กรุงเทพฯ 31 พ.ค.-ธปท. เตรียมปรับเป้าจีดีพีปี 64 ใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน และมุมมองต่อเศรษฐกิจในอนาคตมากที่สุด หลังโควิดกระทบเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวช้ากว่าคาด
นางสาวชญาวดี ชันอนันต์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ธปท. เตรียมปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2564 – 2565 ใหม่ ในช่วงเดือนมิถุนายนนี้ โดยจะนำข้อมูลเกี่ยวกับการกระจายวัคซีน สถานการณ์การแพร่ระบาดที่มีการปรับเปลี่ยนรายวันมาพิจารณาประกอบด้วย เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน และมุมมองต่อเศรษฐกิจในอนาคตมากที่สุด
ขณะเดียวกันสอดคล้องกับที่ นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มองว่า เศรษฐกิจไทยจะสามารถกลับมาฟื้นตัวได้ในไตรมาส 3/2566 ช้ากว่าประมาณการเดิมที่คาดว่าจะฟื้นตัวในช่วงกลางปี 2565 เนื่องจากการระบาดในระลอกที่ 3 มีความรุนแรง และขยายวงกว้าง รวมถึงอาจส่งผลให้การเปิดประเทศล่าช้ากว่าที่ประมาณการไว้ จึงส่งผลต่อภาพรวมการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในอนาคต
ด้านเศรษฐกิจไทยในเดือนเมษายน 2564 เริ่มได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดระลอกสามของ COVID-19 ส่งผลให้เครื่องชี้การบริโภคภาคเอกชนลดลงจากเดือนก่อนในทุกหมวดการใช้จ่าย เนื่องจากการแพร่ระบาดระลอกสามของ COVID-19 และมาตรการควบคุมการระบาดที่เข้มงวดขึ้น ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลง แม้มาตรการภาครัฐจะช่วยพยุงกำลังซื้อภาคครัวเรือนได้บางส่วน
ส่วนเครื่องชี้การลงทุนภาคเอกชนปรับลดลงตามการลงทุนหมวดเครื่องจักรและอุปกรณ์ สอดคล้องกับความเชื่อมั่นภาคธุรกิจที่ลดลงจากผลกระทบของการแพร่ระบาดระลอกสาม อย่างไรก็ดี การลงทุนหมวดก่อสร้างปรับเพิ่มขึ้นจากทั้งยอดจำหน่ายวัสดุก่อสร้างและพื้นที่ได้รับอนุญาตก่อสร้าง
ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวยังไม่ฟื้นตัว จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศยังอยู่ในระดับต่ำต่อเนื่อง จากมาตรการจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศของไทยที่ยังมีอยู่
อย่างไรก็ดี การส่งออกสินค้าปรับดีขึ้นต่อเนื่องตามอุปสงค์ประเทศคู่ค้าที่ฟื้นตัวส่งผลให้การส่งออกปรับดีขึ้นในหลายหมวดสินค้า โดยเฉพาะเครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องจักรและอุปกรณ์ สินค้าเกษตร และสินค้าเกษตรแปรรูป นอกจากนี้ การส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตามวัฏจักรอิเล็กทรอนิกส์โลกที่อยู่ในช่วงขาขึ้น ทั้งนี้ การฟื้นตัวของภาคการส่งออกช่วยพยุงให้การผลิตภาคอุตสาหกรรมทรงตัวจากเดือนก่อนในช่วงที่อุปสงค์ในประเทศอ่อนแอ
ขณะที่การใช้จ่ายภาครัฐที่ไม่รวมเงินโอนหดตัวเล็กน้อยเมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน จากรายจ่ายลงทุน ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากฐานสูงในระยะเดียวกันปีก่อนที่มีการเร่งเบิกจ่ายภายหลัง พ.ร.บ. งบประมาณ ปี 2563 ประกาศใช้ อย่างไรก็ดี การใช้จ่ายภาครัฐฯ ยังอยู่ในระดับสูงกว่าค่าเฉลี่ย 3 ปีย้อนหลัง สะท้อนถึงบทบาทในการพยุงเศรษฐกิจที่มีอย่างต่อเนื่อง
ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเร่งขึ้น เนื่องจากมาตรการลดค่าไฟฟ้าและน้ำประปาเพื่อบรรเทาค่าครองชีพให้กับประชาชนสิ้นสุดลง ประกอบกับราคาพลังงานที่ต่ำในระยะเดียวกันปีก่อน ด้านตลาดแรงงานยังเปราะบาง และได้รับผลกระทบเพิ่มเติมจากการแพร่ระบาดระลอกสาม โดยเฉพาะผู้ประกอบอาชีพอิสระ สำหรับดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุลมากกว่าเดือนก่อนเล็กน้อย โดยดุลการค้าเกินดุลลดลง จากมูลค่าการนำเข้าที่เร่งขึ้นมากกว่ามูลค่าการส่งออก ขณะที่อัตราแลกเปลี่ยนบาทต่อดอลลาร์ สรอ. อ่อนค่าลงกว่าสกุลเงินคู่ค้าคู่แข่งส่วนใหญ่ . – สำนักข่าวไทย