เปิดยอดฉีดวัคซีนบุคลากรด่านหน้า คมนาคม-ขนส่ง มีกว่า 3 แสนคน

กรุงเทพฯ 20 พ.ค.-กระทรวงคมนาคม เปิดตัวเลข “คนด่านหน้า” คมนาคม-ขนส่งทั่วไทย “บก-น้ำ-ราง-อากาศ” กว่า 3.22 แสนคน “ศักดิ์สยาม” เตรียมควง “อนุทิน” ลงพื้นที่สถานีกลางบางซื่อพรุ่งนี้ (21 พ.ค. 64) ตรวจความพร้อมจัดตั้งศูนย์ฉีดวัคซีนโควิด-19 นอกโรงพยาบาล ดีเดย์ทยอยฉีดบางส่วนตามยอดลงทะเบียน 24-31 พ.ค.นี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันพรุ่งนี้ (21 พ.ค. 2564) เวลา 08.30 น. นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม มีกำหนดการลงพื้นที่ตรวจการเตรียมความพร้อมในการจัดตั้งศูนย์ฉีดวัคซีนโควิด-19 นอกโรงพยาบาลที่สถานีกลางบางซื่อ ร่วมกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยคณะกรรมการอำนวยการบริหารศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ คณะกรรมการดำเนินงานฯ ปลัดกระทรวงคมนาคม ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย ผู้บริหารกระทรวงคมนาคม และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมลงพื้นที่ด้วย


สำหรับในการลงพื้นที่ดังกล่าว จะมีการตรวจความพร้อมพื้นที่ ทั้งบริเวณจุดชั่งน้ำหนัก วัดความดัน จุดลงทะเบียน เซ็นใบยินยอม จุดฉีดวัคซีน จุดพักรอสังเกตอาการ 30 นาที ทั้งนี้ ศูนย์ฉีดวัคซีนโควิด-19 นอกโรงพยาบาลที่สถานีกลางบางซื่อนั้น เป็นไปตามนโยบายของนายศักดิ์สยาม ในการเร่งฉีดวัคซีนแก่พนักงานที่ปฏิบัติงานด่านหน้าในระบบคมนาคมขนส่งทั้งหมด ครอบคลุมทั้งทางบก น้ำ ราง และอากาศ เนื่องจากเป็นบุคลากรกลุ่มเสี่ยง และมีโอกาสเป็นผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และอาจจะแพร่ระบาดไปสู่ผู้ใช้บริการอื่นได้

โดยนายศักดิ์สยาม จึงได้นำเสนอให้กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) จัดสรรวัคซีนโควิด-19 เพื่อนำมาฉีดให้กับพนักงานด่านหน้าในระบบการคมนาคมขนส่ง พร้อมทั้งสั่งการให้ทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคมที่ให้บริการการขนส่ง จัดรายชื่อพนักงานด่านหน้าฯ และจำนวน ที่จะต้องเร่งฉีดวัคซีน ก่อนจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 24-31 พ.ค. 2564 ที่สถานีกลางบางซื่อ เพื่อลดการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ลดการแพร่ระบาด และสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนผู้ใช้บริการระบบคมนาคมขนส่ง


รายงานข่าวจากกระทรวงคมนาคม ระบุอีกว่า จากข้อมูลเบื้องต้น พบว่า มีพนักงานด่านหน้าภาคการขนส่ง ทั้งทางบก น้ำ ราง และอากาศของแต่ละหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม ที่จะได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ระยะเร่งด่วน (กลุ่มเสี่ยงสูง) ประมาณ 322,855 คน โดยมีทั้งฉีดวัคซีนที่สถานีกลางบางซื่อ ในวันที่ 24-31 พ.ค. 2564 รวมถึงหน่วยงานนั้นๆ ได้ประสาน สธ. เพื่อไปดำเนินการฉีดแล้ว อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นของจำนวนตัวเลขนั้น อาจมีบางคนไม่ประสงค์จะฉีดวัคซีนรวมอยู่ด้วย

ทั้งนี้ ในส่วนของกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ได้รวบรวมรายชื่อเจ้าหน้าที่ ที่จำเป็นต้องได้รับวัคซีนโควิด-19 ระยะเร่งด่วน ซึ่งประสงค์จะฉีดวัคซีน ในส่วนกลางกรุงเทพมหานคร และสำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-5 ทั้งหมด จำนวน 1,200 คน ได้แก่ 1.ฝ่ายทะเบียน 589 คน 2.ฝ่ายตรวจภาพ 103 คน 3.ฝ่ายใบอนุญาตขับรถ 115 คน 4.กองตรวจการขนส่งทางบก 122 คน และเจ้าที่ด้านงานบริหารและวิชาการ ซึ่งดูแลประชาสัมพันธ์ให้ข้อมูลข่าวสารกับประชาชนที่เข้ามาติดต่อที่สำนักงาน 271 คน

ขณะที่ในส่วนภูมิภาค รวม 3,568 คน ได้แก่ 1.ฝ่ายทะเบียน 982 คน 2.ฝ่ายตรวจภาพ 497 คน 3.ฝ่ายใบอนุญาตขับรถ 636 คน 4.ฝ่ายตรวจการ 81 คน 5.เจ้าหน้าที่ด้านงานบริหารและวิชาการ ซึ่งดูแลประชาสัมพันธ์ให้ข้อมูลข่าวสารกับประชาชนที่เข้ามาติดต่อที่สำนักงาน 1,365 คน นอกจากนี้ เมื่อดูข้อมูลของกลุ่มสถิติการขนส่ง กองแผนงาน ขบ. ถึงจำนวนใบอนุญาตขับรถ และใบอนุญาตผู้ประจำรถ จำแนกตามประเภทใบอนุญาต (ณ วันที่ 30 เม.ย. 2564) จากทั่วประเทศ รวม 280,972 คนแบ่งเป็น ผู้ได้รับใบอนุญาตขับรถยนต์สาธารณะ จำนวน 101,231 คน, ใบอนุญาตขับรถยนต์สามล้อสาธารณะ จำนวน 7,589 คน และใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์สาธารณะ จำนวน 172,152 คน


ด้านองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จำนวน 12,000 คน ซึ่งจะเป็นพนักงานขับรถ พนักงานเก็บค่าโดยสาร และพนักงานประจำท่าปล่อยรถ ส่วนพนักงานของบริษัทขนส่ง จำกัด (บขส.) ในเบื้องต้นมีพนักงานและผู้ประกอบการรถร่วมฯ แจ้งความประสงค์ขอรับการฉีดวัคซีนโควิด-19 แล้วประมาณ 2,800 คน ขณะที่การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) มีพนักงานด่านหน้าฯ จำนวนประมาณ 1,100 คน ส่วนใหญ่จะเป็นพนักงานเก็บค่าผ่านทาง และส่วนอื่นๆ ด้วย

ในส่วนของกรมทางหลวง (ทล.) ได้รวบรวมรายชื่อพนักงาน ที่จำเป็นต้องได้รับวัคซีนโควิด-19 ระยะเร่งด่วน จำนวน 1,002 ราย ซึ่งในจำนวนดังกล่าว เป็นยอดรวมทั้งหมด แต่อาจมีบางคนไม่ประสงค์จะฉีดวัคซีน ได้แก่ 1.ฝ่ายจัดเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทาง จำนวน 775 ราย ประกอบด้วย ผู้จัดการด่าน 16 ราย, รองผู้จัดการด่าน 96 ราย, พนักงานจัดเก็บ 582 ราย, พนักงานควบคุมบัตร 81 ราย 2.หน่วยกู้ภัย จำนวน 145 ราย ประกอบด้วย นักปฏิบัติการกู้ภัย 5 ราย, พนักงานกู้ภัย 140 ราย และ 3.กลุ่มตำแหน่งพนักงานขับรถยนต์ จำนวน 82 ราย

นอกจากนี้ กรมทางหลวงชนบท (ทช.) ได้เสนอรายชื่อพนักงาน ที่จำเป็นต้องได้รับวัคซีนโควิด-19 ไปยังกระทรวงคมนาคมแล้ว เป็นบุคลากรส่วนกลางในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) จำนวน 1,600 คน โดยจะเป็นกลุ่มบุคคลเสี่ยงสูง เนื่องจากมีการสัมผัสกับประชาชนเป็นจำนวนมาก เช่น เจ้าหน้าที่บริเวณด่านชั่งน้ำหนัก, เจ้าหน้าที่หน้าเคาน์เตอร์, เจ้าหน้าที่เดินเอกสาร, พนักงานขับรถ รวมถึงพนักงาน ทช. ที่เดินทางมาปฏิบัติหน้าที่โดยรถขนส่งสาธารณะ เป็นต้น

รายงานข่าวจากกระทรวงคมนาคม ระบุต่ออีกว่า ด้านระบบรถไฟฟ้าของรัฐภายใต้การกำกับดูแลของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) มีกลุ่มเสี่ยงสูง จำนวนประมาณ 1,000 คน โดยในจำนวนดังกล่าว จะรวมพนักงานของบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ที่ปฏิบัติงานในสถานีรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน และสายสีม่วงด้วย ขณะที่การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จำนวน 5,683 คน ประกอบด้วย พนักงานประจำขบวนรถ พนักงานประจำสถานี คนขับรถไฟ และตำรวจรถไฟ ในส่วนบริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด หรือผู้ให้บริการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิ้งก์ จำนวน 700 คน

นอกจากนี้ ภาคการขนส่งทางน้ำนั้น กรมเจ้าท่า (จท.) ที่ดูแลกำกับเรือโดยสาร ได้รายงานว่า มีจำนวนกลุ่มเสี่ยงสูงที่ควรได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 รวมประมาณ 2,312 คน แบ่งเป็น ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ของกรมเจ้าท่าส่วนกลาง จำนวน 1,200 คน ขณะที่ พนักงานเรือคลองแสนแสบ จำนวน 203 คน, พนักงานเรือด่วนเจ้าพระยา จำนวน 184 คน, พนักงานท่าเรือข้ามฟาก จำนวน 143 คนและนักเรียนศูนย์ฝึกพาณิชย์นาวี จำนวน 582 คน

ในส่วนของการขนส่งทางอากาศนั้น กรมท่าอากาศยาน (ทย.) มีพนักงานที่ควรได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 จำนวน 654 คน โดยส่วนใหญ่จะเป็นเจ้าหน้าที่ตรวจอาวุธ เจ้าหน้าที่คัดกรองผู้โดยสาร และประชาสัมพันธ์ ขณะที่บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ระบุว่า จำนวน มีพนักงานของ ทอท. และลูกจ้าง ทอท. ที่เป็นด่านหน้าฯ รวมทั้ง 6 ท่าอากาศยานที่อยู่ในการกำกับดูแล และสำนักงานใหญ่ รวม 8,264 คน แบ่งเป็น พนักงาน 6,250 คน และลูกจ้าง 2,014 คน ทั้งนี้ เมื่อแยกแต่ละท่าอากาศยานนั้น ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ รวม 3,421 คน แบ่งเป็น พนักงาน 2,451 คน ลูกจ้าง 970 คน, ท่าอากาศยานดอนเมือง รวม 1,496 คน แบ่งเป็น พนักงาน 1,088 คน ลูกจ้าง 408 คน

ขณะที่ ท่าอากาศยานภูเก็ต รวม 973 คน แบ่งเป็น พนักงาน 651 คน ลูกจ้าง 322 คน, ท่าอากาศยานเชียงใหม่ รวม 463 คน แบ่งเป็น พนักงาน 310 คน ลูกจ้าง 153 คน, ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย รวม 245 คน แบ่งเป็น พนักงาน 174 คน ลูกจ้าง 71 คน, ท่าอากาศยานหาดใหญ่ รวม 316 คน แบ่งเป็น พนักงาน 266 คน ลูกจ้าง 90 คน และสำนักงานใหญ่ ทอท. รวม 1,359 คน แบ่งเป็น พนักงาน 1,340 คน ลูกจ้าง 19 คน ทั้งนี้ พนักงานและลูกจ้างของ ทอท. ส่วนใหญ่จะเป็นฝ่ายรักษาความปลอดภัย, ฝ่ายดับเพลิงและกู้ภัย, ฝ่ายบริการท่าอากาศยาน, ฝ่ายปฏิบัติการเขตการบิน, ฝ่ายวิศวะและบำรุงรักษา, ฝ่ายมาตรฐานท่าอากาศยายและชีวอนามัย, ฝ่ายบริหารการขนส่งสาธารณะ, ฝ่ายบริหารการขนส่งสินค้าทางอากาศ และฝ่ายไฟฟ้าและเครื่องกล.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

รัฐบาลแถลงยันกัมพูชาละเมิดข้อตกลง ยื่นประท้วง ปธ.อาเซียน-สหรัฐ-จีน

ทำเนียบ 29 ก.ค.-รัฐบาลแถลงยืนยันไทยมีความจริงใจ-หยุดยิงตามข้อตกลง แต่กัมพูชากลับยิงใส่ทหารไทยหลายพื้นที่ จึงได้ประท้วงไปที่ ปธ.อาเซียน-สหรัฐ-จีน ขอประชาชนอย่าเพิ่งกลับบ้าน ให้รอผลยืนยันจากรัฐ พร้อมสดุดีวีรกรรมทหารกล้า ปกป้องอธิปไตยประเทศ-คุ้มครองประชาชน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี อ่านแถลงการณ์ความคืบหน้าการดำเนินการของรัฐบาลต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า รัฐบาลไทยมีความจริงใจ และใช้ความพยายามอย่างยิ่งที่จะยุติสถานการณ์ปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาโดยเร็วที่สุด การเจรจาจนมีข้อตกลงหยุดยิงของทั้ง 2 ฝ่าย โดยยึดถือผลประโยชน์ของประชาชน และยึดถืออำนาจอธิปไตยของประเทศเป็นสำคัญ รวมทั้งชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน และทหารของชาติ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นความหวังร่วมกันของประชาคมโลกที่จะคืนสันติภาพแก่ประชาชาชนทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งรัฐบาลไทยเคารพต่อผลการหารือที่เมืองปูตราจายา ประเทศมาเลเซีย และปฏิบัติอย่างเคร่งครัดเพื่อหยุดยิงตามที่ได้แถลงร่วมกัน แต่ปรากฎข้อเท็จจริงว่า กองกำลังกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยมีการใช้อาวุธยิงต่อกำลังฝ่ายไทยในหลายพื้นที่ ทำให้ทหารฝ่ายไทยต้องตอบโต้อย่างเด็ดขาด และเหมาะสม เพื่อปกป้องอธิปไตยและชีวิตประชาชนผู้บริสุทธิ์ พร้อมกันนี้ รัฐบาลได้ประท้วงไปยังประธานอาเซียน สหรัฐอเมริกา และสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งเป็นสักขีพยานในการเจรจา เพื่อให้ได้รับทราบว่า การละเมิดข้อตกลงนี้เป็นเหตุจากการไม่ซื่อตรง และไม่จริงใจของกัมพูชาอย่างชัดเจน สถานการณ์ในขณะนี้ รัฐบาลมอบหมายให้ทุกเหล่าทัพตรึงกำลัง เพื่อรักษาอธิปไตย และความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่ ไม่ยินยอมให้อธิปไตยไทยถูกล่วงล้ำไม่ว่ากรณีใดๆ อย่างไรก็ตาม เมื่อช่วงสายวันนี้ ได้มีการพูดคุยกันระหว่างแม่ทัพภาคของทั้ง 2 ประเทศ […]

น้ำท่วมชุมชนชายแดนแม่สายเริ่มลด เร่งซ่อมพนังกั้นน้ำ

เชียงราย 29 ก.ค. – น้ำท่วมชุมชนชายแดน อ.แม่สาย เริ่มลดลงแล้ว แต่ยังมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ ทิ้งดินโคลนและเศษขยะไว้มากมาย ด้านข้างสะพานมิตรภาพแม่น้ำสายแห่งที่ 1 จะเห็นว่าน้ำในลำน้ำสายที่กั้นพรมแดนไทย-เมียนมา ลดระดับต่ำกว่าท้องสะพาน กว่า 40 เซนติเมตร หลังระดับน้ำที่จุดวัดบ้านโจตาดาในเมียนมา ที่เป็นต้นน้ำ ลดลงต่ำกว่าตลิ่งแล้ว โดยทหารช่างยังเร่งวางบิ๊กแบ็กที่จุดฟันหลอของพนังกั้นน้ำสาย บริเวณคอสะพาน เพื่อป้องกันน้ำทะลักท่วมซ้ำ ขณะที่ด่านชายแดนไทย-เมียนมา ด้าน อ.แม่สาย ฝั่งท่าขี้เหล็ก เปิดให้ข้ามแดนได้ตามปกติ โดยน้ำสายที่ทะลักเข้าท่วมชุมชนชายแดนแม่สาย ลดลงเกือบทุกพื้นที่ แต่ทิ้งความเสียหายไว้จำนวนมาก อย่างตลาดสายลมจอย ตลาดสินค้าชายแดน ร้านค้าต่างๆ เต็มไปด้วยดินโคลน พ่อค้าแม่ขายในตลาดเริ่มเก็บล้างทำความสะอาดร้านค้ากันบ้างแล้ว อย่างพี่สายพิน บอกว่า เมื่อวานนี้น้ำมาเยอะมาแรง จนกำแพงอาคารที่ใช้เป็นพนังกันน้ำชั่วคราวแตก แต่ทหารช่างอุดไว้ได้ และมีการเก็บสินค้าออกไปล่วงหน้า จึงไม่เสียหายมากนัก จากภาพมุมสูงด้านชุมชนทางฝั่งขวาของสะพานมิตรภาพแม่น้ำสายแห่งที่ 1 อย่างชุมชนเกาะทราย ไม้ลุงขน และชุมชนเหมืองแดง ยังคงมีน้ำท่วมขังอยู่ในบางพื้นที่ อย่างบริเวณห้าแยกเกาะทราย ซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ แต่คาดว่าภายในวันนี้สถานการณ์น่าจะดีขึ้นเรื่อยๆ.-สำนักข่าวไทย

ตร.ไซเบอร์ เชิญชวนคนไทยร่วมโพสต์แชร์ และแสดงพลังออนไลน์

บช.สอท. 29 ก.ค. – ตำรวจไซเบอร์ เชิญชวนคนไทยร่วมโพสต์แชร์ และแสดงพลังออนไลน์ ด้วยข้อความภาษาอังกฤษ พร้อมติด #TruthFromThailand ร่วมกันสื่อสารให้โลกได้รับรู้ว่าเราไม่ได้เริ่ม แต่เราจะไม่ยอมแพ้ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. เปิดเผยถึงกรณีที่สถานการณ์ความตึงเครียดที่เกิดขึ้นในพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา โดยมีรายงานข่าวจากหลายสำนักและบทวิเคราะห์ของนักวิชาการนานาชาติ ที่ชี้ให้เห็นถึงความเชื่อมโยงระหว่างความขัดแย้งดังกล่าวกับปฏิบัติการด้านความมั่นคงทางไซเบอร์ และการปราบปรามเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ขอชี้แจงว่า ภารกิจสำคัญของเราคือ การปกป้องประชาชนไทยจากภัยคุกคามทางเทคโนโลยีทุกรูปแบบ โดยเฉพาะอาชญากรรมที่มีลักษณะเป็นเครือข่ายข้ามชาติ เช่น แก๊งคอลเซ็นเตอร์ เว็บไซต์พนันออนไลน์ เครือข่ายฟอกเงิน โดยจับกุมผู้ต้องหาที่เข้ามาทางด่านสระแก้วจัมผู้ต้องตามหมายจับ 13 ราย เป็นคดีที่หลอกลวงพี่น้องประชาชน อีก 7 ราย มีร้องทุกข์กล่าวโทษในข้อหาหลอกลวงพี่น้องประชาชน และจะมีกลับเข้ามีอีก 200 กว่านายจะเดินทางกับเข้ามา แต่เมื่อ สถานการณ์ไม่น่ากลัวและทราบว่าจะมีการหยุดยิงจึงไม่เดินทางกับ แต่ยังมีการหลอกลวงทั้งในและต่างประเทศ โดยตลอดปีที่ผ่านมากองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ได้ดำเนินการจับกุมและดำเนินคดีต่อเครือข่ายเหล่านี้อย่างจริงจัง ภายใต้กรอบของกฎหมายภายในประเทศ และการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายในต่างประเทศ เพื่อสกัดกั้นเส้นทางการเงิน การดำเนินธุรกิจผิดกฎหมาย และการใช้ประเทศไทยเป็นฐานปฏิบัติการของกลุ่มทุนสีเทา พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวอีกว่า จากการสืบสวนในหลายคดีที่ผ่านมา พบความเชื่อมโยงกับ กลุ่มผู้มีอิทธิพลและนักการเมืองจากประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะในกัมพูชา […]

เปิด 7 ข้อตกลง วงหารือ “กองทัพภาค 2 – กัมพูชา”

29 ก.ค.- กองทัพภาคที่ 2 หารือผู้บัญชาการทางทหารฝ่ายกัมพูชา ก่อนได้ข้อสรุปตกลงร่วมกัน 7 ข้อ พลตรี กิติศักดิ์ ถาวร โฆษกกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยกับทีมข่าวว่า เมื่อช่วงเวลา 10.00 น. ที่ผ่านมา ผู้แทนกองทัพภาคที่ 2 ได้พบปะกับผู้บัญชาการทหารภูมิภาคที่ 4 ของกัมพูชา ในพื้นที่ช่องจอม จ.สุรินทร์ โดยได้หารือและมีข้อตกลงร่วมกัน 7 ข้อ ประกอบด้วย อย่างไรก็ตาม การหารือดังกล่าวใช้เวลาเพียงไม่นาน ก่อนที่รถตู้ของผู้บังคับบัญชาในพื้นที่ฝั่งไทย จะขับออกจากด่านช่องจอมไป -สำนักข่าวไทย