กรุงเทพฯ 20 พ.ค. – หุ้น ADD เปิดเทรดวันแรกที่ 17.30 บาท เพิ่มขึ้น 6.30 บาท (+57.27%) จากราคาขาย IPO ที่ 11.00 บาท/หุ้น
นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ mai ยินดีต้อนรับ ADD เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai ภายใต้กลุ่มบริการในวันนี้ (20 พ.ค. 2564) โดยขอให้ยึดหลักธรรมาภิบาลในการดำเนินงาน เพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน
ทั้งนี้ กลุ่มบริษัทของ ADD ดำเนินธุรกิจเป็นผู้ให้บริการสนับสนุนระบบการให้บริการดิจิทัลคอนเทนต์ (Digital Content Support) และพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (Digital Solution) แก่ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ (โอเปอเรเตอร์) โดยจัดหาและจัดการข้อมูล พัฒนาและดูแลระบบ เพื่อให้การให้บริการดังกล่าวของผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่แก่ผู้ใช้โทรศัพท์เป็นไปอย่างราบรื่น นอกจากนั้นกลุ่มบริษัทยังประกอบธุรกิจสื่อและโฆษณาออนไลน์บนแพลตฟอร์ม (Online Advertising) ของกลุ่มบริษัทเอง
นายชวัล บุญประกอบศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ADD กล่าวว่า รู้สึกยินดีที่ได้การตอบรับอย่างดีจากนักลงทุน โดยวัตถุประสงค์ในการระดมทุนครั้งนี้ เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการขยายการให้บริการระบบที่เป็นความเชี่ยวชาญของกลุ่มบริษัท ในการให้บริการที่หลากหลายรูปแบบมากขึ้น และเพื่อรองรับการขยายจำนวนคู่ค้าทางการตลาดสำหรับธุรกิจให้บริการดิจิทัลคอนเทนต์
ด้านผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 1/2564 บริษัทมีกำไรสุทธิ 26.56 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.02 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 60.6% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 16.54 ล้านบาท จากการขยายการให้บริการดิจิทัลคอนเทนต์ผ่านช่องทางโทรคมนาคม ในขณะที่รายได้จากการให้บริการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศสำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ค่อนข้างคงที่
ส่วนรายได้จากการให้บริการรวมไตรมาส 1/2564 อยู่ที่ 134.75 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 59.28 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 78.6% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน ที่มีรายได้ 75.46 ล้านบาท มาจากการขยายตัวของ 2 ธุรกิจหลัก ประกอบด้วย 1.การให้บริการระบบสนับสนุนดิจิทัลคอนเทนต์ ซึ่งมีการเพิ่มคู่ค้าด้านการตลาดในช่องทางออนไลน์ จึงทำให้เข้าถึงกลุ่มผู้ใช้โทรศัพท์ที่มีความหลากหลายมากขึ้น คิดเป็นสัดส่วนรายได้ 87% ของรายได้รวม และ 2.การให้บริการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ที่มีการขยายการให้บริการโครงการใหม่แก่ลูกค้ากลุ่มผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งทดแทนโครงการเดิมที่มีรายได้ลดลง คิดเป็นสัดส่วนรายได้ 13% ของรายได้รวม
ทั้งนี้วางเป้าหมายผลการดำเนินงานในปี 2564 คาดว่าจะรายได้น่าจะสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปีนี้ เนื่องจากสถานการณ์โควิด -19 ส่งผลให้คนทำงานหรือเรียนที่บ้านมากขึ้น มีการใช้ดิจิทัลคอนเทนต์มากขึ้น ซึ่งบริษัทจะมุ่งพัฒนาคอนเทนต์ที่เข้าถึงและสอดคล้องกับชีวิตประจำวันของผู้บริโภคมากขึ้น ขณะเดียวกันในช่วงครึ่งปีหลังเตรียมเปิดตัวโปรเจ็คใหม่ไม่น้อยกว่า 2 โปรเจ็ค พร้อมมองว่า ธุรกิจเทเลคอมมีโอกาสเติบโตได้อยางดีในอนาคต . – สำนักข่าวไทย