กรุงเทพฯ 13 มิ.ย. – สู้ต่อ! “ศักดิ์สยาม” จ่อฟ้องศาลปกครองขอรื้อฟื้นคดีโฮปเวลล์ใหม่ มั่นใจมีประเด็นการนับอายุคดีความสู้ได้ ช่วยรัฐไม่ต้องจ่ายค่าโง่โฮปเวลล์ 2.4 หมื่นล้านบาท เตรียมหารือข้อกฎหมายสู้คดีสัปดาห์หน้า
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า หลังจากที่กระทรวงคมนาคม ได้มีการพิจารณาคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญและศาลปกครองสูงสุด กรณีคดีโครงการถนนและทางรถไฟยกระดับในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล หรือโครงการโฮปเวลล์ โดยละเอียดแล้ว มีความเห็นว่า กระทรวงคมนาคม โดยการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จะเดินหน้าขอรื้อฟื้นคดีโฮปเวลล์ใหม่ และจะยื่นเรื่องต่อศาลปกครองกลาง ภายในเดือน มิ.ย.นี้ เนื่องจากกระทรวงคมนาคม เห็นว่า มีประเด็นเรื่องการนับอายุความฟ้องคดี ที่สามารถนำมาฟ้องร้องต่อสู้คดีได้ และเป็นไปตามเป้าหมายที่กระทรวงคมนาคมตั้งไว้ จะต่อสู้คดีจนถึงที่สุด เพื่อให้รัฐไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยให้กับบริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด มูลค่ากว่า 24,000 ล้านบาท
“กระทรวงคมนาคมจะเข้ายื่นคำร้องต่อศาลปกครองกลางให้ดำเนินการวินิจฉัยประเด็นนี้ใหม่ เพื่อให้คดีเกิดความชัดเจนยิ่งขึ้นว่า อายุความของคดีดังกล่าวควรเริ่มนับตั้งแต่เมื่อไร” นายศักดิ์สยาม กล่าว
นอกจากนี้ กระทรวงคมนาคม โดย รฟท. จะขอใช้สิทธิทางศาลชะลอการชดเชยความเสียหายจากการยุติโครงการฯ ตามที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งให้ รฟท. ชดเชยค่าเสียหายให้กับบริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ออกไปก่อน โดยภายในสัปดาห์นี้ คณะทำงานหาผู้กระทำผิดทางละเมิด ที่มีนายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นประธาน จะมีการประชุมเพื่อสรุปข้อเท็จจริงและรายละเอียดต่างๆ เพื่อเตรียมพร้อมการขอรื้อฟื้นคดีโฮปเวลล์ รวมทั้งกำหนดทิศทางก่อนมีการยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลางต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานก่อนหน้านี้ ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำพิพากษาชี้ว่า ศาลปกครองสูงสุดที่ได้กำหนดการนับอายุความฟ้องคดีปกครอง ตั้งแต่วันที่ศาลปกครองเปิดทำการ คือ วันที่ 9 มี.ค. 2544 มาใช้อ้างอิงในคดีสัญญาสัมปทานโครงการโฮปเวลล์ เข้าข่ายเป็นการขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ โดยศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมากวินิจฉัยว่า มติที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ครั้งที่ 18/2545 เมื่อวันพุธที่ 27 พ.ย. 2545 เรื่องปัญหาเกี่ยวกับระยะเวลาการฟ้องคดีปกครอง ที่กำหนดให้นับอายุความฟ้องคดีปกครอง ตั้งแต่วันที่ศาลปกครองเปิดทำการ คือ วันที่ 9 มี.ค. 2544 มาใช้อ้างอิงในคดีสัญญาสัมปทานโครงการโฮปเวลล์นั้น เข้าข่ายเป็นการขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 3 วรรคสอง และมาตรา 197 วรรคสี่ โดยให้เหตุผลว่า แม้เป็นการออกระเบียบตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 มาตรา 44 แต่มิได้ดำเนินการตามมาตรา 5 และมาตรา 6 วรรคหนึ่ง
นอกจากนั้น ก่อนหน้านี้ ผู้ตรวจการแผ่นดินได้ส่งคำร้องของกระทรวงคมนาคม และ รฟท. ขอให้วินิจฉัยว่า การที่ศาลปกครองสูงสุด นำมติที่ประชุมใหญ่ตุลาการศาลปกครองสูงสุดครั้งดังกล่าวที่ไม่ได้มีการดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย คือ ไม่ได้ส่งให้สภาผู้แทนราษฎรตรวจสอบ ไม่มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นมติที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น ไม่สามารถนำมาบังคับใช้ได้หรือไม่ รวมทั้งการกำหนดให้เริ่มนับอายุความคดีปกครองตั้งแต่วันที่ศาลปกครองเปิดทำการ คือ ตั้งแต่วันที่ 9 มี.ค. 2544 ซึ่งผิดไปจาก พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 มาตรา 51 ที่บัญญัติว่าให้เริ่มนับระยะเวลาอายุความคดีปกครองตั้งแต่วันที่รู้หรือควรรู้ถึงเหตุแห่งการฟ้องคดี ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ และขอให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งเพิกถอนมติหรือการกระทำดังกล่าว
ดังนั้น การที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติว่า มติที่ประชุมใหญ่ศาลปกครองสูงสุดดังกล่าวขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญ ย่อมมีผลต่อการที่กระทรวงคมนาคม และ รฟท. จะยื่นรื้อคดีใหม่ ทั้งประเด็นการพิจารณาคดีของศาลปกครองสูงสุดในช่วงที่ผ่านมา รวมทั้งการนับอายุความของคดีที่ถูกต้องว่าคดีดังกล่าวหมดอายุความไปก่อนหน้านั้นหรือไม่. – สำนักข่าวไทย