ดีอีเอสยัน นายกฯ ไม่ได้ติดต่อผู้นำทหารเมียนมา

กรุงเทพฯ 17 พ.ค. – รมว. ดีอีเอส ระบุ นายกรัฐมนตรีไม่ได้ติดต่อหารือกับพล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ชี้สื่อญี่ปุ่นรายงานข้อมูลคลาดเคลื่อน เตือนระมัดระวังการเสนอข่าว หวั่นกระทบสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เผยเป็นการปล่อยข่าวของอดีตข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศสายอำนาจเก่าที่หวังดิสเครดิตรัฐบาล


นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เปิดเผยว่า ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม (Anti fake news center) ตรวจสอบข้อมูลกรณีที่สำนักข่าว Nikkei Asia ของญี่ปุ่นนำเสนอว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีติดต่อกับพล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้นำทางทหารของเมียนมา ผ่านช่องทางการติดต่อประตูหลัง (Back door diplomacy) ก็สามารถสื่อสารกันได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องพบปะกัน โดยถูกแชร์ต่อในโซเชียลมีเดียไทยอย่างกว้างขวาง ซึ่งพบว่า มีความคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริง สร้างความสับสนให้ผู้รับข่าวสารอย่างมาก และกังวลว่า เรื่องจะบานปลายจนกระทบถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในหลายมิติ ทั้งนี้ยืนยันว่า ตั้งแต่เกิดสถานการณ์ในประเทศเมียนมา พล.อ.ประยุทธ์ ไม่เคยติดต่อกับ พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ตามช่องทางตามที่สำนักข่าวดังกล่าวนำเสนอ และไม่มีบุคคลระดับสูงที่ใกล้ชิดนายกรัฐมนตรีนำข้อมูลที่เกี่ยวข้องไปบอกกับทางสำนักข่าวต่างชาติอย่างแน่นอน

นายชัยวุฒิ กล่าวต่อว่า นายกรัฐมนตรีไม่มีความจำเป็นต้องติดต่อกันในทางลับกับพล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ตามที่สำนักข่าวญี่ปุ่นนำเสนอ ซึ่งอ้างอิงบุคคลที่เป็นแหล่งข่าวว่า เป็นคนให้ข้อมูล โดยไม่เปิดเผยหรือระบุตัวตนให้ชัดเจน


ทั้งนี้ประเทศไทยและเมียนมาเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่ชายแดนติดต่อกัน มีความสัมพันธ์ที่ดีในทุกด้าน จึงมีกลไกการหารืออย่างเป็นทางการระหว่างกันในหลายระดับอยู่แล้ว ซึ่งไม่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ส่วนตัวระหว่างพล.อ.ประยุทธ์และพล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่ายแต่อย่างใด ที่ผ่านมานายกรัฐมนตรียืนยันในหลายวาระแล้วว่า การแก้ไขปัญหาของเมียนมาถือเป็นกิจการภายใน โดยไทยมีจุดยืนต่อสถานการณ์ในเมียนมา ตามกลไกการแก้ปัญหา ดังนั้นการนำเสนอเรื่องที่ละเอียดอ่อนควรระมัดระวังและรับผิดชอบให้มากกว่านี้ เพราะอาจเกิดผลกระทบในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศได้

นายชัยวุฒิยังกล่าวด้วยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า แหล่งข่าวที่สำนักข่าวญี่ปุ่นอ้างอิงนั้น เป็นอดีตข้าราชการในกระทรวงการต่างประเทศไทย เป็นคนของกลุ่มอำนาจเก่าและมีจุดยืนอยู่ตรงข้ามรัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ อยู่แล้ว แต่กลับอ้างว่าเป็นแหล่งข่าวระดับสูงในสำนักนายกรัฐมนตรีปัจจุบัน ซึ่งไม่เป็นความจริง แต่เป็นความพยายามดิสเครดิตรัฐบาลไทย. – สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทีมกู้ภัยเดินหน้าค้นหาผู้สูญหายแผ่นดินไหวเมียนมา

ทีมกู้ภัยยังเดินหน้าค้นหาผู้สูญหายจากเหตุแผ่นดินไหวในเมียนมา แม้จะผ่านมา 4 วันแล้ว จนกลิ่นศพเริ่มคละคลุ้งไปทั่ว ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตใกล้แตะหลัก 3,000 ราย

ตึกถล่มพบเสียชีวิตเพิ่ม

พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม 5 ราย ทีมกู้ภัยเร่งกู้ร่าง

พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม 5 ราย ในพื้นที่โซน B และโซน C มีซากอาคารถล่มทับร่างอยู่ ทีมกู้ภัยเร่งกู้ร่างและค้นหาผู้สูญหายใต้ซากอาคารต่อเนื่อง

ข่าวแนะนำ

ตึกถล่ม

ปูพรมค้นหาทุกจุด ตึก สตง.ถล่ม

ปฏิบัติการปูพรมทุกจุด ค้นหาผู้สูญหายตึก สตง.ถล่ม ได้กลิ่นค่อนข้างแรง พบลักษณะคล้ายน้ำเหลืองและคราบเลือดในโซน B แต่ก็ยังไม่สามารถทลายปูนและตัดเหล็กเข้าไปได้

ไทยตอนบนอากาศร้อนและร้อนจัดบางพื้น มีฝนฟ้าคะนอง

กรมอุตุฯ รายงานไทยตอนบนอากาศร้อน และร้อนจัดบางพื้นที่บริเวณภาคเหนือและภาคกลาง ฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนภาคใต้มีฝนฟ้าคะนอง

“อนุทิน” เผยยังไม่สรุปสาเหตุตึก สตง.ถล่ม ต้องรอตรวจสอบเชิงลึก

“อนุทิน” ระบุยังไม่สรุปสาเหตุตึก สตง. ถล่ม บอกต้องรอตรวจสอบเชิงลึก ชี้สภาพหน้างานตอนนี้ยังเก็บหลักฐานไม่ได้ อยู่ระหว่างกู้ภัย คาดใช้เวลาอีกเป็นเดือน

คุมตัวผัวเมียชิงทอง 8 บาท ย่านบางพลี ทำแผนฯ

ตำรวจคุมตัวสามีภรรยา ชี้จุดทำแผนประกอบคำรับสารภาพ หลังร่วมกันก่อเหตุชิงทอง 8 บาท ร้านทองย่านบางพลี จ.สมุทรปราการ อ้างต้องการเงินไปเป็นเจ้าภาพงานบุญผ้าป่า หลังสัญญากับทางวัดไว้