ธปท.แจงสภาฯ ย้ำจำเป็นออก พ.ร.ก.ฟื้นฟูฯ ช่วยธุรกิจกระทบโควิด

กรุงเทพฯ 27 พ.ค. – ผู้ว่าการ ธปท. ชี้แจงต่อสภาฯ ย้ำความจำเป็นในการออก พ.ร.ก.ฟื้นฟูฯ ช่วยธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ยืนยันไม่เพิ่มหนี้ให้รัฐบาล


นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ชี้แจงต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในวันนี้ (27 พ.ค.) ว่า พ.ร.ก.ฟื้นฟูฯ จะช่วยเติมเต็มความช่วยเหลือให้กับธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ โดยกลไกของมาตรการช่วยเหลือตาม พ.ร.ก.นี้ ถูกออกแบบให้ตอบโจทย์ความต้องการของธุรกิจได้จริง สอดคล้องกับสถานการณ์ ผ่านการหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน โดย ธปท. ยังคงทำงานร่วมกับสถาบันการเงินอย่างต่อเนื่อง เพื่อเร่งผลักดันให้ธุรกิจได้รับความช่วยเหลือมากขึ้น และทันการณ์

ตั้งแต่ต้นปี 2563 เป็นต้นมา การระบาดของโควิด-19 เริ่มส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยอย่างรุนแรง เศรษฐกิจหดตัวถึงร้อยละ 6.1 เป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปี ธปท. ร่วมกับกระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงออกมาตรการทางการเงินเพื่อเสริมสภาพคล่องแก่ภาคธุรกิจ ภายใต้ พ.ร.ก.การให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 หรือ พ.ร.ก.ซอฟต์โลน ซึ่งในขณะนั้นเน้นการเยียวยาระยะสั้นและเร่งด่วน เพราะประเมินว่าสถานการณ์ระบาด แม้จะส่งผลรุนแรง แต่จะคลี่คลายได้ในระยะเวลาไม่นาน แต่สถานการณ์ปัจจุบันยังมีความไม่แน่นอนสูง มาตรการเดิมที่มีอยู่จึงยังไม่เพียงพอ อีกทั้งการปรับเปลี่ยนเงื่อนไขใน พ.ร.ก.ซอฟต์โลนเดิม ให้รองรับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปทำได้ยากและใช้เวลานาน ธปท. และกระทรวงการคลัง เห็นความจำเป็นเร่งด่วนในการออก พ.ร.ก.ฟื้นฟูฯ นี้ เพื่อให้ความช่วยเหลือธุรกิจ SMEs ต่อเนื่องจาก พ.ร.ก.ซอฟต์โลน ฉบับเดิม พร้อมปรับปรุงเงื่อนไขต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ช่วยเหลือลูกหนี้ได้มากขึ้น รวมทั้งมีความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนเงื่อนไข เพื่อรองรับตามสถานการณ์ในระยะข้างหน้าหากจำเป็น


การออกแบบมาตรการใน พ.ร.ก.ฟื้นฟูฯ ฉบับนี้ มุ่งตอบโจทย์ความต้องการของลูกหนี้ได้หลากหลายกลุ่ม และทันต่อเหตุการณ์ ธปท. จึงประสานความร่วมมือและหารือกับผู้เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด ทั้งในส่วนของลูกหนี้ ผ่านสมาคมต่าง ๆ เช่น สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมโรงแรมไทย และส่วนของเจ้าหนี้ที่เป็นสถาบันการเงินต่าง ๆ ตลอดจนหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง รวมถึงได้หารือและรับประเด็นต่าง ๆ จากคณะกรรมาธิการหลายชุด จนได้ข้อตกลงในมาตรการที่ตอบโจทย์ความต้องการของทุกฝ่าย ประกอบด้วย มาตรการสินเชื่อฟื้นฟู วงเงิน 250,000 ล้านบาท เพื่อเติมสภาพคล่องใหม่ และโครงการพักทรัพย์ พักหนี้ วงเงิน 100,000 ล้านบาท เพื่อปลดภาระหนี้ให้กับลูกหนี้ที่มีทรัพย์สินเป็นหลักประกัน

มาตรการสินเชื่อฟื้นฟู ได้มีการปรับปรุงเงื่อนไขและกลไกจากมาตรการซอฟต์โลนเดิม ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่รุนแรงและยืดเยื้อกว่าคาด รวมถึงเอื้อให้ธุรกิจเข้าถึงสินเชื่อได้มากขึ้น ดังนี้
(1) ปรับวงเงินสินเชื่อให้สูงขึ้นจากร้อยละ 20 ของยอดคงค้างสินเชื่อที่เบิกใช้ในปัจจุบัน เป็นร้อยละ 30 ของวงเงินสินเชื่อ เพื่อให้ธุรกิจมีสภาพคล่องมากขึ้นในการรองรับผลกระทบที่รุนแรงขึ้น
(2) ปลดเงื่อนไขให้ครอบคลุมธุรกิจในวงกว้างขึ้น โดย SMEs กลุ่มที่เดิมไม่เคยมีวงเงินสินเชื่อมาก่อน สามารถมาขอสินเชื่อฟื้นฟูได้
(3) ขยายระยะเวลากู้ยืมให้ยาวขึ้น จาก 2 ปี เป็น 5 ปี ตามสถานการณ์ที่ยืดเยื้อกว่าเดิม โดยคาดว่าระยะเวลา 5 ปี จะเพียงพอให้เศรษฐกิจกลับสู่ภาวะปกติ
(4) อัตราดอกเบี้ยสูงขึ้นตามระยะเวลาสินเชื่อที่ยาวขึ้น และสะท้อนความเสี่ยงในปัจจุบัน แต่เฉลี่ยแล้วต้องไม่เกินร้อยละ 5 ต่อปี โดยดอกเบี้ยในช่วง 2 ปีแรกจะอยู่ที่ร้อยละ 2 ต่อปี และลูกหนี้จะได้รับยกเว้นค่าดอกเบี้ยในช่วง 6 เดือนแรก เพื่อบรรเทาภาระ
(5) ลูกหนี้เข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้น โดยให้มีกลไกการค้ำประกันผ่านบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม หรือ บสย. ที่มีสัดส่วนการค้ำประกันความเสียหายเพิ่มขึ้น จากกลไก บสย. ปกติที่ร้อยละ 30 เป็นร้อยละ 40 ของความเสียหายที่จะเกิดขึ้น โดยออกแบบให้กลุ่ม SMEs รายเล็ก ได้รับการค้ำประกันในสัดส่วนที่สูงกว่ากลุ่มอื่น ทั้งนี้ เพื่อให้สถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อให้กับลูกหนี้ที่มีความเสี่ยงได้มากขึ้น

โครงการพักทรัพย์ พักหนี้ เป็นกลไกใหม่ที่ถูกออกแบบมาให้ความช่วยเหลือแก่ลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบรุนแรงและยืดเยื้อ ต้องใช้เวลานานกว่ากลุ่มอื่น ๆ ในการฟื้นตัว แต่ยังมีภาระหนี้ในการผ่อนชำระ ไม่สามารถใช้กลไกการปรับโครงสร้างหนี้ปกติได้ และมีทรัพย์สินเป็นหลักประกันอยู่กับสถาบันการเงิน เช่น กลุ่มธุรกิจโรงแรมที่ได้รับผลกระทบชั่วคราวจากนักท่องเที่ยวที่ลดลงมาก แต่จะกลับมาเปิดกิจการได้ เมื่อกิจกรรมเศรษฐกิจกลับสู่ภาวะปกติ โดยลูกหนี้ที่เข้าโครงการจะสามารถโอนทรัพย์สินไปไว้ที่สถาบันการเงิน เพื่อหยุดภาระการชำระหนี้ โดยมีสิทธิมาเช่าทรัพย์สินกลับเพื่อทำธุรกิจ และสามารถซื้อสินทรัพย์คืนเป็นรายแรกด้วยราคาที่เป็นธรรม


ซึ่งกลไกนี้จะบรรเทาปัญหาของลูกหนี้ได้ใน 3 ด้าน 1) ช่วยหยุดภาระการชำระหนี้ของลูกหนี้ 2) ช่วยให้ลูกหนี้หลีกเลี่ยงการขายทรัพย์สินในราคาที่ต่ำ ในช่วงที่ความเสี่ยงสูง หรือที่เรียกกันว่า fire sale และ 3) เปิดโอกาสให้ลูกหนี้กลับมาดำเนินธุรกิจได้อีกครั้ง หลังสถานการณ์คลี่คลาย นอกจากนี้ เพื่อดูแลให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทั้งเจ้าหนี้และลูกหนี้ โครงการพักทรัพย์ พักหนี้ ได้ออกแบบกลไกการกำหนดราคาซื้อคืนให้เหมาะสม ตรงไปตรงมา และให้ตกลงกันไว้ก่อน รวมทั้ง ธปท.ได้กำหนดให้มีมาตรฐานของสัญญาตีโอนทรัพย์ และให้สถาบันการเงินทุกรายต้องส่งสัญญาดังกล่าวมาให้ ธปท. พิจารณาก่อนเข้าร่วมโครงการด้วย

มาตรการฟื้นฟูนี้ อาจไม่เหมาะกับทุกกลุ่มลูกหนี้ จึงต้องพิจารณาควบคู่ไปกับมาตรการช่วยเหลืออื่น ๆ ด้วย

หลังจากที่ ธปท.ได้เริ่มเปิดให้สถาบันการเงินยื่นคำขอรับสภาพคล่อง เมื่อวันที่ 26 เมษายนที่ผ่านมา มีการเข้ามาขอรับความช่วยเหลือเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยข้อมูล ณ วันที่ 24 พฤษภาคม 2564 มียอดสินเชื่อฟื้นฟูที่ปล่อยแล้วเป็นเงินทั้งสิ้น 15,855 ล้านบาท เป็นลูกหนี้จำนวน 6,611 ราย คิดเป็นยอดสินเชื่อเฉลี่ยอยู่ที่ 2.4 ล้านบาท/ราย ซึ่งถือได้ว่าสินเชื่อกระจายลงไปยัง SMEs ขนาดเล็ก โดยเฉพาะกลุ่มที่มีวงเงินสินเชื่อเดิม ต่ำกว่า 5 ล้านบาท ถึงร้อยละ 62 โดยส่วนใหญ่อยู่ในธุรกิจการพาณิชย์ รองลงมา คือ ภาคบริการ และพบว่าจากผู้ได้รับสินเชื่อทั้งหมด กว่าร้อยละ 64 เป็นธุรกิจที่อยู่ในต่างจังหวัด

ยอดการปล่อยสินเชื่อในช่วงแรกนี้ ยังค่อยเป็นค่อยไปตามที่คาดไว้ ว่าจะมีการเบิกใช้สินเชื่อเป็น 3 ระยะ โดยในระยะแรกนี้ กิจกรรมทางเศรษฐกิจและธุรกิจของกลุ่ม SMEs เป้าหมายที่เป็น SMEs ขนาดเล็ก ยังถูกกระทบจากการระบาด สินเชื่อส่วนใหญ่จึงเป็นสินเชื่อหมุนเวียนและมูลค่าไม่สูง ในระยะถัดไป เมื่อเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวได้ ธุรกิจจะต้องการสภาพคล่องเพิ่มเติมในการปรับปรุงกิจการเพื่อเตรียมความพร้อม และสุดท้าย เมื่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับมาสู่ระดับปกติ ก็จะต้องใช้สินเชื่อเพื่อขยายหรือปรับเปลี่ยนธุรกิจ ซึ่งจะทำให้ยอดสินเชื่อเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และเป็นเหตุผลที่ทำให้ พ.ร.ก.นี้ กำหนดระยะเวลาการมาขอสินเชื่อได้ยาวถึง 2 ปี

นอกจากนี้ ธุรกิจขนาดใหญ่หลายรายได้ร่วมมือกับสถาบันการเงินต่าง ๆ ในการช่วยเหลือธุรกิจรายย่อยที่เป็นคู่ค้าของตน ให้สามารถเข้าถึงสภาพคล่องจากมาตรการนี้เพิ่มเติม โดยให้ข้อมูลที่จำเป็นในการพิจารณาสินเชื่อ เช่น ประวัติและยอดขายในอดีตของคู่ค้า เพื่อให้สถาบันการเงินประเมินความเสี่ยงของธุรกิจได้ง่ายขึ้น ซึ่ง ธปท. จะสนับสนุนให้ธุรกิจขนาดใหญ่อื่น ๆ เร่งดำเนินการในแนวทางเช่นเดียวกันนี้ เพื่อช่วยเสริมประสิทธิภาพของมาตรการ ซึ่งจะทำให้ลูกหนี้รายย่อยเข้าถึงความช่วยเหลือได้มากขึ้นอีก
 
สำหรับโครงการพักทรัพย์ พักหนี้ เป็นโครงการใหม่ ต้องใช้เวลาหารือรายละเอียดเป็นรายกรณี โดยปัจจุบันมียอดอนุมัติเข้าร่วมโครงการแล้ว จำนวน 910 ล้านบาท จากลูกหนี้ 4 ราย โดยส่วนใหญ่อยู่ในธุรกิจโรงแรม และลูกหนี้หลายรายอยู่ระหว่างการหารือกับสถาบันการเงิน แต่เนื่องจากการเข้าร่วมโครงการจะต้องมีการเจรจาเงื่อนไขและรายละเอียดเป็นรายกรณี ทำให้ต้องใช้เวลามากกว่าสินเชื่อฟื้นฟูในการได้ข้อสรุป ทั้งนี้ เมื่อลูกหนี้และเจ้าหนี้มีความเข้าใจและคุ้นเคยกับมาตรการมากขึ้น รวมทั้งเมื่อการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีที่จะช่วยลดต้นทุนการโอนทรัพย์สินมีผลบังคับใช้แล้ว การเข้าร่วมโครงการนี้จะเพิ่มขึ้นได้ต่อเนื่อง

สำหรับข้อกังวลว่า การใช้ระบบธนาคารพาณิชย์ให้สินเชื่อภายใต้มาตรการนี้ อาจทำให้ SMEs เข้าถึงสินเชื่อได้ยาก ขอชี้แจงว่า ประเด็นสำคัญคงไม่ใช่แค่การเข้าถึงเพียงอย่างเดียว แต่ต้องรวมไปถึงว่า การช่วยเหลือนั้นเร็วและตรงจุดหรือไม่ ไปสู่ผู้ที่เดือดร้อน แต่มีโอกาสกลับมาทำธุรกิจได้หรือไม่ เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายมากจนเกินไปกับประเทศในอนาคต ซึ่งผู้จัดสรรสินเชื่อที่จะตอบโจทย์ดังกล่าว จำเป็นต้องรู้จักลูกหนี้ และมีข้อมูล เข้าใจธุรกิจ ประเมินความเสี่ยงเป็น ดังนั้น สถาบันการเงินจึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะที่สุดในสภาวะปัจจุบัน เทียบกับการใช้กลไกของภาครัฐ ที่มีความชำนาญและความคุ้นเคยกับธุรกิจไม่เท่ากับสถาบันการเงิน

แต่การพึ่งพากลไกของสถาบันการเงินอย่างเดียวไม่เพียงพอ พ.ร.ก.นี้ จึงได้ออกแบบให้เพิ่มกลไกสภาพคล่องจาก ธปท. และการค้ำประกันจาก บสย. ข้างต้น เพื่อเพิ่มความมั่นใจว่าจะสามารถปล่อยสินเชื่อให้ลูกหนี้ที่เสี่ยงได้มากขึ้น นอกจากนั้น ธปท. ติดตามและดูแลการดำเนินงานของสถาบันการเงินอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง ซึ่ง ธปท.ได้ออกประกาศและกฎเกณฑ์เป็นแนวปฏิบัติให้กับสถาบันการเงิน เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปตามเจตนารมณ์ของ พ.ร.ก. ด้วย

ทั้งนี้ ในการดำเนินมาตรการ ธปท.ให้ความสำคัญกับการเร่งผลักดันให้ธุรกิจได้รับความช่วยเหลือมากขึ้นและทันการณ์ โดยโจทย์ใหญ่ของมาตรการนี้ คือ การช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประกอบธุรกิจจากปัญหาโควิด-19 ให้ได้มากที่สุด นอกจากการออกแบบกลไกความช่วยเหลือที่ตอบโจทย์ความเดือดร้อนแล้ว ที่สำคัญ คือ การมุ่งผลสัมฤทธิ์ของมาตรการ ที่ผ่านมา ธปท. จึงได้ติดตามและประเมินผลการขอสินเชื่ออย่างใกล้ชิด รวมทั้งเร่งรัดให้สถาบันการเงินแต่ละแห่ง มีมาตรการช่วยเหลือเชิงรุกที่เหมาะสมกับลูกหนี้แต่ละรายตามผลกระทบและความเดือดร้อนของลูกหนี้ และเร่งสื่อสารรายละเอียดของมาตรการไปยังสาขาอย่างเข้มข้น เพื่อให้พนักงานมีความเข้าใจและสามารถให้บริการแก่ลูกหนี้ได้อย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกัน ธปท.ได้สื่อสารกับกลุ่มลูกหนี้ผ่านสมาคมต่าง ๆ และสื่อมวลชนทุกแขนง รวมทั้งจัดให้มี call center เฉพาะกิจ เพื่อประชาสัมพันธ์รายละเอียดของมาตรการ อีกทางหนึ่งด้วย

จากการหารือกับสถาบันการเงินล่าสุด จะสามารถปล่อยสินเชื่อจากมาตรการใน 6 เดือนจากนี้ ได้กว่า 1 แสนล้านบาท และหากการให้ความช่วยเหลือไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ธปท. ก็พร้อมที่จะเพิ่มกลไกในการผลักดันให้สถาบันการเงินดำเนินการได้เร็วยิ่งขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น หากสถานการณ์การระบาดต่างไปจากที่คาดไว้ พ.ร.ก.นี้ก็ได้ให้ความยืดหยุ่นในการปรับปรุงเงื่อนไขให้สอดคล้อง หรือดำเนินมาตรการเพื่อช่วยเหลือเพิ่มเติมหากจำเป็น

ผู้ว่าการ ธปท. ย้ำว่า วงเงิน 350,000 ล้านบาท ตาม พ.ร.ก.ฟื้นฟูฉบับนี้ ไม่ได้เป็นการกู้เงินของรัฐบาล และไม่ได้เป็นหนี้สาธารณะ แต่เป็น พ.ร.ก. ที่ให้อำนาจ ธปท. เป็นการชั่วคราว ให้สามารถบริหารจัดการสภาพคล่องในระบบการเงินและระบบเศรษฐกิจ ให้กระจายตัวไปยังผู้ที่ต้องการได้ตรงจุดมากขึ้น เมื่อสถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติ ธปท. จะได้รับสภาพคล่องเหล่านั้นกลับคืนมา ส่วนที่รัฐบาลรับภาระจะมีเฉพาะดอกเบี้ยในช่วง 6 เดือนแรก และความเสียหายที่ร่วมรับภาระกับสถาบันการเงินผ่านกลไก บสย. ในกรณีที่ลูกหนี้กลายเป็นหนี้เสีย จึงเป็นการออกแบบกลไกเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของลูกหนี้ให้ได้มากที่สุด โดยไม่สร้างภาระการคลังให้กับรัฐบาลมากจนเกินควร. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สมุทรปราการอ่วม! ปิด 25 โรงเรียนหนีน้ำท่วม

สมุทรปราการ 8 ก.ย.- สมุทรปราการอ่วม! ระดับน้ำยังท่วมสูง หลังฝนตกหนักทั้งคืน ด้าน สพท. สั่งปิดแล้ว 25 โรงเรียน ปรับให้สอนแบบออนไลน์ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา หรือ สพท. สั่งปิด 25 โรงเรียนจังหวัดสมุทรปราการ 1 วัน พร้อมปรับการเรียนเป็นแบบออนไลน์ เพื่อความปลอดภัยของนักเรียนและผู้ปกครอง หลังฝนตกหนักทั้งคืน ถนนสายสำคัญหลายเส้นถูกน้ำท่วม บางแห่งสูงกว่า 30 เซนติเมตร รวมถึงตรอกซอกซอยต่าง ๆ โดยบางพื้นที่น้ำได้ไหลเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน ขณะเดียวกันหลายจุดยังคงมีน้ำท่วมขัง ระบายออกไม่ได้ เนื่องจากระดับน้ำในคลองสายหลักสูง ประกอบกับน้ำทะเลหนุน เจ้าหน้าที่เร่งระบายน้ำ หากฝนไม่ตกลงมาซ้ำ คาดว่าบ่ายวันนี้สถานการณ์จะเข้าสู่สภาวะปกติ ทั้งนี้ มีรายงานว่าเกิดเหตุ หนุ่มวัย 17 ปี เข็นรถจักรยานยนต์ฝ่าน้ำ ถูกไฟรั่วจากแบริเออร์ก่อสร้างบนถนนแพรกษา ช็อตเสียชีวิตต่อหน้าเพื่อนบ้าน เจ้าหน้าที่เร่งสอบหาสาเหตุและป้องกันเหตุซ้ำ -สำนักข่าวไทย

ศาลสั่งจำคุก 2 ปี 8 เดือน ไม่รอลงอาญา “สส.ลูกเกด” คดี ม.112

กรุงเทพฯ 8 ก.ย. – ศาลสั่งจำคุก 4 ปี “ลูกเกด ชลธิชา” สส.ประชาชน คดี ม.112 คำให้การเป็นประโยชน์ลดโทษเหลือ 2 ปี 8 เดือน ส่าสุดศาลให้กันประกันตัวแล้ว กำหนดเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่จะได้รับอนุญาต วันนี้ ( 8 ก.ย.) ที่ห้องพิจารณา 901 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีดูหมิ่นสถาบัน หมายเลขดำ อ.595/65 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ ฟ้อง น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว หรือลูกเกด สส.พรรคประชาชน จ.ปทุมธานี เป็นจำเลยในความผิด ดูหมิ่นสถาบัน ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.112 , พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ฯ ม.4 (3) จากกรณีเมื่อวันที่ 8 พ.ย.63 จำเลยได้โพสต์ข้อความ ลงในเฟซบุ๊กตัวเอง เกี่ยวกับราษฎรสาส์น […]

รื้อทั้งยวง! โผ ครม.อนุทิน 1 เหตุ “ธรรมนัส” คุมท่องเที่ยว ภท.ต้องเกลี่ยใหม่

กรุงเทพฯ 7 ก.ย. – โผ ครม. “อนุทิน 1” รื้อทั้งยวง หลัง “ธรรมนัส” คุมท่องเที่ยว ทำภูมิใจไทยต้องเกลี่ยใหม่ “ไชยชนก” ดีอี “ซาบีดา” วัฒนธรรม รอเปิดคนนอก “กลาโหม-ยุติธรรม” แว่วพลตำรวจโท อดีตรองผู้การภาค 3 ติดโผ จับตา “ศักดิ์ดา” ร่วมด้วย​ ด้าน “นิพนธ์” จ่อดันลูกสาวเป็นรัฐมนตรีป้ายแดง เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับโผ ครม.ล่าสุด พรรคภูมิใจไทยจะได้เก้าอี้รัฐมนตรีส่วนใหญ่ประมาณ 12 ที่นั่ง โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล นั่งนายกรัฐมนตรี ควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายทรงศักดิ์ ทองศรี นั่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ นั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นายไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรค จะนั่งตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ขณะที่นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล […]

ชัยภูมิน้ำท่วมหนัก หลังฝนตกตลอดคืน

ชัยภูมิ 7 ก.ย.-น้ำท่วมหนักใน 3 อำเภอของจังหวัดชัยภูมิ หลังฝนตกหนักตลอดทั้งคืน สภาพภายในวัดดอนไผ่ ริมถนนชัยภูมิ-นครสวรรค์ อำเภอบ้านเขว้า จังหวัดชัยภูมิ เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (7 ก.ย.) หลังพายุฝนกระหน่ำตลอดทั้งคืน ระดับน้ำท่วมสูง 50 เซนติเมตร พระสงฆ์ต้องอพยพหนีน้ำท่วมไปฉันอาหารอยู่บนที่สูง ขณะนี้ระดับน้ำยังไม่ลดลง นอกจากนี้ ยังเกิดน้ำท่วมใน 3 อำเภอ คือ อำเภอเมือง ย่านเศรษฐกิจในตัวอำเภอแก้งคร้อ และอำเภอบ้านเขว้า น้ำป่าสีแดงขุ่นไหลเข้าท่วมถนนสาย 225 ชัยภูมิ-นครสวรรค์ รวมถึงร้านค้า บ้านเรือนประชาชน โดยเฉพาะที่วัดกลางโนนแดง และวัดดอนไผ่ สาเหตุมาจากกรมทางหลวงก่อสร้างถนน 4 เลน ตัดผ่านบ้านโนนแดง ต.โนนแดง อ.บ้านเขว้า ทำให้น้ำป่าที่ไหลมาจากเขาภูแลนคา ไม่สามารถไหลไปลงแม่น้ำชีได้.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“3 สส.” บัญชีรายชื่อใหม่ รายงานตัวต่อสภาแล้ว

รัฐสภา 10 ก.ย.- “3 สส.” บัญชีรายชื่อใหม่ “ทิพานัน-พล.ต.อ.อัศวิน-รุ่งเรือง” รายงานตัวต่อสภาแล้ว พร้อมผลักดันกฎหมายที่เป็นประโยชน์กับประเทศ น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ สส.พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้เข้ารายงานตัวต่อสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ตามประกาศสภาผู้แทนราษฎร เนื่องจากนายสุชาติ ชมกลิ่น ได้มีหนังสือขอลาออกจากการเป็น สส.บัญชีรายชื่อ ตั้งแต่วันที่ 8 กันยายน 2568 เป็นเหตุให้สมาชิกภาพของนายสุชาติ สิ้นสุดลง จึงประกาศให้ผู้มีชื่อในลำดับถัดไปในบัญชีรายชื่อของพรรครวมไทยสร้างชาติ เลื่อนขึ้นมาเป็น สส. แทน โดย น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า การเป็น สส. คือผู้แทนของประชาชน วันนี้เป็นอีกก้าวหนึ่งที่ได้เป็นตัวแทนในการทำงานฝ่ายนิติบัญญัติ ซึ่งการมีกฎหมายที่ถูกต้องชัดเจนเป็นเรื่องที่ดี และจะทำหน้าที่นี้อย่างดีที่สุด ทั้งนี้มีกฎหมายที่ต้องอยากขับเคลื่อนโดยเฉพาะกฎหมายที่เกี่ยวกับเด็กและเยาวชน รวมถึงเรื่องสิ่งแวดล้อม เช่น เรื่องอากาศที่มีผลกระทบกับคนไทย นอกจากนี้ยังมี พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง สส.พรรครวมไทยสร้างชาติ เข้ารายงานตัวต่อสำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เนื่องจากนายธนกร วังบุญคงชนะ ได้มีหนังสือขอลาออกจากการเป็น สส.บัญชีรายชื่อ ตั้งแต่วันที่ 8 กันยายน 2568 เป็นเหตุให้สมาชิกภาพของนายธนกร […]

อุตุฯ เตือนไทยตอนบนฝนตกหนักบางแห่ง-กทม.ฟ้าคะนอง 70%

กรุงเทพฯ 10 ก.ย. – กรมอุตุฯ เตือนไทยตอนบนมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 70% และมีฝนตกหนักบางแห่ง กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยตอนบนมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือ และตอนบนของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส.-สำนักข่าวไทย

กระบะส่งน้ำพุ่งชนเสาไฟล้ม 24 ต้น ทำไฟไหม้ร้านอาหาร บ้าน-ร้านค้าพัง

เชียงใหม่ 8 ก.ย.-วินาศสันตะโร กระบะส่งน้ำพุ่งชนเสาไฟฟ้าล้ม 24 ต้น บนถนนหนองฮ่อ อ.เมืองเชียงใหม่ ทำให้ไฟไหม้ร้านอาหาร บ้าน-ร้านค้ากว่า 10 หลัง พังเสียหาย ส่วนรถเสียหายนับสิบคัน ไฟฟ้าดับเป็นวงกว้าง อุบัติเหตุเกิดขึ้นช่วงบ่ายที่ผ่านมา หลังรถกระบะบรรทุกน้ำดื่มเอกชนพุ่งชนเสาไฟฟ้าบนถนนหนองฮ่อ ต.ช้างเผือก อ.เมืองเชียงใหม่ ก่อนถึง สภ.ช้างเผือก อ.เมืองเชียงใหม่ ประมาณ 300 เมตร โดยรถกระบะได้พุ่งชนเสาไฟฟ้าจนหักโค่นลงมา ก่อนที่รถจะเกี่ยวเข้ากับสายไฟลากไปอีกหลายสิบเมตร ทำให้สายไฟถูกดึงจนทำให้เสาไฟฟ้าโค่นล้มต่อๆ กันลงมาขวางถนนรวมแล้วกว่า 24 ต้น เสาไฟกิ่งเสียหาย 25 ต้น ทับบ้านเรือนประชาชนและร้านค้าพังเสียหายกว่า 10 หลัง และยังมีรถยนต์ที่จอดไว้ในบ้าน ริมถนน และที่ขับผ่านมา ถูกทับเสียหายเบื้องต้นมากกว่า 10 คัน นอกจากนี้สายไฟฟ้าที่ถูกดึงจนขาดยังทำให้เกิดเพลิงไหม้ร้านอาหารบริเวณดังกล่าวจนวอดเสียหายเกือบทั้งหมด อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นทำให้กระแสไฟฟ้าดับเป็นวงกว้างและสร้างความแตกตื่นตกใจให้กับชาวบ้านเป็นอย่างมาก ขณะที่ตำรวจและหน่วยกู้ภัยเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบรถกระบะสีขาว เป็นรถขนส่งน้ำดื่มอยู่ในสภาพด้านหน้าพังยับ ถังน้ำดื่มตกเกลื่อน พบผู้บาดเจ็บเป็นชาย 2 คน เป็นพนักงานขับรถและคนงานที่นั่งมาด้วย เจ้าหน้าที่ได้ช่วยกันนำออกมาจากรถนำส่งโรงพยาบาล โดยพนักงานที่นั่งมาด้วยบาดเจ็บสาหัสเจ้าหน้าที่ต้องปั๊มหัวใจก่อนเร่งนำส่งโรงพยาบาล […]

ราชทัณฑ์ ย้าย “ทักษิณ” เข้าเรือนจำกลางคลองเปรม

คลองเปรม 9 ก.ย.- ราชทัณฑ์ ย้าย “ทักษิณ” จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เข้าเรือนจำกลางคลองเปรม ขณะอยู่ในรถคุมขัง “ทักษิณ” ยิ้มเล็กน้อย พร้อมชูนิ้วโป้งขวาให้นักข่าวที่ตะโกนถาม ภายหลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สั่งบังคับโทษ นายทักษิณ ชินวัตร 1 ปี และส่งตัวเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ล่าสุด เมื่อเวลา 17.10 น. ที่ผ่านมา ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร มีขบวนรถตู้เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร สีขาว จำนวน 3 คัน คันแรก ทะเบียน 1 นฉ 1576 กรุงเทพมหานคร คันที่สอง ทะเบียน 1 นง 7412 กรุงเทพมหานคร และคันที่สาม ทะเบียน 1 นฉ 1977 โดยทั้งหมดได้เคลื่อนขบวนมุ่งหน้าไปยังเรือนจำกลางคลองเปรม โดยรถตู้คันที่สอง ทะเบียน 1 นง 7412 กรุงเทพมหานคร เป็นรถตู้คันที่นายทักษิณ […]