ประธานหอการค้าไทย หนุนนายกฯ 120 วันเปิดประเทศ

ทำเนียบ 23 มิ.ย.-ประธานหอการค้าไทย หนุนนโยบาย นายกฯ 120 วันเปิดประเทศ ชี้กินบุญเก่าเอาไม่อยู่ ต้องดึงเงินต่างประเทศมาฟื้นเศรษฐกิจ ลั่นอย่ากลัวโควิด-19 ขอทุกฝ่ายต้องช่วยควบคุมการระบาด ลำพังนายกฯ คนเดียวไม่ไหว แนะแบงค์ชาติ-คลัง ปลดล็อกลูกหนี้เข้าถึงแหล่งเงินกู้

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย เปิดเผยภายหลังร่วมประชุม กับพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เพื่อหารือนโยบายช่วยเหลือเอสเอ็มอีกับภาคเอกชน ว่า สภาหอการค้าสนับสนุนการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรี ที่จะเปิดประเทศ 120 วัน ซึ่งจะสามารถช่วยสร้างความมั่นใจให้กับคนต่างชาติ ว่าประเทศไทยมีความพร้อมแล้ว และมีความจำเป็นต้องนำเงินจากต่างประเทศเข้ามาในเมืองไทย เพราะขณะนี้เหมือนกับเรายังกินบุญเก่า โดยนำเงินของตนเองมาเยียวยา หามาตรการมากระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศเท่านั้น ซึ่งยังไม่เพียงพอ หากยังไม่มีธุรกิจใหม่ เมื่ออัดฉีดเงินเข้าไปยัง ผู้ประกอบการ หรือ เอสเอ็มอี ก็ยังต้องพึ่งเงินสนับสนุน เยียวยาจากรัฐบาลเพียงอย่างเดียว ซึ่งยังไม่พอ สิ่งเหล่านี้จึงเป็นเรื่องสำคัญ


สำหรับเรื่องการท่องเที่ยวจำเป็นจะต้องเปิด เพื่อให้ชาวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยว และทำให้นักธุรกิจต่างชาติสามารถเดินทางมาในไทยได้ อีกทั้งยังเป็นฤดูกาลที่จะต้องสั่งสินค้า ลูกค้าจากประเทศต่างๆจะสามารถเดินทางเข้ามาไทย และจะทำให้คนไทยสามารถเดินทางไปต่างประเทศ เพื่อหาออเดอร์จากต่างประเทศได้

นายสนั่น กล่าวว่าในช่วง 120 วันนี้ ต้องรู้ว่าต้องทำสิ่งไหนบ้าง เช่น นายกรัฐมนตรีจะต้องหาวัคซีนมาให้เพียงพอในการบริการฉีดประชาชนคนไทยให้ถึง 50 ล้านคน ซึ่งตนเองคิดว่า ตรงนี้จะทำให้สบายใจได้ ขณะเดียวกันทางด้านสาธารณสุข บุคลากรทางการแพทย์ จะต้องหามาตรการป้องกันไม่ให้โรคระบาดเกิดมายิ่งขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ กทม. คน กทม.ต้องช่วยกัน ป้องกันไม่ให้โรคโควิดขยายวง ซึ่งเรื่องนี้จะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของนายกฯคนเดียวไม่ได้ ทุกคนต้องทำงานแบบบูรณาการ ขณะเดียวกัน ตนเองและหอการค้าไทยก็ได้พูดคุยกับหอการค้าทุกจังหวัด ว่า จะต้องมีการเตรียมความพร้อม ทั้งโรงแรมและร้านอาหารต่างๆ ต้องปรับปรุงแซ่อมแซม เตรียมพนักงานให้เพียงพอ อีกทางหนึ่งหอการค้าจะเป็นตัวกลางเจรจากับสถาบันการเงิน หรือธนาคารต่างๆ ในการพิจารณาปล่อยกู้ให้ผู้ประกอบการ ที่อยู่ในภาวะลำบาก ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจของไทยฟื้นกลับมาได้


ส่วนกรณีที่แพทย์เสนอให้ล็อคดาวน์ประเทศเพราะสถานการณ์แพร่ระบาดยังหนักนั้น นายสนั่น กล่าวว่า ตรงนี้ต้องตั้งคำถามตัวเองก่อนว่าทำไมต้องเปิดประเทศ เพราะเชื้อโควิดยังอยู่กับเราต่อไป ฉะนั้นก็จะต้องปรับตัวอย่างไรเพื่อให้เปิดประเทศได้ หากกลัวอย่างเดียว แต่ประเทศอื่นเปิดประเทศไปแล้ว จะทำให้ไทยเสียโอกาส ประเทศใดที่มีวัคซีนเข้าถึงประชาชนได้ เศรษฐกิจประเทศนั้นจะกลับมาอย่างรวดเร็ว ประชาชนจะมีความปลอดภัย และการที่คนต่างประเทศจะเดินทางมาประเทศไทย ก็มีมาตรการควบคุมอยู่แล้ว เช่นเดียวกับประชาชนคนไทยก็ต้องมีความปลอดภัยด้วย

ขณะที่สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย อยากให้รัฐบาลช่วยแก้ปัญหาเอ็นพีแอล นายสนั่น กล่าวว่า หอการค้าไทยเสนอให้รัฐบาลพิจารณาหนี้เอ็นพีแอล และ เครดิตยูโร โดยการผ่อนกฎเกณฑ์ ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย และกระทรวงการคลังสามารถที่จะหารือกันได้ โดยไม่ต้องแก้กฎหมาย ถ้าไม่เช่นนั้นจะเป็นข้อจำกัดของสถาบันการเงินที่จะปล่อยเงินกู้ให้กับลูกหนี้หรือผู้ประกอบการ เพราะติดเงื่อนไขของธนาคารแห่งประเทศไทย และเชื่อว่า รัฐบาลจะสนับสนุน ซึ่งทางหอการค้าไทย เตรียมที่จะหารือร่วมกับนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน ซึ่งมีแนวทางที่สอดคล้องกัน ซึ่งไม่ได้หมายความว่าผู้ประกอบการรายใหญ่จะเข้าไปค้ำประกันเงินกู้ เพราะตอนนี้เชื่อว่า ธนาคารพาณิชย์เองมีความเข้มแข็งพอ ที่จะพิจารณาปล่อยเงินกู้เอง

นายสนั่น ยังสนับสนุนให้นำเงิน พรก.กู้เงิน 5แสนล้านบาทออกมาใช้ โดยทางหอการค้าไทย ได้เสนอให้ใช้งบดังกล่าวแบ่งออกเป็นสองช่วง คือ ขณะนี้ภายใน 120 วัน ที่จะเปิดประเทศจะต้องอัดเงินเยียวเข้าไปอย่างเต็มที่ และเตรียมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเสริม เพื่อเข้ามาต่อยอดหลังจากเปิดประเทศ 120 วันและผู้ประกอบการต่างๆแข็งแรงขึ้นก็จะได้รับโอกาสนี้


ส่วนมาตรการคนละครึ่งที่ทางหอการค้าไทยเสนอให้รัฐบาลเพิ่มวงเงิน จาก 3,000 บาท เป็น 6,000 บาท นั้น นายสนั่น กล่าวว่าต้องรอดู เพราะขณะนี้โครงการ ยิ่งใช้ยิ่งได้ ดูเหมือนจะเกิดความยุ่งยาก ดังนั้นจึงให้ลองใช้ไปก่อน แต่ส่วนตัวเห็นว่า โครงการช้อปดีมีคืน เป็นโครงการที่สะดวก และดีกว่า จึงต้องค่อยๆ พิจารณาดูกันไปอีกที

ด้านนายแสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย กล่าวว่า ได้เสนอมาตรการเพื่อบรรเทาผลกระทบให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการพักต้นพักดอก เรื่องแนวทางตั้งกองทุนพยุงกิจการที่เข้าไม่ถึงสถาบันการเงินของภาครัฐและพาณิชย์ กองทุนฟื้นNPL

โดยทางสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทยได้เสนอปรับ 4 เรื่อง 1.การใช้นิยามของเอสเอ็มอี ขอให้ใช้นิยามตามสสว. เพื่อเป็นมาตรฐานในการหารือกับธนาคารต่างๆ รวมถึงการสื่อสารกับผู้ประกอบ ภาครัฐจะได้ไปในทิศทางเดียวกัน 2.อยากให้แบ่งวงเงิน 2.5 หมื่นล้านบาท ว่า จะช่วยผู้ประกอบในแต่ละระดับวงเงินเท่าไหร่ ทั้งผู้ประกอบการรายใหญ่ รายเล็กและรายย่อย จะได้มีความชัดเจนในการใช้วงเงิน
3.การตั้งเป้าจำนวนผู้ประกอบการที่จะเข้าถึงในแต่ละวงเงิน ซึ่งปัจจุบันมีผู้ประกอบการที่เข้าไม่ถึงแหล่งทุนเป็นจำนวนสูงมาก เพื่อให้แต่ละธนาคารได้มีเป้าหมายในการไปปล่อยสินเชื่อในแต่ละวงเงินมีอยู่เท่าไหร่ 4.ทางสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทยอยากให้ผู้ประกอบการที่อยู่ในภงด.50 ที่เป็นนิติบุคคล และผู้ประกอบการตามภงด.90 ที่เป็นบุคคลธรรมดา ซึ่งอยากให้มีการช่วยเหลือซอฟต์โลนให้กับผู้ประกอบเหล่านี้เป็นลำดับแรกๆ

สำหรับมาตรการ พักต้นพักดอก อยากให้เข้ามาช่วยผู้ประกอบการที่ไม่สามารถเข้าถึงซอฟต์โลนได้ อย่างน้อยผู้ประกอบการเหล่านี้ไม่ได้ไปก่อหนี้ใหม่ แต่หนี้สินเดิมควรได้รับการดูแลพักต้นพักดอก โดยไม่คิดดอกเบี้ย เป็นเวลาอย่างน้อย 6-12 เดือน เพื่อทำให้ผู้ประกอบการมีเวลาฟื้นตัว

ทั้งนี้ สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย พร้อมให้การสนับสนุนรัฐบาลในการผลักดันให้สามารถเปิดประเทศภายใน 120 วัน

นอกจากนี้ นายแสงชัย กล่าวว่า ทางกระทรวงแรงงานอยู่ระหว่างการพิจารณาปรับแก้กฏระเบียบกองทุนประกันสังคม 3 หมื่นล้านบาท ให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและผู้ประกอบที่อยู่ในระบบ สามารถเข้าถึงกองทุนนี้ได้ในการช่วยเสริมสภาพคล่องและรักษาการจ้างงาน

ขณะที่นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรี รับข้อเสนอแนะของทั้ง 3 สถาบัน โดยไม่ได้ปรับแก้อะไร โดยเรื่องหลักที่หารือเรื่องสภาพคล่องทางธุรกิจ หรือ Cash Flow การแก้ปัญหาหนี้ NPL ของผู้ประกอบการเอสเอ็มอี โดยขอให้ปรับหลักเกณฑ์หนี้ NPL ด้วยการขอให้ธนาคารลดการจัดการความเสี่ยง หรือ การบริหารความเสี่ยง (Risk Management )ลงมาได้หรือไม่ ถ้ายังใช้กลไกเดิมก็ไม่สามารถช่วยเหลือผู้ประกอบการกู้เงินได้ ดังนั้นทางธนาคารต้องรับไปพิจารณา เนื่องจากสถานการณ์อยู่ในช่วงไม่ปกติ

ส่วนจะดำเนินการได้เร็วหรือไม่ ขึ้นอยู่กับธนาคารโดยเฉพาะธนาคารของรัฐ น่าจะดำเนินการได้ดีที่สุด และส่วนตัวเชื่อว่า กรอบ 120 วันที่เปิดประเทศ จะต้องรีบเข้ามาช่วยผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ซึ่งเมื่อเปิดประเทศจะทำให้มีสภาพคล่องมากขึ้น

ทั้งนี้การหารือเป็นไปในทิศทางที่ดี ซึ่งการประชุมวันนี้เป็นการหารือชุดเล็กเพื่อรับข้อเสนอโดยตรง แต่ยังไม่ได้กำหนดไทม์ไลน์ ดังนั้นจึงต้องมีการติดตามในลำดับต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดชื่อ “73 อรหันต์” ถกร่าง พ.ร.บ.งบฯ 69 ประชุมนัดแรก 9 มิ.ย.

รัฐสภา 31 พ.ค. – เปิดชื่อ “73 อรหันต์” ถกร่าง พ.ร.บ.งบฯ ปี 69 ประชุมนัดแรก 9 มิ.ย.นี้ เคาะประธาน-รองประธาน วางกรอบการทำงาน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับรายชื่อคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 จำนวน 73 คน ประกอบด้วย สัดส่วนคณะรัฐมนตรี (ครม.) จำนวน 18 คน คือ 1. นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง 2. นายจักรพงษ์ แสงมณี 3. นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง 4. นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม 5. นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ 6. นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ […]

สภาวุ่น! งูเห่าไทยสร้างไทย เสนอชื่อ กมธ.งบฯ แข่ง

รัฐสภา 31 พ.ค.- สภาวุ่น! งูเห่าไทยสร้างไทย เสนอชื่อ กมธ.งบฯ แข่ง ประธานสั่งพักประชุม 5 นาที สุดท้ายงูเห่ายอมถอย ไปอยู่สัดส่วน ครม.แทน การประชุมสภาผู้แทนราษฎรหลังที่ประชุมมีมติรับหลักการร่างพระราชบัญญัติพิจารณางบประมาณรายจ่ายงบประมาณ 2569 ในขั้นตอนการเสนอชื่อกรรมาธิการวิสามัญฯ จำนวน 73 คน ในสัดส่วนของพรรคไทยสร้างไทย จำนวน 1 คน โดยนายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ประธานวิปฝ่ายค้าน และ สส.พรรคประชาชน ได้เสนอชื่อ นายชัชวาล แพทยาไทย ขณะที่นางสุภาพร สลับศรี สส.พรรคไทยสร้างไทย นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ ทำให้เกิดการประท้วงกันเนื่องจากมีการเสนอชื่อ 2 คน แต่ปกรณ์วุฒิ ยืนยันว่าพรรคไทยสร้างไทยมีหนังจากกรรมการบริหารพรรคว่าจะเสนอชื่อนายชัชวาล เป็นตัวแทนของพรรคทำให้นายฐากูร ยืนยันว่าที่ผ่านมาการเสนอชื่อบุคคลเป็นกรรมาธิการวิสามัญจะต้องถูกเสนอโดยคนของพรรคตัวเอง ไม่ใช่พรรคอื่น ซึ่งวันนี้พรรคไทยสร้างไทยเสนอชื่อตน แต่พรรคการเมืองอื่นเป็นเสนอชื่ออีกคน ทำให้นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ประธานในที่ประชุม วินิจฉัยว่า ใครจะเป็นผู้เสนอชื่อก็ได้ขอแค่มีผู้รับรอง ก่อนจะให้เวลาทั้ง 2 ฝ่ายหารือกัน […]

“ชาดา” ปลุกรัฐบาล ถ้าไม่แจกเงินหมื่น “นายกฯ เท้ง” มาแน่

รัฐสภา 31 พ.ค.-“ชาดา” ปลุกรัฐบาล ถ้าไม่แจกเงินหมื่น “นายกฯ เท้ง” มาแน่ ลั่นถ้าทำให้นายกฯ ไม่ได้ ก็เปลี่ยนตัว เอาคนอื่นไปนั่งแทน นายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย อภิปรายในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 1 (สมัยวิสามัญ) เป็นพิเศษ วาระร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 นายชาดา กล่าวว่าในฐานะที่อยู่ในสภาฯ มาพอสมควร ขอชื่นชมฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลมีการพัฒนาในการอภิปรายอย่างมาก ปี 69 มีงบประมาณลงทุน 7 แสนล้านบาท คนพูดกันตลอดเวลาว่าทำไมช่องว่างระหว่างคนจนกับคนรวยในประเทศนี้จึงห่างขึ้นทุกวัน ยกตัวอย่าง ในงบลงทุนเป็นงบก่อสร้าง 4.75 แสนล้านบาท ซึ่งงบก่อสร้างไม่เหมือนในอดีตเพราะต้องถูกตัดไปให้ธนาคาร 5% จึงอยากให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเข้ามาดูเพราะเป็นการเอาเปรียบประชาชน ในจำนวนนี้มีค่าธรรมเนียม 2.5% ต่อปี นอกจากนี้ยังมีเรื่องเร่งรัดการเบิกจ่ายอีก 15% ซึ่งธนาคารตัดไป 3% และคิดค่าธรรมเนียมอีกต่างหาก นายชาดา กล่าวว่างบก่อสร้าง มีเครื่องจักรเหล็กหินวัสดุที่เป็นปูน หากเป็นงานถนนมีแรงงานเพียง 15% เงินส่วนนี้ไม่ได้ไปสู่ระบบข้างล่าง […]

ฝากขังพระเอกลิเกฆ่าลูกเลี้ยงป่วยออทิสติก

นครราชสีมา 30 พ.ค. – ตำรวจคุมตัวพระเอกลิเกฆ่าลูกเลี้ยงป่วยออทิสติก และขืนใจลูกวัย 11 ขวบ ฝากขังศาลจังหวัดนครราชสีมา อ้างวันเกิดเหตุถูกผู้ตายด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคาย ด้วยความโมโหและมึนเมาสุรา จึงก่อเหตุ ความคืบหน้ากรณีพ่อเลี้ยงพระเอกลิเกสุดโหดใช้ค้อนสำหรับทุบหมู ทำร้ายลูกเลี้ยงนางเอกลิเกที่ป่วยเป็นโรคออทิสติก จนบาดเจ็บเลือดคั่งในสมอง ก่อนที่จะเสียชีวิตในเวลาต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.นครราชสีมาบุกรวบตัวผู้ต้องหาคือ นายกิติทัช อายุ 48 ปี พระเอกลิเกชื่อ “รักยิ้ม ทับทิมสยาม” พ่อเลี้ยง ได้ที่บ้านพักแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ เมื่อคืนที่ผ่านมา (29 พ.ค.) ขณะผู้ต้องหากำลังเตรียมหลบหนีไปประเทศกัมพูชา ก่อนจะควบคุมตัวมายังสถานีตำรวจภูธรเมืองนครราชสีมา เพื่อสอบปากคำ เช้าวันนี้ (30 พ.ค.) พนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครราชสีมา คุมตัวผู้ต้องหามาสอบสวนขยายผล จนผู้ต้องหา ยอมให้การรับสารภาพว่าเป็นคนก่อเหตุจริง อ้างว่าในวันเกิดเหตุถูกผู้ตายด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคาย ด้วยความโมโห พร้อมกับมีอาการมึนเมาจากการดื่มสุรา จึงลงมือก่อเหตุดังกล่าว เบื้องต้นพนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหา “ทำร้ายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย” ส่วนข้อหากระทำอนาจารต่อลูกสาววัย 11 ขวบ ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่พบหลักฐาน หากตรวจพบหลักฐานที่ชัดเจนจะแจ้งข้อหาเพิ่มเติม ก่อนจะนำตัวผู้ต้องหาไปฝากขังศาลจังหวัดนครราชสีมา […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ กัมพูชา สั่งระดมทหารประชิดชายแดนไทย

1 มิ.ย. – ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา สั่งระดมกำลังทหารประชิดชายแเดนไทย ขณะเดินทางเยือนญี่ปุ่น พร้อมติดตามสถานการณ์บริเวณชายแดนติดกับไทยอย่างใกล้ชิด หนังสือพิมพ์ขะแมร์ ไทมส์ รายงานว่า ฌอง-ฟรองซัว ตัน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ให้สัมภาษณ์สื่อในประเทศ ระบุว่านับตั้งแต่เกิดเหตุความขัดแย้งตามมแนวชายแดนระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ของกัมพูชา ซึ่งอยู่ระหว่างปฏิบัติภารกิจเยือนญี่ปุ่น ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด จนกระทั่งเดินทางกลับมายังกัมพูชา เมื่อคืนที่ผ่านมา และได้สั่งการด้วยตัวเองให้ระดมกำลังทหารเพิ่มเติมเข้าประชิดชายแดนด้านที่ติดกับไทย เพื่อปกป้องอธิปไตยและพรมแดนกัมพูชา พร้อมกับยืนยันว่าสถานการณ์บริเวณชายแดนด้านที่ติดกับไทย กลับมาสงบเรียบร้อยตามปกติแล้ว นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ยังได้ติดต่อและสั่งการตามสายงานลงไปยังรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกลาโหม ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และเสนาธิการกองทัพบก ให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และแจ้งความคืบหน้าให้ทราบอย่างต่อเนื่อง หลังเกิดการปะทะกันครั้งล่าสุดระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย พร้อมกับเรียกร้องประชาชนชาวกัมพูชาเชื่อมั่นการปฏิบัติหน้าที่ของกองทัพและรัฐบาลกัมพูชา ในการปกป้องดินแดน และหาหนทางแก้ไขความขัดแย้งบริเวณชายแดนติดกับไทย โดยยึดผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ และหลังจากนี้ คณะกรรมการพรมแดนของกัมพูชา มีกำหนดพบหารือในช่วงปลายเดือนมิถุนายนนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับรายละเอียดข้อขัดแย้ง และนำเสนอเพื่อเข้าสู่การเจรจาต่อไป.-สำนักข่าวไทย

วิวคว้าแชมป์

“วิว-บาส-เฟม” คว้าแชมป์แบดฯ สิงคโปร์ โอเพ่น

1 มิ.ย. – “วิว กุลวุฒิ” ตบชนะ ลู กวาง ซู จากจีน 2 เกมรวด คว้าแชมป์ชายเดี่ยวแบดมินตันสิงคโปร์ โอเพ่น ส่วน “บาส-เฟม” คว้าแชมป์คู่ผสมมาครองได้สำเร็จ แบดมินตัน ระดับเวิลด์ทัวร์ ซูเปอร์ 750 รายการ สิงคโปร์ โอเพ่น ที่ประเทศสิงคโปร์ ประเภทชายเดี่ยว รอบชิงชนะเลิศ “วิว” กุลวุฒิ วิทิตศานต์ นักตบลูกขนไก่ชาวไทย ที่เพิ่งสร้างประวัติศาสตร์ เป็นนักของไทยคนแรกที่ขึ้นมือ 1 ของโลก ตบเอาชนะ ลู กวาง ซู จากจีน 2 เกมรวด 21-6 , 21-10 คว้าแชมป์ไปครอง พร้อมฉลองแชมป์ ก่อนขึ้นมือ 1 ของโลกอย่างทางการในสัปดาห์ในการประกาศจากสหพันธ์แบดมินตันโลก (BWF) และยังเป็นแชมป์ที่ 4 ในปีนี้ของ “วิว” […]

“มาริษ” แถลงสถานการณ์ “ไทย-กัมพูชา” คาด 1-2 สัปดาห์ได้ประชุม “JBC”

.ต่างประเทศ 1 มิ.ย.-“มาริษ” นำแถลงสถานการณ์ “ไทย-กัมพูชา” ยันทำทุกทางไม่ให้บานปลาย ย้ำ กต.ไม่สบายใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เผยยกหูหา “รองนายกฯ กัมพูชา” แล้ว เห็นพ้องตรงกัน เกิดความสงบความเรียบร้อยตามแนวชายแดน ด้าน “โฆษก กต.” ยันโพสต์ “ฮุนเซน” ไม่มีผล คาด 1-2 สัปดาห์ได้ประชุม “JBC” แน่ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นำแถลงข่าวเกี่ยวกับพัฒนาการสถานการณ์ไทย-กัมพูชา พร้อมด้วย พลเอก มนัส จันดี เสนาธิการทหาร , นางเอกสิริ ปิณฑะรุจิ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ภายหลังการประชุมกว่า 2 ชั่วโมง ว่า ตนได้มอบหมายให้ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ จัดประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา หรือเจบีซี เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามแนวชายแดนระหว่างไทยและกัมพูชา โดยไทยและกัมพูชา เป็นประเทศที่มีความใกล้ชิดกัน ทั้งในระดับรัฐบาลและประชาชน จึงจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องดำเนินการทุกวิถีทางที่จะไม่ให้สถานการณ์บานปลายถึงขั้นกระทบกระเทือนถึงความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ ซึ่งถ้ากระทบมากไปจะไม่เป็นผลดี อย่างไรก็ตาม ได้มีเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ช่องบก […]

“วิว กุลวุฒิ” นักแบดชายเดี่ยวไทยคนแรก ขึ้นเป็นมือ 1 โลก

สิงคโปร์ 1 มิ.ย.-“วิว” กุลวุฒิ วิทิตศานต์ นักตบลูกขนไก่ มือ 2 ของโลก ผ่านเข้าชิงชนะเลิศ แบดมินตัน สิงคโปร์ โอเพ่น 2025 พร้อมจะขยับขึ้นเป็นมือ 1 โลกชายเดี่ยว เป็นคนแรกของไทย ผลการแข่งขัน แบดมินตัน สิงคโปร์ โอเพ่น 2025 รายการระดับ เวิลด์ทัวร์ ซูเปอร์ 750 ชิงเงินรางวัลรวม 1,000,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 33 ล้านบาท ที่สิงคโปร์ ประเภทชายเดี่ยว รอบรองชนะเลิศ “วิว” กุลวุฒิ วิทิตศานต์ มือ 2 ของโลก และเจ้าของเหรียญเงินโอลิมปิก “ปารีสเกมส์ 2024” ตบเอาชนะ หลิน ชุนยี่ มือ 19 ของโลก จากไต้หวัน 2-0 เกม 21-11 […]