริการอื่น ให้กําหนดดังต่อไปนี้
๑) กรณีการจ้างผ่านศูนย์บริการสื่อสารหรือระบบสื่อสารทางอิเล็กทรอนิกส์กําหนดได้ ไม่เกินห้าสิบบาท
๒) ค่าบริการเพิ่มกรณีอื่นตามที่รัฐมนตรีประกาศกําหนด กําหนดได้ไม่เกินสองร้อยบาท (๒) รถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ตามประเภทของการจดทะเบียนที่กําหนดในข้อ ๒ (๓)
(ก) ค่าจ้างบรรทุกคนโดยสาร ให้กําหนดโดยถือเกณฑ์ระยะทางสองกิโลเมตรแรก ไม่เกินสองร้อยบาท และกิโลเมตรต่อ ๆ ไป กิโลเมตรละไม่เกินสามสิบบาท ในกรณีที่ระบบการคิดอัตรา ค่าโดยสารล่วงหน้าประเมินสภาพการจราจรว่าไม่สามารถเคลื่อนที่หรือเดินรถต่อไปได้ตามปกติวิสัย ในอัตรานาที่ละไม่เกินสิบบาท
(ข) ค่าบริการอื่น ให้กําหนดดังต่อไปนี้
๑) กรณีการจ้างผ่านศูนย์บริการสื่อสารหรือระบบสื่อสารทางอิเล็กทรอนิกส์กําหนดได้ ไม่เกินหนึ่งร้อยบาท
๒) ค่าบริการเพิ่มกรณีอื่นตามที่รัฐมนตรีประกาศกําหนด กําหนดได้ไม่เกินสองร้อยบาท
ข้อ ๑๐ การเรียกเก็บค่าจ้างบรรทุกคนโดยสารของรถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ให้เรียกเก็บตามจํานวนเงินซึ่งคํานวณโดยระบบการคิดอัตราค่าโดยสารล่วงหน้าที่ปรากฏในอุปกรณ์เครื่องสื่อสาร เพื่อการรับงานจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ตามข้อ ๕ โดยต้องแจ้งให้คนโดยสารทราบก่อนทําการขนส่ง คนโดยสารนั้น
ข้อ ๑๑ แผ่นป้ายทะเบียนรถของรถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ให้มีขนาด ลักษณะ และสีเช่นเดียวกับแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกินเจ็ดคน ทั้งนี้ อาจให้ใช้แผ่นป้ายทะเบียน รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกินเจ็ดคนเดิมก็ได้
ข้อ ๑๒ รถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ต้องมีการตรวจสภาพรถตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กําหนดในกฎกระทรวงที่ออกตามมาตรา ๑๕ ทวิ รวมทั้งต้องรักษาความสะอาด และความเป็นระเบียบเรียบร้อยทั้งภายนอกและภายในตัวรถ

ทั้งนี้ ราชกิจจานุเบกษา วันที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2564 ลงนามโดยนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ไฟไหม้รถยนต์ อดีต สส.ศิริโชค วอดทั้งคัน

สงขลา 5 ก.ค.-“ศิริโชค” อดีต สส.ปชป. เผยเหตุระทึก รถยนต์ PHEV ไฟลุกไหม้วอดทั้งคันกลางดึก ทั้งที่ไม่ได้ชาร์จ ภาพคลิปเหตุการณ์ไฟไหม้รถยนต์ส่วนตัวของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งจอดอยู่บริเวณบ้านพักที่ อ.นาทวี จ.สงขลา ช่วงตี 3 เมื่อเช้ามืดที่ผ่านมา (5 ก.ค.68) โดยเพจเฟซบุ๊ก “ศิริโชค โสภา” ได้โพสต์คลิปเหตุการณ์ พร้อมระบุข้อความว่า “อุทาหรณ์สยอง! ผมตื่นมากับเปลวเพลิงกลางดึก-ไฟลุกท่วมรถ PHEV ทั้งคัน ทั้งที่ไม่ได้ชาร์จ! เช้ามืดวันนี้ ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมเสียง “ปะทุ” ดังสนั่นกลางความเงียบของตีสาม…เมื่อรีบวิ่งออกมาดู สิ่งที่ผมเห็นคือเปลวไฟสีส้มแดงกำลังลุกโชนอย่างบ้าคลั่งจากรถยนต์ PHEV ที่จอดนิ่งหน้าบ้าน ตอนนั้นผมไม่ได้เสียบชาร์จไว้ด้วยซ้ำ-จอดไว้เฉยๆ แต่จู่ๆ ไฟกลับลุกขึ้นมาเอง โดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าแม้แต่นิดเดียว รถดับเพลิงต้องใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะควบคุมเพลิงได้ และเมื่อไฟดับลง… สิ่งที่เหลืออยู่คือซากรถที่ไหม้เกรียมทั้งคันนี่ไม่ใช่แค่ความเสียหาย แต่คือคำเตือนที่น่ากลัวสำหรับผู้ใช้รถ EV และ PHEVแม้ไม่ได้ชาร์จ แม้จอดนิ่ง แบตเตอรี่ก็ยังมีโอกาสลุกไหม้ได้เองโดยไม่ทันตั้งตัว ไฟฟ้าเงียบ-แต่มันเผาผลาญทุกอย่างได้ในพริบตา ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ […]

ตาขับรถทับศีรษะหลานวัย 1 ขวบ ดับสลด

สุราษฎร์ธานี 5 ก.ค. – สุดสลด ตาขับรถกระบะไม่ทันดู เหยียบศีรษะหลานสาว วัย 1 ขวบ 5 เดือนเสียชีวิตคาที่ ตายายร้องไห้แทบขาดใจ สุดสลด ตาขับรถกระบะไม่ทันดู เหยียบศีรษะหลานสาว วัย 1 ขวบ 5 เดือนเสียชีวิตคาที่ หลังจากที่ตากลับจากซื้อของที่ตลาด เมื่อมาถึงบ้านซึ่งเปิดเป็นร้านขายของชำในอำเภอพระแสง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ขนของลงจากรถเสร็จ ระหว่างจะนำรถไปจอดไม่ทันสังเกตว่าหลานวิ่งอ้อมรถมา รู้อีกทีล้อรถหน้าด้านคนขับเหยียบเข้าที่ศีรษะของหลานแล้ว ทำให้หลานเสียชีวิตทันที เมื่อเห็นร่างหลาน ตาและยายร้องไห้แทบขาดใจ เพราะเลี้ยงหลานคนนี้มาตั้งแต่เล็กๆ ก่อนนำร่างส่งชันสูตรที่โรงพยาบาลพระแสงต่อไป.- สำนักข่าวไทย

อ.อ๊อด ชี้เป็นเหตุการณ์ที่ไม่ปกติ กรณีรถยนต์ไฟฟ้า อดีตสส.สงขลา ไฟไหม้

นครปฐม 5 ก.ค. – อาจารย์อ๊อด นักวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์ แสดงความคิดเห็นว่า กรณีรถยนต์ไฟฟ้าของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา เกิดไฟไหม้ ถือเป็นเหตุการณ์ไม่ปกติ และแบตเตอรี่อาจจะมีปัญหา จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก Sirichok Sopha หรือ นายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ แชร์ประสบการณ์ โดยระบุข้อความว่า “เช้ามืดวันนี้ ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมเสียง “ปะทุ” ดังสนั่นกลางความเงียบของตีสาม…เมื่อรีบวิ่งออกมาดู สิ่งที่ผมเห็นคือเปลวไฟสีส้มแดงกำลังลุกโชนอย่างบ้าคลั่งจากรถยนต์ PHEV ที่จอดนิ่งหน้าบ้าน รถคันนี้ซื้อจากศูนย์หาดใหญ่เมื่อ 2 ปีก่อน ผมใช้งานตามปกติ และที่สำคัญคือ ตอนนั้นผมไม่ได้เสียบชาร์จไว้ด้วยซ้ำ-จอดไว้เฉยๆแต่จู่ๆ ไฟกลับลุกขึ้นมาเอง โดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าแม้แต่นิดเดียวรถดับเพลิงต้องใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะควบคุมเพลิงได้ และเมื่อไฟดับลง… สิ่งที่เหลืออยู่คือ ซากรถที่ไหม้เกรียมทั้งคันนี่ไม่ใช่แค่ความเสียหาย แต่คือคำเตือนที่น่ากลัวสำหรับผู้ใช้รถ EV และ PHEVแม้ไม่ได้ชาร์จ แม้จอดนิ่ง แบตเตอรี่ก็ยังมีโอกาสลุกไหม้ได้เองโดยไม่ทันตั้งตัวไฟฟ้าเงียบ-แต่มันเผาผลาญทุกอย่างได้ในพริบตา” รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ หรือ อาจารย์อ๊อด นักวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายนวัตกรรมและกิจการเพื่อสังคม […]

สพฐ. จัดทีมนิติกรช่วยครูการเงิน

กทม. 5 ก.ค.-สพฐ. จัดทีมนิติกรช่วยครูการเงิน กรณีถูกชี้มูลร่วมลงชื่อเบิกจ่ายค่าอาหารกลางวัน วันที่ 4 กรกฎาคม 2568 ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เปิดเผยว่า ตามที่มีรายงานข่าวผ่านสื่อสังคมออนไลน์ กรณีข้าราชการครูผู้รับผิดชอบงานการเงินของโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรี ได้ร้องขอความเป็นธรรมภายหลังถูกชี้มูลความผิดร่วมกับอดีตผู้อำนวยการโรงเรียน จากการลงนามในเอกสารเบิกจ่ายค่าอาหารกลางวัน โดยยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดนั้น สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงร่วมกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาต้นสังกัด และยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่มีคำสั่งลงโทษทางวินัยออกโดยเขตพื้นที่ฯ แต่อย่างใด สำหรับการดำเนินการในขั้นต่อไป สพฐ. ได้จัดเตรียมนิติกรจากส่วนกลาง เพื่อสนับสนุนการให้คำปรึกษาทางกฎหมายและการรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ครูสามารถใช้สิทธิในการอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ตามมาตรา 99 แห่งพระราชบัญญัติ ป.ป.ช. พ.ศ. 2561 ได้อย่างเต็มที่ เลขาธิการ กพฐ. ระบุว่า กรณีนี้สะท้อนถึงความจำเป็นที่ต้องทบทวนบทบาทภาระงานของครูในภารกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับการจัดการเรียนการสอน โดยเฉพาะงานด้านการเงินและพัสดุ ซึ่งมีความซับซ้อนและมีความเสี่ยงเชิงกฎหมายสูง สพฐ. จึงอยู่ระหว่างการปรับปรุงระบบสนับสนุนภายในโรงเรียน เพื่อให้โครงสร้างงานสนับสนุนมีความเหมาะสมกับวิชาชีพครูมากยิ่งขึ้น “ข้าราชการครูที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริตจะไม่ต้องเผชิญกระบวนการตามลำพัง สพฐ. พร้อมอยู่เคียงข้างและสนับสนุนในทุกขั้นตอน เพื่อให้สามารถใช้สิทธิและเข้าถึงความเป็นธรรมได้อย่างมั่นใจครับ” เลขาธิการ กพฐ. กล่าว.-416.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

รวบแล้วมือเผารถ “ศิริโชค” ญาติเผยจิตไม่ปกติ

6 ก.ค. – จับได้แล้ว มือวางเพลิงรถยนต์ “ศิริโชค” ตำรวจเค้นสอบ ยอมรับก่อเหตุจริง ญาติเผยจิตไม่ปกติ พูดคนเดียวมาหลายเดือน ด้าน “ศิริโชค” ไม่เชื่อลงมือเองจากอาการทางจิต น่าจะมีคนสั่งการอยู่เบื้องหลัง กล้องวงจรปิดจับภาพนายเบียร์ อายุ 29 ปี ขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาในซอยบ้านพักของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.เขต 7 สงขลา 4 สมัย พรรคประชาธิปัตย์ ช่วงตี 3 คืนวานนี้ (5 ก.ค.) ต.ฉาง อ.นาทวี จ.สงขลา และไปคุยกับคนเฝ้าบ้านนายศิริโชค ที่ประตูหน้าบ้าน ก่อนขี่รถออกไป จากนั้นช่วงเวลา 03.45 น. นายเบียร์ขี่รถย้อนกลับเข้าไปในซอยบ้านของนายศิริโชคอีกครั้ง ก่อนจะมีข่าวรถยนต์ GWM HAVAL H6 PHEV หรือปลั๊กอิน-ไฮบริด กึ่งไฟฟ้ากึ่งน้ำมัน เกิดเพลิงไหม้เสียหายหมดทั้งคัน ซึ่งขณะนั้น ยังไม่มั่นใจว่าเกิดจาะระบบรถยนต์ขัดข้อง หรือสาเหตุอย่างอื่น จนเจ้าหน้าที่ตรวจสอบเป็นที่แน่ชัดว่า นายเบียร์เป็นคนก่อเหตุวางเพลิงรถยนต์ของนายศิริโชค […]

“โรม” ควง “เท้ง” ลงพื้นที่สระแก้ว ดูชายแดนไทย-กัมพูชา

สระแก้ว 6 ก.ค. – “โรม” ควง “เท้ง” ลงพื้นที่สระแก้ว ดูชายแดนไทย-กัมพูชา “สอบสวนกลาง-ดีเอสไอ-หน่วยงานปกครอง” ลงด้วยเพียบ สงสัยฝั่งตรงข้ามเป็นฐานสแกมเมอร์-คอลเซ็นเตอร์ หรือไม่ แย้มมีข้อมูลทุนใหญ่เป็นหลังบ้านผู้มีอำนาจกัมพูชา เจอแน่ปิดห้องคุยพรุ่งนี้ แนะสร้างเสาเซ็นเซอร์ตรวจจับชายแดน หมาแมวตรวจได้หมด หากลักลอบเข้า ด้าน “ชุติพงศ์” โวย เขมรไม่ทำรั้ว-รับผิดชอบ ปล่อยผ่านคนลักลอบเข้าออก นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร​ ลงพื้นที่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว​ ร่วมกับคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ​ สภาผู้แทนราษฎร​ เพื่อดูการแก้ไขปัญหาความมั่นคงและการบริหารกิจการชายแดนไทย-กัมพูชา​ โดยมีหน่วยงานความมั่นคง​ นายอำเภอ​ กรมการปกครอง รวมถึงเจ้าหน้าที่จากกรมสอบสวนคดีพิเศษ และกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ลงพื้นที่ด้วย จุดแรกมาที่บริเวณด้านหลังห้างสรรพสินค้า​อรัญประเทศ​ โดย พ.อ.เมธี คำเต็ม ผู้บังคับการชุดควบคุมกรมทหารพรานที่ 12 กองกำลังบูรพา รายงาน​ว่า​ จุดนี้​เป็นพื้นที่​ที่การข่าวแจ้งว่า​ใช้เป็นช่องทางลักลอบข้ามไปฝั่งกัมพูชา​ เป้าหมายไปทำงานหรือเล่นการพนัน​ ปัจจุบันได้ซีลพื้นที่ตรงนี้แล้ว แต่ก็มีการลักลอบเข้าออกตลอด แม้จะมีสถานการณ์ไทย-กัมพูชา […]

“บิ๊กเต่า” ขอเวลาตรวจสอบให้ชัด คลี่ปมพัวพันสีกา ก.

6 ก.ค.- “บิ๊กเต่า” เผยคำให้การสีกา ก. เป็นประโยชน์ อาจโยงไปถึงการทุจริต แต่ขอเวลาตรวจสอบให้ชัด เตรียมประชุมคณะทำงานสัปดาห์หน้า เรียกผู้เกี่ยวข้องสอบเพิ่มเติม ยืนยันหากพบใครเอี่ยวพร้อมดำเนินคดี 12.00 น. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยถึงกรณีการเรียกตัวสีกาอักษรย่อ ก. มาสอบปากคำ ว่า หลังจากนำตัวสีกา ก. มาสอบ ก็ได้ข้อมูลในแนวทางที่ดีและมีประโยชน์ อาจนำไปสู่เรื่องที่อาจเอี่ยวกับการทุจริต แต่ก็จะต้องมีการตรวจสอบให้ละเอียด เพราะทุกอย่างต้องชัดเจน เนื่องจากคำให้การอย่างเดียวไม่พอ ต้องมีหลักฐานอื่นประกอบด้วย จากคำให้การของสีกา ก. ว่า มีการเล่นพนันออนไลน์ แล้วเงินที่ใช้เล่นเป็นเงินส่วนไหน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ตอบว่า “ตอนนี้ยังไม่สามารถบอกได้ แต่เขามีการเล่นพนันจริง” ตอนนี้มีการตั้งคณะทำงานตรวจสอบเรื่องนี้แล้ว โดยมี ปปป. เป็นหน่วยงานหลักรับผิดชอบ เนื่องจากเรื่องนี้เกี่ยวพันหลายพื้นที่ ส่วนเรื่องบัญชีวัด ทางบก.ปปป. ก็มีอำนาจสามารถตรวจสอบได้เลย ประมาณวันจันทร์-อังคารที่จะถึงนี้ จะมีการประชุมถึงเรื่องนี้อีกครั้ง ผู้สื่อข่าวถามว่า สีกา ก. เคยทำให้พระสึกมาแล้วถึง 2 รูป จริงหรือไม่ […]

รวบ “สังข์” ผู้ต้องหาแหกห้องขัง สภ.เมืองสกลนคร

6 ก.ค.- ตำรวจบุกรวบ “สังข์” ผู้ต้องหาคดีอาวุธปืนและยาเสพติด หลังก่อเหตุแหกห้องขัง สภ.เมืองสกลนคร จนมุมบนขบวนรถไฟ ขณะเตรียมหลบหนีเข้ากรุงเทพฯ ตำรวจสอบสวนกลาง หรือ CIB จับกุมนายเกียรติศักดิ์ หรือ สังข์ อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาคดีอาวุธปืนและยาเสพติด ได้บนขบวนรถไฟ ขณะเตรียมหลบหนีเข้ากรุงเทพฯ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวมาลงบันทึกการจับกุมที่ สน.เตาปูน และอยู่ระหว่างการควบคุมตัวกลับมาดำเนินคดีที่ สภ.เมืองสกลนคร นายเกียรติศักดิ์ ก่อเหตุหลบหนีจากห้องควบคุม สภ.เมืองสกลนคร เมื่อช่วงเช้ามืดของวันที่ 13 มิถุนายน เจ้าหน้าที่พบเบาะแสหลบซ่อนตัวบนเทือกเขาภูพาน ขณะเดียวกันโซเชียลพากันแชร์ภาพนายเกียรติศักดิ์ พบว่า เป็นบุคคลอันตรายที่อาจมีอาวุธ หากใครพบเห็นห้ามเข้าใกล้ ทั้งนี้ สภ.เมืองสกลนคร ได้ปูพรมค้นหาตามล่าตัวและตั้งรางวัลนำจับ เป็นเงิน 3 หมื่นบาทให้กับผู้แจ้งเบาะแส .-สำนักข่าวไทย