นนทบุรี 7 มิ.ย.-รัฐมนตรีพาณิชย์เป็นประธานจับคู่กู้เงินต่อสายป่านให้ร้านอาหารทั่วประเทศ “แมตช์ชิ่งเงินกู้” ระหว่างสถาบันการเงินกับร้านอาหาร เริ่มต้นแล้ว
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานในพิธีเปิดงานโครงการ“จับคู่กู้เงิน สถาบันการเงินกับร้านอาหารที่กระทรวงพาณิชย์ ระหว่างผู้บริหารสถาบันการเงิน ผู้ประกอบธุรกิจร้านอาหาร โดยโครงการนี้เกิดขึ้นเพื่อต่อลมหายใจให้กับร้านอาหารที่กำลังประสบปัญหาต่อการดำเนินธุรกิจหลังได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิดระลอกใหม่ โดยภาครัฐเข้ามาสนับสนุนช่วยเหลือเรื่องเงินทุนหรือผ่อนปรนภาระหนี้สินที่มีอยู่ รวมทั้งหาแหล่งเงินกู้
ทั้งนี้ โครงการ จับคู่กู้เงิน สถาบันการเงินกับร้านอาหาร โดยมีสถาบันการเงิน 5 แห่ง มาทำหน้าที่ปล่อยกู้โดยเฉพาะ พร้อมผ่อนปรนให้มากที่สุด ประกอบด้วย บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME D Bank) ธนาคารกรุงไทย ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และธนาคารออมสิน
ส่วนร้านอาหารประสานงานผ่าน 7 สมาคม 1.สมาคมร้านอาหารไทยและสตรีทฟู๊ด 2.สมาคมภัตตาคารไทย 3.สมาคมร้านอาหารและธุรกิจท่องเที่ยวรายย่อย 4.สมาคมผู้ประกอบการร้านอาหาร 5.สมาคมการค้าธุรกิจร้านอาหาร 6.สมาคมเชียงใหม่ภัตตาคารร้านอาหารและบันเทิง และ7.สมาคมร้านอาหารไทยจังหวัดกระบี่ รวมทั้งกลุ่มร้านอาหารอื่นๆทั่วทั้งประเทศโดยร้านอาหารทั่วทั้งประเทศที่อยู่ในระบบทะเบียน มีทั้งสิ้นประมาณ 120,000 รายโดยจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลประมาณ 16,000 ราย ที่เหลือจดทะเบียนทำธุรกิจในฐานะบุคคลธรรมดา โดย 120,000 รายจะสามารถเข้ามาร่วมโครงการเจรจากับสถาบันการเงินทั้ง 5 แห่งได้ทั้งในส่วนกลางส่วนภูมิภาค
อย่างไรก็ตาม โครงการนี้เพื่อต้องการช่วยให้ร้านอาหารสามารถเข้าถึงแหล่งเงินกู้ หรือเข้าถึงสถาบันการเงินโดยมีดอกเบี้ยราคาพิเศษและปลอดหลักทรัพย์ในบางกรณี และเงื่อนไขผ่อนปรนอื่นๆ เพื่อให้โครงการนี้สามารถช่วยร้านอาหารได้จริงในทางปฏิบัติเพราะรัฐบาลมีวงเงินให้สถาบันการเงินเหล่านี้ในการปล่อยกู้ให้ภาคธุรกิจบริการรวมทั้งเอสเอ็มอีและไมโครเอสเอ็มอี และโครงการนี้จะเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 20 มิถุนายน 2564 โดยก่อนหน้านี้ได้มีการจัดอบรมโดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้าให้ความรู้กับสถาบันการเงินร่วมกับร้านอาหารที่สนใจใช้บริการสถาบันการเงินในการเตรียมตัวก่อนดำเนินการกู้เงินในวันนี้ โดยมีผู้เข้าชมกว่า 6,000 คนและมีการแชร์ออกไปอีกเป็นจำนวนมากไปแล้วเป็นต้น.-สำนักข่าวไทย