กรุงเทพฯ 13 พ.ค. –หุ้นไทยช่วงบ่ายดิ่งแรง ลดลง 70 จุด ก่อนฟื้นตัวมาปิดที่ติดลบ 23 จุด กังวลเงินเฟ้อสหรัฐ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลาดหุ้นไทยช่วงบ่ายวันนี้ มีแรงขายหนาแน่น และดัชนีดำดิ่งไปต่ำสุดประมาณ 70 จุด เข้าใกล้ 1,500 จุด ก่อนดีดกลับมา แรงขายทุกกลุ่มในลักษณะ Panic Sell หลังหลุดแนวรับสำคัญที่ 1,530 จุด ปิดตลาดติดลบ 23.72 จุด ดัชนีปิดที่ 1,548.13 จุด มูลค่าซื้อขาย143,710 ล้านบาท
นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ให้ความเห็นว่า นักลงทุนปรับพอร์ตเพื่อลดความเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง หลังจากตลาดหุ้นยุโรปเปิดมาติดลบตามทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐร่วงแรงจากความกังวลผลกระทบจากอัตราเงินเฟ้อที่ออกมาสูงกว่าคาดการณ์มาก
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า เป็นการปรับลงตามภูมิภาค และหลุดแนวรับสำคัญทางเทคนิค ก็เกิด panic sell เกิดการเปลี่ยนมือแล้ว force sell แล้วดึงกลับมา
นายชัยยศ จิวางกูร ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรี กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลงในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่ติดลบ จากความกังวลตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐออกมาสูงมากกว่าคาด ทำให้วิตกธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและลดการใช้วงเงิน QE ลงเร็วกว่าคาด ทำให้ตลาดหุ้นมีความผันผวน นักลงทุนเกิดความกังวลจึงขายปรับลดพอร์ตลงทุนก่อน เพราะปริมาณเงินลงทุนในระบบมีโอกาสลดลง ในขณะที่บ้านเราก็มีความกังวลสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19
นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยช่วงบ่าย เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียวันนี้ต่างปรับตัวลง และตลาดในยุโรปเทรดบ่ายนี้ก็ปรับตัวลงราว 1.8-1.9% จากความกังวลตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐที่สูงขึ้นมาก ทำให้ Sentiment ภาพรวมของสินทรัพย์เสี่ยงต่างปรับตัวลง ซึ่งหุ้นไทยก็ปรับตัวลงไปด้วย
นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) มองว่าเป็นการปรับตัวลดลงตามตลาดหุ้นในต่างประเทศ จะเห็นได้จากตลาดหุ้นทั่วโลกต่างปรับตัวลดลง –สำนักข่าวไทย