นครศรีธรรมราช 29 พ.ค.-รัฐมนตรีพาณิชย์ หามาตรการช่วยชาวสวนมังคุด คลอด 5 มาตรการช่วงโควิด ยกระดับราคา ชู “ส่งออกผลไม้ทุกภาคช่วยรายได้ประเทศ” ชี้ 4 เดือนแรกปีนี้ นำรายได้ผลไม้เข้ากว่า 50,000 ล้านบาทแล้ว
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ประชุมหารือกับกลุ่มเกษตรชาวสวนมังคุด 23 กลุ่ม ณ วิทยาลัยการอาชีพ หัวไทร อําเภอหัวไทร จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อติดตามการแก้ไขปัญหาผลไม้ตามฤดูกาล โดยขณะนี้สถานการณ์ผลไม้ประเทศไทยในภาพรวมปีนี้จะมีผลผลิต 5,200,000 ตัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 15 ซึ่งหากตัวเลขการส่งออกผลไม้อยู่ในเกณฑ์ที่ดีมากปีที่ผ่านมาเพราะสามารถทำรายได้เข้าประเทศถึง 130,000 ล้านบาท และในปี 2564 ช่วง 4 เดือนแรก สามารถส่งออกได้ถึง 50,000 ล้านบาท โดยมังคุดคาดว่าปีนี้จะมีผลผลิตรวมกันประมาณ 330,000 ตัน เป็นมังคุดในจังหวัดจันทบุรีประมาณร้อยละ 36 จังหวัดนครศรีธรรมราชร้อยละ 18 จังหวัดชุมพรร้อยละ 17 จังหวัดตราดร้อยละ 17 โดยส่งออกประมาณ ร้อยละ 60 บริโภคในประเทศร้อยละ 40 ตลาดส่งออกสำคัญของมังคุดคือประเทศจีนร้อยละ 70 ฮ่องกงร้อยละ 10 เวียดนามร้อยละ 8 สหรัฐฯร้อยละ 6 ราคามังคุดเกรดพรีเมียมที่ขายได้หน้าสวนขณะนี้ที่จังหวัดจันทบุรีกิโลกรัมละประมาณ 150 บาทถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก
อย่างไรก็ตาม มาตรการในการสนับสนุนเกษตรกรชาวสวนมังคุดได้ดำเนินการประชุมร่วมกับทุกภาคส่วนทั้งภาคการเกษตร ชาวสวนมังคุดและล้งรวมทั้งผู้ส่งออก ได้กำหนดมาตรการ 16 มาตรการตั้งแต่ต้นปี เช่น สนับสนุนผู้รวบรวมผลไม้ กิโลกรัมละ 3 บาท เปิดพื้นที่การตลาดให้พาณิชย์จังหวัดประสานงานกับโมเดิร์นเทรด ปั๊มน้ำมันและพื้นที่ตลาดต่างๆระบายผลไม้ในประเทศ ได้รับความร่วมมือจากไปรษณีย์ไทย จัดบริการกล่องและคิดค่าส่งราคาพิเศษ และผู้ต้องการหิ้วผลไม้ขึ้นเครื่องบินจะโหลดฟรี 25 กิโลกรัม ส่งเสริมการบริโภคผลไม้ในประเทศ และใช้เกษตรพันธสัญญา “อมก๋อยโมเดล”ให้ผู้รับซื้อมาเซ็นสัญญาล่วงหน้ากับเกษตรกรผู้ปลูกผลไม้และอบรมเกษตรกรผู้ขายผลไม้ขายผลไม้ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์
สำหรับตลาดต่างประเทศ ให้เงินช่วยเหลือผู้รวบรวมผลไม้ส่งออกกิโลกรัมละ 5 บาท และมีการจัดส่งเสริมการขายในต่างประเทศส่งเสริมการขายในห้างสรรพสินค้าในตลาดต่างๆในต่างประเทศ และให้ผู้นำเข้าจากต่างประเทศพบกับผู้ส่งออกไทยผ่านระบบออนไลน์
สำหรับปัญหามังคุดที่ได้มีการแก้ไขในวันนี้ คือ 1.เรื่องการขาดแคลนแรงงานเก็บมังคุดและแรงงานรวบรวมมังคุด ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดหาหนทางผ่อนปรนแรงงานข้ามจังหวัดซึ่งเป็นโมเดลที่สามารถทำได้ 2.เรื่องจากการจัดระเบียบล้งเพื่อให้ความเป็นธรรมกับเกษตรกร มอบหมายให้พาณิชย์จังหวัดบังคับใช้กฎหมายให้ผู้รับซื้อจะต้องติดป้ายรับซื้อตั้งแต่ 8 โมงเช้าของทุกวัน 3.เรื่องของมังคุดนอกพื้นที่ที่เข้ามาสวมชื่อมังคุดนครศรีธรรมมราช เพราะมีชื่อเสียงมอบให้ผู้ว่าราชการจังหวัดร่วมกับเกษตรจังหวัดติดตราว่าเป็นมังคุดนครศรีธรรมราชเพื่อเป็นตรารับรองต่อไป 4.เรื่องปัญหาความล่าช้าในการออกใบรับรอง GAP และ GMP ที่ออกโดยกรมวิชาการเกษตร ขณะนี้ที่จังหวัดไม่มีผู้มีอำนาจในการออกใบรับรองค้างมาสามปี ได้แจ้งท่านปลัดกระทรวงเกษตรฯเร่งดำเนินการเพื่อส่งเสริมให้มีการออกใบรับรองโดยเร็วขึ้น และ 5.ขอให้เกษตรและสหกรณ์จังหวัดจัดทำแผนออก GAP ให้กับเกษตรกรที่จำเป็นต้องใช้เพื่อการส่งออกรายงานมาที่ตนว่าจะครบในปีไหนผ่านท่านปลัดกระทรวงเกษตรฯเพื่อติดตามความคืบหน้าได้ต่อไป.-สำนักข่าวไทย
นอกจากนี้ ยังได้ติดตามสถานการณ์และตรวจจุดรับซื้อพริกเขียวมัน นางขวัญใจ รสทิพย์ หมู่ที่ 6 ตําบลทรายขาว อําเภอหัวไทร จังหวัด นครศรีธรรมราช โดยกระทรวงพาณิชย์ได้ช่วยแก้ปัญหาเรื่องพริกเขียวที่จังหวัดสงขลาและนครศรีธรรมราช รวมถึงจังหวัดเพชรบูรณ์ หลายจังหวัดควบคู่กันไปปัญหาใหญ่ หลังจากประเทศมาเลเซียชะลอรับซื้อไปทำซอสพริกและทำวัตถุดิบในร้านอาหารไทยในมาเลเซีย ทำให้พริกราคาตกจากกิโลกรัมละ 10 กว่าบาท เหลือ 7-8 บาท ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ได้จัดงบประมาณเข้ามาช่วยกันจ่ายเงินชดเชยให้กับเกษตรกรกิโลกรัมละ 5 บาท ทำให้เกษตรกรขายพริกได้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งเงินชดเชย 5 บาทนี้จะโอนเงินเข้าบัญชีเกษตรกรโดยตรง แต่เกษตรกรต้องมาขึ้นทะเบียนผู้ปลูกพริกโดยตรงและได้เริ่มโอนเงินเข้าบัญชีเกษตรกรไปบ้างแล้ว.-สำนักข่าวไทย