เปิดยอดฉีดวัคซีนบุคลากรด่านหน้า คมนาคม-ขนส่ง มีกว่า 3 แสนคน

กรุงเทพฯ 20 พ.ค.-กระทรวงคมนาคม เปิดตัวเลข “คนด่านหน้า” คมนาคม-ขนส่งทั่วไทย “บก-น้ำ-ราง-อากาศ” กว่า 3.22 แสนคน “ศักดิ์สยาม” เตรียมควง “อนุทิน” ลงพื้นที่สถานีกลางบางซื่อพรุ่งนี้ (21 พ.ค. 64) ตรวจความพร้อมจัดตั้งศูนย์ฉีดวัคซีนโควิด-19 นอกโรงพยาบาล ดีเดย์ทยอยฉีดบางส่วนตามยอดลงทะเบียน 24-31 พ.ค.นี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันพรุ่งนี้ (21 พ.ค. 2564) เวลา 08.30 น. นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม มีกำหนดการลงพื้นที่ตรวจการเตรียมความพร้อมในการจัดตั้งศูนย์ฉีดวัคซีนโควิด-19 นอกโรงพยาบาลที่สถานีกลางบางซื่อ ร่วมกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยคณะกรรมการอำนวยการบริหารศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ คณะกรรมการดำเนินงานฯ ปลัดกระทรวงคมนาคม ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย ผู้บริหารกระทรวงคมนาคม และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมลงพื้นที่ด้วย


สำหรับในการลงพื้นที่ดังกล่าว จะมีการตรวจความพร้อมพื้นที่ ทั้งบริเวณจุดชั่งน้ำหนัก วัดความดัน จุดลงทะเบียน เซ็นใบยินยอม จุดฉีดวัคซีน จุดพักรอสังเกตอาการ 30 นาที ทั้งนี้ ศูนย์ฉีดวัคซีนโควิด-19 นอกโรงพยาบาลที่สถานีกลางบางซื่อนั้น เป็นไปตามนโยบายของนายศักดิ์สยาม ในการเร่งฉีดวัคซีนแก่พนักงานที่ปฏิบัติงานด่านหน้าในระบบคมนาคมขนส่งทั้งหมด ครอบคลุมทั้งทางบก น้ำ ราง และอากาศ เนื่องจากเป็นบุคลากรกลุ่มเสี่ยง และมีโอกาสเป็นผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และอาจจะแพร่ระบาดไปสู่ผู้ใช้บริการอื่นได้

โดยนายศักดิ์สยาม จึงได้นำเสนอให้กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) จัดสรรวัคซีนโควิด-19 เพื่อนำมาฉีดให้กับพนักงานด่านหน้าในระบบการคมนาคมขนส่ง พร้อมทั้งสั่งการให้ทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคมที่ให้บริการการขนส่ง จัดรายชื่อพนักงานด่านหน้าฯ และจำนวน ที่จะต้องเร่งฉีดวัคซีน ก่อนจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 24-31 พ.ค. 2564 ที่สถานีกลางบางซื่อ เพื่อลดการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ลดการแพร่ระบาด และสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนผู้ใช้บริการระบบคมนาคมขนส่ง


รายงานข่าวจากกระทรวงคมนาคม ระบุอีกว่า จากข้อมูลเบื้องต้น พบว่า มีพนักงานด่านหน้าภาคการขนส่ง ทั้งทางบก น้ำ ราง และอากาศของแต่ละหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม ที่จะได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ระยะเร่งด่วน (กลุ่มเสี่ยงสูง) ประมาณ 322,855 คน โดยมีทั้งฉีดวัคซีนที่สถานีกลางบางซื่อ ในวันที่ 24-31 พ.ค. 2564 รวมถึงหน่วยงานนั้นๆ ได้ประสาน สธ. เพื่อไปดำเนินการฉีดแล้ว อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นของจำนวนตัวเลขนั้น อาจมีบางคนไม่ประสงค์จะฉีดวัคซีนรวมอยู่ด้วย

ทั้งนี้ ในส่วนของกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ได้รวบรวมรายชื่อเจ้าหน้าที่ ที่จำเป็นต้องได้รับวัคซีนโควิด-19 ระยะเร่งด่วน ซึ่งประสงค์จะฉีดวัคซีน ในส่วนกลางกรุงเทพมหานคร และสำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-5 ทั้งหมด จำนวน 1,200 คน ได้แก่ 1.ฝ่ายทะเบียน 589 คน 2.ฝ่ายตรวจภาพ 103 คน 3.ฝ่ายใบอนุญาตขับรถ 115 คน 4.กองตรวจการขนส่งทางบก 122 คน และเจ้าที่ด้านงานบริหารและวิชาการ ซึ่งดูแลประชาสัมพันธ์ให้ข้อมูลข่าวสารกับประชาชนที่เข้ามาติดต่อที่สำนักงาน 271 คน

ขณะที่ในส่วนภูมิภาค รวม 3,568 คน ได้แก่ 1.ฝ่ายทะเบียน 982 คน 2.ฝ่ายตรวจภาพ 497 คน 3.ฝ่ายใบอนุญาตขับรถ 636 คน 4.ฝ่ายตรวจการ 81 คน 5.เจ้าหน้าที่ด้านงานบริหารและวิชาการ ซึ่งดูแลประชาสัมพันธ์ให้ข้อมูลข่าวสารกับประชาชนที่เข้ามาติดต่อที่สำนักงาน 1,365 คน นอกจากนี้ เมื่อดูข้อมูลของกลุ่มสถิติการขนส่ง กองแผนงาน ขบ. ถึงจำนวนใบอนุญาตขับรถ และใบอนุญาตผู้ประจำรถ จำแนกตามประเภทใบอนุญาต (ณ วันที่ 30 เม.ย. 2564) จากทั่วประเทศ รวม 280,972 คนแบ่งเป็น ผู้ได้รับใบอนุญาตขับรถยนต์สาธารณะ จำนวน 101,231 คน, ใบอนุญาตขับรถยนต์สามล้อสาธารณะ จำนวน 7,589 คน และใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์สาธารณะ จำนวน 172,152 คน


ด้านองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จำนวน 12,000 คน ซึ่งจะเป็นพนักงานขับรถ พนักงานเก็บค่าโดยสาร และพนักงานประจำท่าปล่อยรถ ส่วนพนักงานของบริษัทขนส่ง จำกัด (บขส.) ในเบื้องต้นมีพนักงานและผู้ประกอบการรถร่วมฯ แจ้งความประสงค์ขอรับการฉีดวัคซีนโควิด-19 แล้วประมาณ 2,800 คน ขณะที่การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) มีพนักงานด่านหน้าฯ จำนวนประมาณ 1,100 คน ส่วนใหญ่จะเป็นพนักงานเก็บค่าผ่านทาง และส่วนอื่นๆ ด้วย

ในส่วนของกรมทางหลวง (ทล.) ได้รวบรวมรายชื่อพนักงาน ที่จำเป็นต้องได้รับวัคซีนโควิด-19 ระยะเร่งด่วน จำนวน 1,002 ราย ซึ่งในจำนวนดังกล่าว เป็นยอดรวมทั้งหมด แต่อาจมีบางคนไม่ประสงค์จะฉีดวัคซีน ได้แก่ 1.ฝ่ายจัดเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทาง จำนวน 775 ราย ประกอบด้วย ผู้จัดการด่าน 16 ราย, รองผู้จัดการด่าน 96 ราย, พนักงานจัดเก็บ 582 ราย, พนักงานควบคุมบัตร 81 ราย 2.หน่วยกู้ภัย จำนวน 145 ราย ประกอบด้วย นักปฏิบัติการกู้ภัย 5 ราย, พนักงานกู้ภัย 140 ราย และ 3.กลุ่มตำแหน่งพนักงานขับรถยนต์ จำนวน 82 ราย

นอกจากนี้ กรมทางหลวงชนบท (ทช.) ได้เสนอรายชื่อพนักงาน ที่จำเป็นต้องได้รับวัคซีนโควิด-19 ไปยังกระทรวงคมนาคมแล้ว เป็นบุคลากรส่วนกลางในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) จำนวน 1,600 คน โดยจะเป็นกลุ่มบุคคลเสี่ยงสูง เนื่องจากมีการสัมผัสกับประชาชนเป็นจำนวนมาก เช่น เจ้าหน้าที่บริเวณด่านชั่งน้ำหนัก, เจ้าหน้าที่หน้าเคาน์เตอร์, เจ้าหน้าที่เดินเอกสาร, พนักงานขับรถ รวมถึงพนักงาน ทช. ที่เดินทางมาปฏิบัติหน้าที่โดยรถขนส่งสาธารณะ เป็นต้น

รายงานข่าวจากกระทรวงคมนาคม ระบุต่ออีกว่า ด้านระบบรถไฟฟ้าของรัฐภายใต้การกำกับดูแลของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) มีกลุ่มเสี่ยงสูง จำนวนประมาณ 1,000 คน โดยในจำนวนดังกล่าว จะรวมพนักงานของบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ที่ปฏิบัติงานในสถานีรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน และสายสีม่วงด้วย ขณะที่การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จำนวน 5,683 คน ประกอบด้วย พนักงานประจำขบวนรถ พนักงานประจำสถานี คนขับรถไฟ และตำรวจรถไฟ ในส่วนบริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด หรือผู้ให้บริการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิ้งก์ จำนวน 700 คน

นอกจากนี้ ภาคการขนส่งทางน้ำนั้น กรมเจ้าท่า (จท.) ที่ดูแลกำกับเรือโดยสาร ได้รายงานว่า มีจำนวนกลุ่มเสี่ยงสูงที่ควรได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 รวมประมาณ 2,312 คน แบ่งเป็น ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ของกรมเจ้าท่าส่วนกลาง จำนวน 1,200 คน ขณะที่ พนักงานเรือคลองแสนแสบ จำนวน 203 คน, พนักงานเรือด่วนเจ้าพระยา จำนวน 184 คน, พนักงานท่าเรือข้ามฟาก จำนวน 143 คนและนักเรียนศูนย์ฝึกพาณิชย์นาวี จำนวน 582 คน

ในส่วนของการขนส่งทางอากาศนั้น กรมท่าอากาศยาน (ทย.) มีพนักงานที่ควรได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 จำนวน 654 คน โดยส่วนใหญ่จะเป็นเจ้าหน้าที่ตรวจอาวุธ เจ้าหน้าที่คัดกรองผู้โดยสาร และประชาสัมพันธ์ ขณะที่บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ระบุว่า จำนวน มีพนักงานของ ทอท. และลูกจ้าง ทอท. ที่เป็นด่านหน้าฯ รวมทั้ง 6 ท่าอากาศยานที่อยู่ในการกำกับดูแล และสำนักงานใหญ่ รวม 8,264 คน แบ่งเป็น พนักงาน 6,250 คน และลูกจ้าง 2,014 คน ทั้งนี้ เมื่อแยกแต่ละท่าอากาศยานนั้น ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ รวม 3,421 คน แบ่งเป็น พนักงาน 2,451 คน ลูกจ้าง 970 คน, ท่าอากาศยานดอนเมือง รวม 1,496 คน แบ่งเป็น พนักงาน 1,088 คน ลูกจ้าง 408 คน

ขณะที่ ท่าอากาศยานภูเก็ต รวม 973 คน แบ่งเป็น พนักงาน 651 คน ลูกจ้าง 322 คน, ท่าอากาศยานเชียงใหม่ รวม 463 คน แบ่งเป็น พนักงาน 310 คน ลูกจ้าง 153 คน, ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย รวม 245 คน แบ่งเป็น พนักงาน 174 คน ลูกจ้าง 71 คน, ท่าอากาศยานหาดใหญ่ รวม 316 คน แบ่งเป็น พนักงาน 266 คน ลูกจ้าง 90 คน และสำนักงานใหญ่ ทอท. รวม 1,359 คน แบ่งเป็น พนักงาน 1,340 คน ลูกจ้าง 19 คน ทั้งนี้ พนักงานและลูกจ้างของ ทอท. ส่วนใหญ่จะเป็นฝ่ายรักษาความปลอดภัย, ฝ่ายดับเพลิงและกู้ภัย, ฝ่ายบริการท่าอากาศยาน, ฝ่ายปฏิบัติการเขตการบิน, ฝ่ายวิศวะและบำรุงรักษา, ฝ่ายมาตรฐานท่าอากาศยายและชีวอนามัย, ฝ่ายบริหารการขนส่งสาธารณะ, ฝ่ายบริหารการขนส่งสินค้าทางอากาศ และฝ่ายไฟฟ้าและเครื่องกล.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์

กทม. 16 ก.ย.-บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เกือบ 5 ล้าน แต่ยายไม่ฟัง ไม่เชื่อว่าโดนหลอก ไล่ตำรวจกลับไป แถมโทรฟ้องมิจฉาชีพว่าตำรวจมากวน สุดท้ายเข้าแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง ตะโกนคุยกับคุณยายวัย 83 ปี ข้ามรั้วประตูบ้าน ว่า อย่าโอนเงินให้มิจฉาชีพอีก หลังธนาคารพบความผิดปกติ เนื่องจากคุณยายถอนเงินออกมาหลายล้านบาท จึงประสานงานไปที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 ให้แจ้งมายังตำรวจนครบาล เพื่อตรวจสอบการโอนเงินของคุณยายโดยด่วน ปรากฏว่า เมื่อตำรวจมาถึงบ้าน คุณยายไม่เชื่อ แถมยังคุยโทรศัพท์กับตำรวจปลอมในมือถือตลอดเวลา แล้วไม่เชื่อว่า ตำรวจที่มาหน้าบ้านเป็นตำรวจจริง จนตำรวจตัวจริงอ่อนใจ ทำได้เพียงแค่ประสานงานผู้นำในชุมชนให้ช่วยดูแลคุณยาย และเตือนเรื่องนี้ ล่าสุดคุณยายมาแจ้งความแล้ว เมื่อวันที่ 13 กันยายน แต่ยังไม่ได้เงินคืน ข้อมูลของตำรวจพบว่า คุณยายโอนเงินไปทั้งหมด 5 ครั้งครั้งแรกวันที่ 3 กันยายน ฝากเงินสดเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง 3.5 ล้านบาทวันที่ 4 กันยายน โอนเงินสดไป 400,000 บาทวันที่ […]

ข่าวแนะนำ

ปิดล้อมกว่า 8 ชม. จับหนุ่มคลั่งควงปืนสงครามขู่ยิง ตร.

ศรีสะเกษ 17 ก.ย. – พ่อค้ายาเสพติดคลุ้มคลั่ง ควงปืนสงคราม AK-47 ขู่ยิงเจ้าหน้าที่ หลังถูกชุดปฏิบัติการ 238 พิทักษ์นครลำดวน สนธิกำลังตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง ปิดล้อมบ้านเป้าหมายพื้นที่ อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ เกลี้ยกล่อมนานกว่า 8 ชั่วโมง สุดท้ายทนแรงกดดันไม่ไหว ยอมวางอาวุธมอบตัวแต่โดยดี เจ้าหน้าที่พยายามใช้ยุทธวิธีเจรจาเกลี้ยกล่อมนายวีระศักดิ์ อายุ 35 ปี มีประวัติพัวพันการค้ายาเสพติด ครอบครองอาวุธสงคราม และยังเป็นบุคคลตามหมายจับของศาลจังหวัดสุรินทร์ ซึ่งวิ่งเข้าไปหลบภายในบ้าน ต.หนองกุง อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ หลังตำรวจแสดงตัวเข้าตรวจค้น เพราะได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านว่าเป็นเครือข่ายค้ายาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่ มีพฤติกรรมอุกอาจ แต่นายวีระศักดิ์กลับวิ่งไปหยิบอาวุธปืนสงคราม AK-47 ออกมาขู่เจ้าหน้าที่ พร้อมตะโกนด้วยเสียงดุดันว่าถ้าเข้ามาจะยิง จากนั้นรีบหลบกลับเข้าไปในบ้าน เจ้าหน้าที่ต้องระดมกำลังทั้งตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง ปิดล้อมบริเวณโดยรอบอย่างแน่นหนา เพื่อป้องกันเหตุร้าย บรรยากาศตึงเครียด เจ้าหน้าที่พยายามใช้ยุทธวิธีเจรจาเกลี้ยกล่อม ทั้งให้พ่อแม่และญาติสื่อสารทางโทรศัพท์ หวังให้ผู้ต้องหายอมมอบตัวแต่ไม่เป็นผล เนื่องจากนายวีระศักดิ์ยังอยู่ในอาการคลุ้มคลั่งจากการเสพยาบ้า ถือปืนพร้อมยิงตลอดเวลา นานกว่า 8 ชั่วโมง […]

ช่องโดนเอาว์เจอ PMN-2 อีก 8 ทุ่น ทบ.ชี้เขมรยังละเมิดข้อตกลง

17 ก.ย.- ทบ. แจงตรวจพบ PMN-2 เพิ่มเติมอีก 8 ทุ่นบริเวณช่องโดนเอาว์ จ.ศรีสะเกษ ชี้กัมพูชายังคงละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ย้ำควรรับผิดชอบและร่วมแก้ไขปัญหาอย่างจริงใจ วันนี้ (17 ก.ย.68) ที่กองบัญชาการกองทัพบก พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่ากองทัพบกได้รับรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 ภายหลังจากที่กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 132 ฐานปฏิบัติการชนะศึก ได้ร่วมกับศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ (TMAC) ปฏิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อเสริมภารกิจด้านความมั่นคงในพื้นที่ช่องโดนเอาว์ ฐานปฏิบัติการชนะศึก อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ วานนี้ (16 ก.ย.68) โดยได้ตรวจพบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลแบบ PMN-2 จำนวน 8 ลูก มีสภาพใหม่ ติดตั้งในลักษณะพร้อมทำงาน ซึ่งทางหน่วยได้ทำการเก็บกู้รื้อถอนและนำเก็บเพื่อรอการทำลายเป็นที่เรียบร้อย สำหรับการตรวจพบระเบิดดังกล่าว เป็นเครื่องยืนยันว่าฝ่ายกัมพูชายังคงมีความพยายามอย่างไม่ลดละในการใช้อาวุธต่อกำลังของฝ่ายไทย ซึ่งถือเป็นการละเมิดต่อข้อตกลงหยุดยิงอย่างชัดเจน และเป็นพฤติกรรมที่สวนทางกับข้อตกลงที่กัมพูชาได้ให้ไว้ในที่ประชุม GBC เมื่อวันที่ 10 ส.ค.68 ที่ผ่านมา ในเรื่องความร่วมมือที่จะดำเนินการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ซึ่งจากนี้กองทัพบกจะนำหลักฐานที่ได้ตรวจพบทั้งหมดในพื้นที่ รวบรวมนำส่งให้ส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อร้องเรียนตามกระบวนการในเวทีสากลต่างๆ ต่อไป รวมทั้งขอความร่วมมือกัมพูชา […]

ไทม์ไลน์เหตุเผชิญหน้า “บ้านหนองหญ้าแก้ว” เขมรป่วนไม่เลิก

17 ก.ย.- เปิดไทม์ไลน์เหตุเผชิญหน้า “บ้านหนองหญ้าแก้ว” เจ้าหน้าที่ใช้แก๊สน้ำตา-กระสุนยาง หลังชาวเขมรชุมนุมประท้วง ก่อความวุ่นวาย ล่าสุดสถานการณ์ทั่วไปอยู่ในความควบคุม แต่กลุ่มชาวกัมพูชายังคงปักหลักใกล้แนวชายแดน.-สำนักข่าวไทย

ทำเนียบฯ เตรียมพร้อมสถานที่รับนายกฯ-ครม.ใหม่

ทำเนียบ 17 ก.ย.- ทำเนียบรัฐบาล เตรียมพร้อมสถานที่รับนายกฯ-ครม.ใหม่ ถ่ายรูปติดบัตร ก่อนถวายสัตย์ปฏิญาณ ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่ทำเนียบรัฐบาลได้จัดเตรียมสถานที่สำหรับถ่ายรูปติดบัตรประจำตัวของคณะรัฐมนตรี ก่อนเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอน และยังมีการตัดแต่งต้นไม้ บริเวณโดยรอบทำเนียบรัฐบาล และตัดหญ้าด้านหน้าตึกไทยคู่ฟ้า เพื่อเตรียมพื้นที่สำหรับการถ่ายรูปหมู่คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ตั้งแต่เมื่อวานนี้ (16 ก.ย.) นอกจากนี้ ยังมีความเคลื่อนไหวที่ตึกบัญชาการ 1 ซึ่งเป็นห้องทำงานของรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่ช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา และวันนี้มีการส่งทีมงานเข้ามาดูห้องทำงานภายในตึกบัญชาการ 1 ด้วย สำหรับตำแหน่งว่าที่รองนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลอนุทิน มีชื่อทั้งหมด 7 คน ได้แก่ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม, นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง, ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข, นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี และนายโสภณ​ ​ซา​รัมย์​ รอง​นายก​รัฐมนตรี​ ขณะที่ตำแหน่งว่าที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี […]