นนทบุรี 1 มิ.ย. – พาณิชย์โชว์ตัวเลขการค้าชายแดน-ผ่านแดน 4 เดือนแรกของปีนี้เป็นบวกถึงร้อยละ 26.74 คิดเป็นมูลค่าสูงถึง 526,220 ล้านบาท
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ถึงตัวเลขการค้าชายแดนและการค้าผ่านแดนช่วงวิกฤตโควิด โดยในช่วง 4 เดือนแรกของปีตั้งแต่ ม.ค.-เม.ย. การค้าชายแดนเพิ่มขึ้นร้อยละ 16.78 ทำเงินเข้าประเทศ 295,381 ล้านบาท โดยใน 4 ประเทศ คือ มาเลเซีย บวกถงร้อยละ 52.87 ลาว ร้อยละ 13.49 เมียนมาติดลบเล็กน้อยร้อยละ 0.002 และกัมพูชาติดลบร้อยละ 4.9 ขณะที่การค้าผ่านแดนไปประเทศจีน เวียดนาม และสิงคโปร์ 4 เดือนแรกบวกร้อยละ 41.93 ทำเงินเข้าประเทศ 230,839 ล้านบาท ไปปลายทางที่จีนบวกร้อยละ 54.25 ไปสิงคโปร์ บวกร้อยละ 34.57 ไปเวียดนามบวกร้อยละ 22.47 แต่เมื่อรวมการค้าชายแดนกับการค้าผ่านแดน ตัวเลข 4 เดือนแรกของปีนี้เป็นบวกร้อยละ 26.74 คิดเป็นมูลค่าเงินเข้าประเทศสูงถึง 526,220 ล้านบาท
ทั้งนี้ สินค้าสำคัญที่ส่งออกผ่านการค้าชายแดนและข้ามแดนไปลาว คือรถยนต์ มาเลเซียคือยางและอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ เมียนมา คืออาหารและเครื่องดื่ม กัมพูชา คือรถยนต์ อาหาร เครื่องดื่มและผัก จีนเป็นผลไม้ ผลิตภัณฑ์ยาง คอมพิวเตอร์ สิงคโปร์ คือ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์และแผงวงจรไฟฟ้า และเวียดนาม คือ เครื่องดื่ม สินค้าปศุสัตว์ เครื่องรับวิทยุโทรทัศน์
อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้เกิดจากการทำงานอย่างหนักร่วมกันระหว่างกระทรวงพาณิชย์หน่วยงานอื่นๆและเอกชน ทำให้สามารถผลักดันการค้าชายแดน การค้าผ่านแดน ทำตัวเลขให้เป็นบวกในช่วงวิกฤติโควิด ผ่านสถานการณ์ที่ทุกฝ่ายเป็นห่วงมาได้ รวมทั้งการเร่งรัดช่วยกันแก้ไขปัญหาการเปิดด่านสำหรับการค้าชายแดน เช่น ด่านของไทยที่ส่งสินค้าไปประเทศเพื่อนบ้านมี 97 ด่าน ปิด 51 ด่าน ในช่วงเวลาอันใกล้นี้ผมจะจับมือกับภาคเอกชนและกรมการค้าต่างประเทศเร่งรัดเปิดด่านที่คิดว่าจำเป็นสำหรับการส่งสินค้าออกต่อไป
ทั้งนี้ ได้ตั้งเป้าไว้เวลานี้คือ 9 ด่าน 1.ด่านแม่สายเชียงราย 2.บ้านแจมป๋อง อำเภอเวียงแก่นเชียงราย 3.เชียงคาน จังหวัดเลย 4.อำเภอศรีเชียงใหม่ หนองคาย 5.ท่าเรือหนองคาย 6.ท่าเทียบเรือนครพนม 7.ท่าเทียบเรือมุกดาหาร 8.บ้านปากแซง นาตาล จังหวัดอุบลราชธานี และ9.บ้านท่าเส้น อำเภอเมืองจังหวัดตราด และยังมั่นใจว่าภาคการค้าชายแดนและผ่านแดนหลังจากนี้ยังมีโอกาสเติบโตได้ต่อเนื่องและน่าจะทำให้เม็ดเงินเข้าประเทศตลอดทั้งนี้ของการค้าดังกล่าวจะเกินกว่า 1 ล้านล้านบาทได้แน่นอน เนื่องจากสินค้าไทยส่วนใหญ่ยังเป็นที่ต้องการของประเทศเพื่อนบ้านและมาตรการดูแลความปลอดภัยของสินค้าไทยมีมาตรการสูงเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคทั่วโลก . – สำนักข่าวไทย