กรุงเทพฯ 24 พ.ค. – ธปท.เร่งรัดให้สถาบันการเงินช่วยเหลือลูกหนี้เชิงรุกมากขึ้น เพื่อช่วยฟื้นฟูภาคธุรกิจ หลังยอดอนุมัติสินเชื่อฟื้นฟูฯ เพียง 1.6 หมื่นล้าน
นายรณดล นุ่มนนท์ รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ในวันนี้ ธปท. และสมาคมธนาคารไทย ได้หารือร่วมกัน เพื่อเร่งให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ให้เร็วขึ้นและกระจายเป็นวงกว้างมากขึ้น หลังจากที่มาตรการสนับสนุนการให้สินเชื่อฟื้นฟู (มาตรการสินเชื่อฟื้นฟูฯ) และโครงการพักทรัพย์พักหนี้ ได้ดำเนินการผ่านมาแล้ว 3 สัปดาห์ นับตั้งแต่วันที่ 26 เมษายน 2564
ณ วันที่ 17 พฤษภาคม 2564 ยอดการให้ความช่วยเหลือจากมาตรการสินเชื่อฟื้นฟูฯ มีทั้งสิ้น 11,542 ล้านบาท ครอบคลุมลูกหนี้ 5,465 ราย คิดเป็นยอดสินเชื่อเฉลี่ย 2.1 ล้านบาท/ราย โดยร้อยละ 63 กระจายลงไปยัง SMEs ขนาดเล็ก ขณะที่โครงการพักทรัพย์พักหนี้ มีมูลค่าทรัพย์สินที่ได้รับโอน 753.12 ล้านบาท จำนวนผู้ได้รับความช่วยเหลือ 2 ราย
อย่างไรก็ตาม เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (24 พ.ค.) มียอดสินเชื่อที่ได้รับอนุมัติเข้ามาเพิ่มอีก 4,500 ล้านบาท คิดเป็นลูกหนี้ 1,232 ราย รวมมียอดอนุมัติสินเชื่อในโครงการสินเชื่อฟื้นฟูแล้วกว่า 16,000 ล้านบาท ยอดลูกหนี้ 6,697 ราย
ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมา การดำเนินมาตรการอาจยังไม่ทันต่อความคาดหวังของผู้ประกอบธุรกิจ ส่วนหนึ่งเกิดจากแนวโน้มของกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ยังซบเซา เนื่องจากมาตรการด้านสาธารณสุขที่ยังเข้มงวด เพราะการแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอก 3 ทำให้ความต้องการสำหรับสินเชื่อฟื้นฟูอาจยังไม่มากนัก ประกอบกับโครงการพักทรัพย์พักหนี้ เป็นโครงการที่เพิ่งเกิดขึ้นใหม่ อีกทั้งยังคงมีรายละเอียดและเงื่อนไขเฉพาะกรณีที่สถาบันการเงินและลูกหนี้จะต้องเจรจาหารือเพิ่มเติม ทำให้การให้ความช่วยเหลือในช่วงต้นจึงอาจจะยังไม่สูงนัก
อย่างไรก็ดี ยังมีลูกหนี้ SMEs อีกจำนวนหนึ่งที่ได้รับความเดือดร้อนและยังไม่ได้รับความช่วยเหลือเพื่อนำสินเชื่อฟื้นฟูไปเป็นสภาพคล่องเยียวยากิจการ ธปท. จึงขอให้สถาบันการเงินให้ความช่วยเหลือเชิงรุกมากขึ้น เพื่อให้การช่วยเหลือถูกกลุ่มเป้าหมาย ทั่วถึงและทันเวลาสำหรับประคับประคองกิจการที่ถูกซ้ำเติมในการระบาดระลอก 3 จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย แล้วจึงค่อยทยอยปรับสู่การให้สินเชื่อที่มีขนาดวงเงินต่อรายที่เพิ่มขึ้นและระยะเวลาที่ยาวขึ้น
ธปท. และสมาคมธนาคารไทย ตระหนักถึงปัญหาและความเร่งด่วนที่ต้องช่วยเหลือลูกหนี้ให้ได้อย่างรวดเร็วและครอบคลุมมากที่สุด โดยเฉพาะลูกหนี้ SMEs ขนาดกลางและขนาดเล็ก ที่ยังพอมีศักยภาพและต้องการสภาพคล่องไปประคับประคองกิจการที่ได้รับผลกระทบซ้ำเติมจากการระบาดระลอกนี้ ในการนี้ ธปท.ได้ให้สถาบันการเงินเร่งรัดกระบวนการพิจารณา และหาข้อสรุปกับลูกหนี้โดยเร็ว รวมถึงสื่อสารทำความเข้าใจกับพนักงานสาขาในการให้ข้อมูลกับผู้ประกอบการ เพื่อให้ความช่วยเหลือได้อย่าง “รวดเร็ว เพียงพอ และตรงจุด”
ส่วนมาตรการพักชำระหนี้ ที่จะสิ้นสุดในเดือนมิถุนายนนี้ ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณา ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปในต้นเดือนหน้า โดยมองว่า สิ่งสำคัญคือ อยากให้เข้าสู่กระบวนการปรับปรุงโครงสร้างหนี้มากกว่า ซึ่งยืนยันว่า การเข้าสู่กระบวนการปรับปรุงโครงสร้างหนี้จะไม่มีบัญชีชื่อในเครดิตบูโรแน่นอน. – สำนักข่าวไทย