fbpx

ประธานหอการค้าไทย หนุนนายกฯ 120 วันเปิดประเทศ

ทำเนียบ 23 มิ.ย.-ประธานหอการค้าไทย หนุนนโยบาย นายกฯ 120 วันเปิดประเทศ ชี้กินบุญเก่าเอาไม่อยู่ ต้องดึงเงินต่างประเทศมาฟื้นเศรษฐกิจ ลั่นอย่ากลัวโควิด-19 ขอทุกฝ่ายต้องช่วยควบคุมการระบาด ลำพังนายกฯ คนเดียวไม่ไหว แนะแบงค์ชาติ-คลัง ปลดล็อกลูกหนี้เข้าถึงแหล่งเงินกู้

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย เปิดเผยภายหลังร่วมประชุม กับพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เพื่อหารือนโยบายช่วยเหลือเอสเอ็มอีกับภาคเอกชน ว่า สภาหอการค้าสนับสนุนการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรี ที่จะเปิดประเทศ 120 วัน ซึ่งจะสามารถช่วยสร้างความมั่นใจให้กับคนต่างชาติ ว่าประเทศไทยมีความพร้อมแล้ว และมีความจำเป็นต้องนำเงินจากต่างประเทศเข้ามาในเมืองไทย เพราะขณะนี้เหมือนกับเรายังกินบุญเก่า โดยนำเงินของตนเองมาเยียวยา หามาตรการมากระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศเท่านั้น ซึ่งยังไม่เพียงพอ หากยังไม่มีธุรกิจใหม่ เมื่ออัดฉีดเงินเข้าไปยัง ผู้ประกอบการ หรือ เอสเอ็มอี ก็ยังต้องพึ่งเงินสนับสนุน เยียวยาจากรัฐบาลเพียงอย่างเดียว ซึ่งยังไม่พอ สิ่งเหล่านี้จึงเป็นเรื่องสำคัญ


สำหรับเรื่องการท่องเที่ยวจำเป็นจะต้องเปิด เพื่อให้ชาวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยว และทำให้นักธุรกิจต่างชาติสามารถเดินทางมาในไทยได้ อีกทั้งยังเป็นฤดูกาลที่จะต้องสั่งสินค้า ลูกค้าจากประเทศต่างๆจะสามารถเดินทางเข้ามาไทย และจะทำให้คนไทยสามารถเดินทางไปต่างประเทศ เพื่อหาออเดอร์จากต่างประเทศได้

นายสนั่น กล่าวว่าในช่วง 120 วันนี้ ต้องรู้ว่าต้องทำสิ่งไหนบ้าง เช่น นายกรัฐมนตรีจะต้องหาวัคซีนมาให้เพียงพอในการบริการฉีดประชาชนคนไทยให้ถึง 50 ล้านคน ซึ่งตนเองคิดว่า ตรงนี้จะทำให้สบายใจได้ ขณะเดียวกันทางด้านสาธารณสุข บุคลากรทางการแพทย์ จะต้องหามาตรการป้องกันไม่ให้โรคระบาดเกิดมายิ่งขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ กทม. คน กทม.ต้องช่วยกัน ป้องกันไม่ให้โรคโควิดขยายวง ซึ่งเรื่องนี้จะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของนายกฯคนเดียวไม่ได้ ทุกคนต้องทำงานแบบบูรณาการ ขณะเดียวกัน ตนเองและหอการค้าไทยก็ได้พูดคุยกับหอการค้าทุกจังหวัด ว่า จะต้องมีการเตรียมความพร้อม ทั้งโรงแรมและร้านอาหารต่างๆ ต้องปรับปรุงแซ่อมแซม เตรียมพนักงานให้เพียงพอ อีกทางหนึ่งหอการค้าจะเป็นตัวกลางเจรจากับสถาบันการเงิน หรือธนาคารต่างๆ ในการพิจารณาปล่อยกู้ให้ผู้ประกอบการ ที่อยู่ในภาวะลำบาก ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจของไทยฟื้นกลับมาได้


ส่วนกรณีที่แพทย์เสนอให้ล็อคดาวน์ประเทศเพราะสถานการณ์แพร่ระบาดยังหนักนั้น นายสนั่น กล่าวว่า ตรงนี้ต้องตั้งคำถามตัวเองก่อนว่าทำไมต้องเปิดประเทศ เพราะเชื้อโควิดยังอยู่กับเราต่อไป ฉะนั้นก็จะต้องปรับตัวอย่างไรเพื่อให้เปิดประเทศได้ หากกลัวอย่างเดียว แต่ประเทศอื่นเปิดประเทศไปแล้ว จะทำให้ไทยเสียโอกาส ประเทศใดที่มีวัคซีนเข้าถึงประชาชนได้ เศรษฐกิจประเทศนั้นจะกลับมาอย่างรวดเร็ว ประชาชนจะมีความปลอดภัย และการที่คนต่างประเทศจะเดินทางมาประเทศไทย ก็มีมาตรการควบคุมอยู่แล้ว เช่นเดียวกับประชาชนคนไทยก็ต้องมีความปลอดภัยด้วย

ขณะที่สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย อยากให้รัฐบาลช่วยแก้ปัญหาเอ็นพีแอล นายสนั่น กล่าวว่า หอการค้าไทยเสนอให้รัฐบาลพิจารณาหนี้เอ็นพีแอล และ เครดิตยูโร โดยการผ่อนกฎเกณฑ์ ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย และกระทรวงการคลังสามารถที่จะหารือกันได้ โดยไม่ต้องแก้กฎหมาย ถ้าไม่เช่นนั้นจะเป็นข้อจำกัดของสถาบันการเงินที่จะปล่อยเงินกู้ให้กับลูกหนี้หรือผู้ประกอบการ เพราะติดเงื่อนไขของธนาคารแห่งประเทศไทย และเชื่อว่า รัฐบาลจะสนับสนุน ซึ่งทางหอการค้าไทย เตรียมที่จะหารือร่วมกับนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน ซึ่งมีแนวทางที่สอดคล้องกัน ซึ่งไม่ได้หมายความว่าผู้ประกอบการรายใหญ่จะเข้าไปค้ำประกันเงินกู้ เพราะตอนนี้เชื่อว่า ธนาคารพาณิชย์เองมีความเข้มแข็งพอ ที่จะพิจารณาปล่อยเงินกู้เอง

นายสนั่น ยังสนับสนุนให้นำเงิน พรก.กู้เงิน 5แสนล้านบาทออกมาใช้ โดยทางหอการค้าไทย ได้เสนอให้ใช้งบดังกล่าวแบ่งออกเป็นสองช่วง คือ ขณะนี้ภายใน 120 วัน ที่จะเปิดประเทศจะต้องอัดเงินเยียวเข้าไปอย่างเต็มที่ และเตรียมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเสริม เพื่อเข้ามาต่อยอดหลังจากเปิดประเทศ 120 วันและผู้ประกอบการต่างๆแข็งแรงขึ้นก็จะได้รับโอกาสนี้


ส่วนมาตรการคนละครึ่งที่ทางหอการค้าไทยเสนอให้รัฐบาลเพิ่มวงเงิน จาก 3,000 บาท เป็น 6,000 บาท นั้น นายสนั่น กล่าวว่าต้องรอดู เพราะขณะนี้โครงการ ยิ่งใช้ยิ่งได้ ดูเหมือนจะเกิดความยุ่งยาก ดังนั้นจึงให้ลองใช้ไปก่อน แต่ส่วนตัวเห็นว่า โครงการช้อปดีมีคืน เป็นโครงการที่สะดวก และดีกว่า จึงต้องค่อยๆ พิจารณาดูกันไปอีกที

ด้านนายแสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย กล่าวว่า ได้เสนอมาตรการเพื่อบรรเทาผลกระทบให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการพักต้นพักดอก เรื่องแนวทางตั้งกองทุนพยุงกิจการที่เข้าไม่ถึงสถาบันการเงินของภาครัฐและพาณิชย์ กองทุนฟื้นNPL

โดยทางสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทยได้เสนอปรับ 4 เรื่อง 1.การใช้นิยามของเอสเอ็มอี ขอให้ใช้นิยามตามสสว. เพื่อเป็นมาตรฐานในการหารือกับธนาคารต่างๆ รวมถึงการสื่อสารกับผู้ประกอบ ภาครัฐจะได้ไปในทิศทางเดียวกัน 2.อยากให้แบ่งวงเงิน 2.5 หมื่นล้านบาท ว่า จะช่วยผู้ประกอบในแต่ละระดับวงเงินเท่าไหร่ ทั้งผู้ประกอบการรายใหญ่ รายเล็กและรายย่อย จะได้มีความชัดเจนในการใช้วงเงิน
3.การตั้งเป้าจำนวนผู้ประกอบการที่จะเข้าถึงในแต่ละวงเงิน ซึ่งปัจจุบันมีผู้ประกอบการที่เข้าไม่ถึงแหล่งทุนเป็นจำนวนสูงมาก เพื่อให้แต่ละธนาคารได้มีเป้าหมายในการไปปล่อยสินเชื่อในแต่ละวงเงินมีอยู่เท่าไหร่ 4.ทางสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทยอยากให้ผู้ประกอบการที่อยู่ในภงด.50 ที่เป็นนิติบุคคล และผู้ประกอบการตามภงด.90 ที่เป็นบุคคลธรรมดา ซึ่งอยากให้มีการช่วยเหลือซอฟต์โลนให้กับผู้ประกอบเหล่านี้เป็นลำดับแรกๆ

สำหรับมาตรการ พักต้นพักดอก อยากให้เข้ามาช่วยผู้ประกอบการที่ไม่สามารถเข้าถึงซอฟต์โลนได้ อย่างน้อยผู้ประกอบการเหล่านี้ไม่ได้ไปก่อหนี้ใหม่ แต่หนี้สินเดิมควรได้รับการดูแลพักต้นพักดอก โดยไม่คิดดอกเบี้ย เป็นเวลาอย่างน้อย 6-12 เดือน เพื่อทำให้ผู้ประกอบการมีเวลาฟื้นตัว

ทั้งนี้ สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย พร้อมให้การสนับสนุนรัฐบาลในการผลักดันให้สามารถเปิดประเทศภายใน 120 วัน

นอกจากนี้ นายแสงชัย กล่าวว่า ทางกระทรวงแรงงานอยู่ระหว่างการพิจารณาปรับแก้กฏระเบียบกองทุนประกันสังคม 3 หมื่นล้านบาท ให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและผู้ประกอบที่อยู่ในระบบ สามารถเข้าถึงกองทุนนี้ได้ในการช่วยเสริมสภาพคล่องและรักษาการจ้างงาน

ขณะที่นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรี รับข้อเสนอแนะของทั้ง 3 สถาบัน โดยไม่ได้ปรับแก้อะไร โดยเรื่องหลักที่หารือเรื่องสภาพคล่องทางธุรกิจ หรือ Cash Flow การแก้ปัญหาหนี้ NPL ของผู้ประกอบการเอสเอ็มอี โดยขอให้ปรับหลักเกณฑ์หนี้ NPL ด้วยการขอให้ธนาคารลดการจัดการความเสี่ยง หรือ การบริหารความเสี่ยง (Risk Management )ลงมาได้หรือไม่ ถ้ายังใช้กลไกเดิมก็ไม่สามารถช่วยเหลือผู้ประกอบการกู้เงินได้ ดังนั้นทางธนาคารต้องรับไปพิจารณา เนื่องจากสถานการณ์อยู่ในช่วงไม่ปกติ

ส่วนจะดำเนินการได้เร็วหรือไม่ ขึ้นอยู่กับธนาคารโดยเฉพาะธนาคารของรัฐ น่าจะดำเนินการได้ดีที่สุด และส่วนตัวเชื่อว่า กรอบ 120 วันที่เปิดประเทศ จะต้องรีบเข้ามาช่วยผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ซึ่งเมื่อเปิดประเทศจะทำให้มีสภาพคล่องมากขึ้น

ทั้งนี้การหารือเป็นไปในทิศทางที่ดี ซึ่งการประชุมวันนี้เป็นการหารือชุดเล็กเพื่อรับข้อเสนอโดยตรง แต่ยังไม่ได้กำหนดไทม์ไลน์ ดังนั้นจึงต้องมีการติดตามในลำดับต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ระทึก! สารแอมโมเนียจากโรงน้ำแข็งรั่ว บาดเจ็บนับร้อย

ระทึกกลางดึก สารแอมโมเนียรั่วในโรงน้ำแข็ง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ชาวบ้านสูดดม ได้รับผลกระทบกว่า 100 คน ต้องกระจายส่งตาม รพ. ต่างๆ

จับแล้ว! ชายอินเดียฆ่าปาดคอหญิงวัย 51 ปี

เกิดเหตุฆ่าปาดคอหญิงอายุ 51 ปี ในโรงแรมท้องที่ สน.ตลาดพลู ผู้ต้องสงสัยเป็นชายชาวอินเดียที่อยู่ด้วยกันในโรงแรม กว่า 1 สัปดาห์ ก่อนหายตัวไปหลังเกิดเหตุ ล่าสุดตามจับได้แล้ว สารภาพอ้างแค้นผู้ตายไม่คืนเงิน

วัยรุ่นเชียงใหม่ ตะลุมบอนงานไม้ค้ำ จ.เชียงใหม่

กลุ่มวัยรุ่นตะลุมบอนชกต่อยกันในงานแห่ไม้ค้ำโพธิ์ จ.เชียงใหม่ ขณะที่ผู้จัดงานติดป้ายเตือนทะเลาะวิวาทในงาน จับได้ปรับ 75,000 มอบให้คนถ่ายคลิป 5,000

ล่า “จัก เขาบายศรี” ถ้าต่อสู้อาจจำเป็นต้องวิสามัญ

ตำรวจปิดล้อมตรวจค้นหลายจุดทั่วเมืองชลบุรี ล่าตัว “จัก เขาบายศรี” มือกราดยิงวันไหล ย่านบ่อนไก่ จนมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต หากเจอตัวแล้วยิงต่อสู้ อาจจำเป็นต้องวิสามัญ วอนญาติรีบประสานพามามอบตัว

ข่าวแนะนำ

ทั่วไทยอากาศร้อนถึงร้อนจัด สูงสุด 41 องศาฯ

กรมอุตุฯ รายงานทั่วไทยอากาศร้อนถึงร้อนจัด สูงสุด 41 องศาฯ มีฝนฟ้าคะนอง กับมีลมกระโชกแรงบางพื้นที่ ภาคใต้ตอนล่างมีฝนเพิ่มขึ้น และตกหนักบางแห่ง

ศาลสั่งจำคุกลูกชาย รมช.เมาแล้วขับ 2 เดือน ปรับ 4 พันบาท

ศาลสั่งจำคุก 2 เดือน ปรับ 4,000 บาท ลูกชายรัฐมนตรีช่วย เมาขับฝ่าด่านตรวจ โทษจำคุกให้รอลงอาญา 2 ปี พร้อมพักใบอนุญาตขับขี่ 6 เดือน

ติดตามโครงการทางแยกต่างระดับ แยกท่าเรือ จ.ภูเก็ต

จ.ภูเก็ต 19 เม.ย.-นายกฯ ติดตามโครงการทางแยกต่างระดับ แยกท่าเรือ จ.ภูเก็ต พร้อมสำรวจการจราจร วงเวียนอนุสาวรีย์ท้าวเทพกระษัตรีและท้าวศรีสุนทร