กรุงเทพฯ 10 มิ.ย. – ดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย พ.ค. ลดลงต่อเนื่องแตะระดับ 24.7 ภาคธุรกิจอยากเห็นการกระจายวัคซีน หยุดโควิดเร็ว เชื่อเศรษฐกิจไทยปีนี้ยังโตได้ร้อยละ 2
นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยถึงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย ประจำเดือนพฤษภาคม 2564 พบว่าดัชนีมีการปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 มาอยู่ที่ระดับ 24.7 เนื่องจากภาคธุรกิจยังคงมีความวิตกกังวลต่อการแพร่ระบาดของโควิด-19 รอบที่ 3 ส่งผลต่อการดำเนินชีวิตของประชาชน การทำธุรกิจและภาวะเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งในปัจจุบันและอนาคต หากสถานการณ์โควิด-19 ยังคงยืดเยื้อออกไป รวมถึงการที่ภาครัฐมีการออกมาตรการควบคุมการระบาดของโรคทำให้มีการจำกัดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ สั่งปิดกิจการหลายประเภท ธุรกิจเริ่มขาดสภาพคล่องและปิดกิจการ ส่งผลให้มีการปลดคนงานเพิ่มขึ้นหรือมีการลดเงินเดือน โดยมาตรการรัฐบาลไม่สามารถเข้าถึงผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบได้อย่างแท้จริง
อย่างไรก็ตาม โดยภาคธุรกิจอยากเห็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในเรื่องของการกระจายวัคซีนในทุกภาคส่วนอย่างทั่วถึงเพื่อให้มีเพียงพอกับจำนวนผู้ที่ลงทะเบียนไว้ ทำให้การดำเนินชีวิตของประชาชนกลับเข้าสู่ภาวะปกติหลังจากสถานการณ์โควิด-19คลี่คลายลง รวมถึงเร่งการหยุดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในคลัสเตอร์ต่างๆหลายพื้นที่ให้ได้โดยเร็ว และเร่งขับเคลื่อนการส่งออกของประเทศเพื่อเพิ่มระดับการใช้กำลังการผลิตในภาคอุตสาหกรรม ฟื้นฟูการท่องเที่ยวของไทยให้กลับมามีรายได้ทันทีเมื่อประชาชนได้รับวัคซีนและมีภูมิคุ้มกันหมู่ในประเทศแล้ว
นอกจากนี้ ทางศูนย์พยากรณ์ฯมองว่ามาตรการต่างๆ จะสามารถชดเชยผลกระทบที่เศรษฐกิจได้รับจากโควิด-19 ในระดับหนึ่งและเศรษฐกิจของประเทศในปีนี้จะยังสามารถขยายตัวได้ร้อยละ 2 มาจากผลมาตรการต่างๆที่ภาครัฐได้อัดเม็ดเงินกระตุ้นในโครงการต่างๆอย่างต่อเนื่อง
“หากการฉีดวัคซีนโควิดในประเทศทำได้มากขึ้นในเดือน มิ.ย., ก.ค.นี้ ประกอบกับรัฐบาลยังมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศออกมาอย่างต่อเนื่องในช่วงไตรมาส 3 นี้ ภายใต้ พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท รวมถึงการดำเนินการตามแผน Phuket Sandbox, และการส่งออกไทยฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยยังคาดว่าการส่งออกไทยในปีนี้จะเติบโตได้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 7 และหากสามารถรักษาระดับอัตราแลกเปลี่ยนไว้ที่ราว 31 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐได้ ก็จะเป็นประโยชน์ต่อการส่งออกที่จะเป็นตัวช่วยพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทยในปีนี้ได้ไวขึ้น เพราะมูลค่าการส่งออกที่เพิ่มขึ้นทุกร้อยละ 1 จะทำให้มีเม็ดเงินสะพัดเพิ่มขึ้น 6-8 แสนล้านบาท”นายธนวรรธน์กล่าว.-สำนักข่าวไทย