กรุงเทพฯ 11 พ.ค.-ปตท.ยังคาดดีมานด์ก๊าซปีนี้ใกล้เคียงปี 62 แม้จะเจอโควิด-19 ระลอก 3 ประเมินยอดนำเข้าแอลเอ็นจีในตลาดเสรี ปีนี้ ราว 0.8-1.3 ล้านตัน พร้อม เดินหน้า “Regional LNG Hub” และหารายยได้เสริม ขายไอศครีมกะทิสด ร้าน ฮารูมิกิ และติดตั้งสถานีชาร์จยานยนต์ EV ในปั้ม NGV รองรับ EV Taxi
นายวุฒิกร สติฐิต รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจก๊าซธรรมชาติ บมจ.ปตท. คาด ความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติในปีนี้จะใกล้เคียงกับปี 62 ที่ประมาณ 4,800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ส่วนไตรมาส 1/64 ความต้องการอยู่ที่ประมาณ 4,600 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน โตกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วประมาณร้อยละ 7-8 ซึ่งจากโควิด-19 ระลอก 3 ที่กำลังระบาดนี้ ทาง ปตท.กำลังประเมินผลว่าจะกระทบเท่าใด โดยในส่วนของร้านค้า ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว อาจกระทบบ้าง แต่ยอดใช้ไฟฟ้าของโรงงานส่งออกยังโตได้ดีตามเศรษฐกิจโลกทำให้ความต้องการก๊าซทั้งผลิตไฟฟ้าและใช้เพื่อเป็นเชื้อเพลิงในโรงงานอุตสาหกรรมยังมีปริมาณสูง
ทั้งนี้ ปตท.ประเมินว่า ประเทศไทยมีความต้องการนำเข้าแอลเอ็นจีราว 6-6.5 ล้านตันในปีนี้ ดังนั้น หากหักออกจากสัญญาระยะยาว 5.2 ล้านตันที่ ปตท.นำเข้าแล้วก็ว่าจะเป็นการเปิดทางให้ผู้นำเข้าอื่นๆตามแนวทางเปิดเสรีนำเข้าได้ ปีมาณ 0.8-1.3 ล้านตัน แต่จะเป็นปริมาณที่ชัดเจนเท่าใดขึ้นอยู่กับคณะทำงานของกระทรวงพลังงาน ที่มีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ( กกพ.) ร่วมพิจารณา โดยปัจจุบัน ราคา Spot LNG ส่งมอบเดือนมิ.ย.นี้ ปรับเพิ่มขึ้นอยู่ที่ประมาณ 10 ดอลลาร์ต่อล้านบีทียู
ในขณะที่ความร่วมมือกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) นำเข้าแอลเอ็นจี มาใช้ในภาคกลางและภาคใต้ ก็กำลังหารือกันอย่างต่อเนื่อง โดยในส่วนของภาคใต้ก็จะนำมาใช้ป้อนโรงไฟฟ้าสุราษฎร์ธานี 1,400 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าขนอม ซึ่งคาดว่าจะมีการนำเข้าราว 3-5 ล้านตันต่อปี
นายวุฒิกร กล่าวถึงถึงการดำเนินงานของ ปตท. ภายใต้นโยบายส่งเสริมการแข่งขันในธุรกิจก๊าซธรรมชาติ และการพัฒนา Regional LNG Hub ว่า มีการการดำเนินการทดสอบด้านเทคนิคเรียบร้อยแล้ว และจะเข้าสู่กระบวนการเชิงพาณิชย์ต่อไป ซึ่งจะมีการส่งออกทั้งส่วนการส่งออกทางเรือก และทางรถด้วยระบบ ISO THANK ในต่างประเทศ ซึ่งมีการทดสอบตลาดไปยังจีน และพร้อมจะส่งออกไปเพื่อนบ้าน เช่น กัมพูชา แต่ทั้งนี้ยังติดปัญหาเรื่องโรคโควิด-19 ก็ทำให้การติดต่อล่าช้า โดยในตลาดจีนทาง ปตท.ก็พร้อมร่วมมือกับ SGP หรือ บริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด (มหาชน).ในการส่งออก
สำหรับการลงทุน โครงสร้างพื้นฐานธุรกิจก๊าซเพิ่มเติมในปีนี้ เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ ได้แก่ การก่อสร้างโรงแยกก๊าซธรรมชาติแห่งใหม่(แห่งที่ 7)เพื่อทดแทนโรงแยกก๊าซ แห่งที่1 คาดว่า มูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท ตามแผนคาดว่า จะก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2566-2567 โครงการระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติบนบกจากบางปะกงไปโรงไฟฟ้าพระนครใต้เพื่อรองรับโรงไฟฟ้าตามแผน PDP2018 (Rev.1) มูลค่าประมาณ 11,000 ล้านบาท ตามแผนคาดว่า จะก่อสร้างเสร็จในปี 2568 ขณะที่โครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างยังเป็นไปตามแผน ได้แก่ โครงการ LNG Terminal 2 (หนองแฟบ) รองรับก๊าซธรรมชาติเหลว(LNG) มูลค่าประมาณ38,500 ล้านบาท จะแล้วเสร็จตามแผนในปี 2565 และการก่อสร้างโครงการท่อส่งก๊าซเส้นที่ 5 มูลค่าประมาณ 17,207 ล้านบาท ขณะนี้ได้เริ่มทดสอบนำก๊าซฯส่งผ่านท่อฯแล้ว
นายวุฒิกร ยังได้เผยถึง การปรับรูปแบบสถานีบริการ NGV ว่า เนื่องจากกระแสยานยนต์ไฟฟ้า(EV) กำลังมา ประกอบกับรัฐมีนโยบายส่งเสริมให้ใช้รถ EV ทางปตท. จึงได้เพิ่มสถานีชารจ์รถ EV ในสถานีบริการ NGV เพื่อตอบโจทย์กลุ่มผู้ใช้รถเหล่านี้ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ใช้รถแท็กซี่ ที่เป็นลูกค้าอยู่แล้ว ซึ่งปัจจุบันผู้ประกอบการรถแท็กซี่ ได้เริ่มปรับเป็น EV Taxi บ้างแล้ว โดยการปรับรูปแบบจะเริ่มที่สถานีกำแพงเพชร2 เป็นที่แรก นอกจากสถานีชารจ์รถ EV แล้ว ยังจะมีการเพิ่มสินค้าและบริการอื่นๆ ที่เป็นผลิตภัณฑ์ของ ปตท. เช่น ร้านไอศรีมสถานีกะทิสด สถานีเปลี่ยนแบตเตอรี่รถจักรยานยนต์
ตั้งเป้าระยะแรกจะปรับรูปแบบสถานี NGV ในกรุงเทพและปริมณฑลก่อน 10 สถานี โดยจะมีทั้งรูปแบบที่ปตท.เป็นผู้ลงทุนเอง และเปิดให้พันธมิตรร่วมลงทุน คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ไตรมาส 3 ปีนี้ ในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล ก่อนขยายการติดตั้งเพิ่มเติมในปั๊ม NGV ต่อไป โดยปัจจุบัน ปตท.มีปั๊มNGV ทั่วประเทศประมาณ 300-400 แห่ง
ส่วน Harumiki house ที่เป็นร้านจำหน่ายเครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์จากสตรอว์เบอร์รี่ ขนม รวมถึง Hand cream จากกลิ่นสตรอว์เบอร์รี่ที่ปลูกในโรงเรือนติดตั้งระบบความเย็นควบคุมอุณหภูมิ สาขาแรกจะเปิดให้บริการที่ ปตท. สำนักงานใหญ่ภายในกลางปีนี้ และมีแผนจะเปิดสาขา2 ที่ปั๊ม พีทีที สเตชั่น สาขามาบข่า จ.ระยอง ก่อนขยายผลต่อไป และได้จัดโปรโมชั่น โหลด Application Harumiki และสั่งสินค้า ภายใน 31 พ.ค. 2564 จะได้รับส่วนลด 300 บาทและบริการส่งฟรี -สำนักข่าวไทย