กรุงเทพฯ 22 มิ.ย.- ปตท.ตอบโจทย์ลูกค้าพร้อมบริการ ” Energy Solution Provider” ปตท.และพันธมิตร พร้อมตอบสนองความต้องการของลูกค้าด้านพลังงานทุกด้าน เช่น แนวทางการอนุรักษ์พลังงาน เพื่อสร้างขีดความสามารถการแข่งขัน การติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป เป็นต้น
นายวุฒิกร สติฐิต รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ หน่วยธุรกิจก๊าซธรรมชาติ บมจ.ปตท เผยว่าความต้องการก๊าซธรรมชาติของประเทศ ยังเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องจากที่โรงงานผลิตสินค้าส่งออกที่ยังขยายตัว ความต้องการก๊าซในขณะนี้กลับมาเท่ากับปี 62 ก่อนเกิดโควิด-19 ส่วนราคาก๊าซแอลเอ็นจี พบว่าราคาค่อนข้างสูงอยู่ที่ 11-12 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู ในขณะที่ราคาอ่าวไทยอยู่ที่ 6-6.5 เหรียญต่อล้านบีทียู ส่วนการนำเข้าก๊าซแอลเอ็นจีสำหรับตลาดเสรีคาดว่าอาจนำเข้าถึง 1 ล้านตันต่อปี แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับกระทรวงพลังงานจะกำหนดปริมาณที่ก่อให้เกิดปัญหาเทคออร์เพย์หรือไม่กระทบกับสัญญาก๊าซระยะยาวจนส่งผลกระทบต่อต้นทุนค่าไฟฟ้า
ส่วนกรณีที่ บอร์ด ปตท. อนุมัติให้บริษัท สยาม แมนเนจเม้นท์โฮลดิ้ง หรือ SMH บริษัทย่อยของ ปตท. ถือหุ้นร้อยละ 70 จัดตั้งบริษัท ปิ่นทอง เนเชอรัลก๊าซ รีเทลล์ ซึ่งเป็นการร่วมทุนกับบริษัทในกลุ่มของ บริษัท ปิ่นทอง อินดัสเตรียล ปาร์คที่ถือหุ้นร้อยละ 30 ด้วยทุนจดทะเบียนไม่เกิน 282 ล้านบาท นายวุฒิกร กล่าวว่า ก็เพื่อดำเนินธุรกิจค้าปลีกก๊าซธรรมชาติผ่านระบบท่อขนส่งและจำหน่ายก๊าซฯ รวมทั้งให้บริการ Energy Solution Provider ลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง 5 จังหวัดชลบุรี โดย ปตท.และพันธมิตร พร้อมตอบสนองความต้องการของลูกค้าด้านพลังงานทุกด้าน เช่น แนวทางการอนุรักษ์พลังงาน เพื่อสร้างขีดความสามารถการแข่งขัน การติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป เป็นต้น โดยขณะนี้ลูกค้าในนิคมปิ่นทอง 4-5 ราย ความต้องการก๊าซไม่เกิน 10 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน โครงการนี้เกิดขึ้นเพื่อสนับสนุนและรองรับการลงทุนของลูกค้าอุตสาหกรรม ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ให้มีการใช้พลังงานได้อย่างมั่นคงและมีเสถียรภาพ คาดว่าจะสามารถจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทแล้วเสร็จภายในไตรมาสที่ 3/2564 และดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ได้ภายในไตรมาสที่ 3/2566
ส่วนความร่วมมือบริษัท เอสซีจี เซรามิกส์ จำกัด (มหาชน) ก็เป็นเป็นศึกษาความเป็นไปได้ โครงการระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ สำหรับโรงงานอุตสาหกรรมและอาคารสำนักงาน เพื่อผลักดันและพัฒนาการใช้พลังงานหมุนเวียนที่มีศักยภาพสำหรับโรงงานอุตสาหกรรมและอาคารสำนักงานต่างๆ
โดยในปัจจุบัน ปตท. พร้อมแสวงหาพันธมิตรทางธุรกิจที่มีศักยภาพและประสบการณ์ เพื่อขยายธุรกิจด้านพลังงานสะอาดและนวัตกรรมด้านพลังงานอย่างต่อเนื่อง ด้วยเล็งเห็นว่าจะส่งผลดีต่อผู้ประกอบการและลูกค้าก๊าซธรรมชาติ เป็นการช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในระยะยาว รวมถึงส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อม ลดการผลิตก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ สอดรับกับนโยบายของประเทศที่ส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนมากขึ้น พร้อมขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้ดียิ่งขึ้นไป.-สำนักข่าวไทย