คลังแจง “คนละครึ่ง-ยิ่งใช้ยิ่งได้” เริ่มใช้เงินครึ่งปีหลัง

กรุงเทพฯ 7 พ.ค.- คลังแจงโครงการ “คนละครึ่ง – ยิ่งใช้ยิ่งได้” เริ่มใช้เงินครึ่งปีหลัง เปิดทางให้กลุ่ม “เราชนะ” เลือกเข้าร่วมหนึ่งโครงการ เตรียมเสนอ ครม.เร็วๆ นี้ หวังเยียวยาครอบคลุมประชาชนกว่า 51 ล้านคน คาดกระตุ้นเศรษฐกิจดันจีดีพีโต 2.3-2.8% ในปี 64

นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า การช่วยเหลือเยียวยาผู้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ครอบคลุม 51 ล้านคนผ่านหลายโครงการ สำหรับมาตรการเร่งด่วน กระทรวงการคลัง เตรียมเสนอ ครม. ในวันที่ 11 พ.ค.นี้ พิจารณา รายละเอียดการขยายเวลาเป็นโครงการต่อเนื่อง ทั้งเราชนะ จำนวน 33.5 ล้านคน ได้รับเงินงวดแรก 21 พ.ค. งวดสอง 28 พ.ค.ส่วนกลุ่มม.33 เรารักกัน กลุ่มเป้าหมาย 9.27 ล้านคน ได้รับเงินงวดแรก 24 พ.ค. งวดสอง 31 พ.ค. ทั้งสองกลุ่ม ได้รับเงินเพิ่มให้สัปดาห์ละ 1,000 บาท รวมคนละ 2,000 บาท เพื่อใช้จ่ายในช่วงเดือนพฤษภาคมต่อเนื่องถึงสิ้นเดือนมิถุนายน 64 โดยผู้อยู่ในโครงการ เราชนะ และม.33 เรารักกัน ยังสามารถเข้าร่วมโครงการ ทั้งคนละครึ่ง เฟส 3 และ ยิ่งใช้ยิ่งได้ ซึ่งเป็นมาตรการเพิ่มเติมในครึ่งปีหลัง


โฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวเพิ่มเติมว่า เมื่อสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 คลี่คลาย ในสัปดาห์ถัดไปภายในเดือนพฤษภาคม เตรียมเสนอ ครม.พิจารณา มาตรการอื่นเพิ่มเติมโดยใช้เงินจาก พ.ร.ก.เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท เริ่มใช้ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม-ธันวาคม 2564 ประกอบด้วย

1.มาตรการช่วยเหลือผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ เพื่อเติมเงินให้กลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ จำนวน 13.65 ล้านคน และกลุ่มเประบางต้องการความช่วยเหลือพิเศษ จำนวน 2.5 ล้านคน ได้รับเงินช่วยเหลือเพิ่มอีก 200 บาท/เดือน เป็นระยะเวลา 6 เดือน รวมเป็นเงิน 1,200 บาท เร่ิมตั้งแต่เดือนกรกฎาคม-ธันวาคม 64


2.มาตรการช่วยเหลือผ่านโครงการ “คนละครึ่ง เฟส 3” หวังช่วยเหลือประชาชน กลุ่มเป้าหมาย 31 ล้านคน จากเดิมมีประชาชนลงทะเบียน ร่วมโครงการมาแล้ว 15 ล้านคน รัฐบาลจะดึงฐานข้อมูลเดิม แต่ต้องให้ผู้ร่วมโครงการ คนละเครึ่ง ยืนยันตัวตน ผ่าน “แอ็ปเป๋าตัง” อีกครั้ง เพราะบางคนอาจเปลี่ยนใจเลือกเข้าร่วมโครงการของรัฐ คือ โครงการ “ยิ่งใช้ ยิ่งได้” โดยต้องเลือกเข้าร่วมโครงการเพียงหนึ่งโครงการ เมื่อเสนอ ครม.พิจาณาแล้ว เตรียมเปิดให้ลงทะเบียนใหม่เพิ่มอีก 16 ล้านคน เพื่อรับเงินเยียวยา 3,000 บาท ส่วนกลุ่มเดิมจะได้รับเงินโดยอัตโนมัติ เพื่อใช้จ่ายคนละครึ่ง ไม่เกินวันละ 150 บาท รัฐสมทบไม่เกิน 150 บาท ใช้เงินจนครบ 3,000 บาท ในครึ่งปีหลัง กลุ่มคนที่อยู่ใน “เราชนะ” ยังมาเข้าร่วมโครงการได้ เพราะมาตรการ “เราะชนะ” หมดอายุไปแล้วในเดือนมิถุายน เริ่มใช้เงิน ก.ค.-ธ.ค.64

3.มาตรการส่งเสริมการใช้จ่ายสำหรับผู้มีรายได้ปานกลาง รายได้สูง ผ่านโครงการ “ยิ่งใช้ ยิ่งได้” กลุ่มเป้าหมาย 4 ล้านคน เพื่อต้องการให้กลุ่คนมีรายได้ มีส่วนร่วมการกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านการใช้จ่ายกับผู้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม เมื่อเข้าร่วมโครงการแล้ว ยิ่งใช้จ่ายมาก ผ่านแอปเป๋าตัง จะได้รับสิทธิ์คืนเงินส่วนลดเพิ่มขึ้นตามสัดส่วนร้อยละ 10-15 ได้รับเงินส่วนลดคืนในเดือนถัดไป ผ่าน E-Voucher สูงสุดไม่เกิน 7,000 บาทต่อคน โดยกำหนดยอดใช้จ่ายเพื่อคืนส่วนลดเป็น E-Voucher ไมเ่กิน 5,000 บาทต่อคนต่อวัน เช่น หากใช้จ่ายผ่านร้านค้า 10,000 บาท จะได้รับคืนส่วนลดร้อยละ 10 เข้าไปใน “แอ็ปเป๋าตัง” ในเดือนถัดไป จำนวน 500 บาท หากใช้จ่ายวงเงิน 10,000-40,000 บาท ได้รับส่วนลดคืนร้อยละ 15 เป็นเงินE-Voucher ประมาณ 3,000 บาท หากใช้จ่าย 50,000-70,000 บาท ได้รับส่วนลดคืนร้อยละ 20 หรือไม่เกิน 7,000 บาทต่อคน

รัฐบาลหวังส่งเสริมผู้มีรายได้ปานกลาง รายได้สูงเข้าร่วมโครงการ “ยิ่งใช้ ยิ่งได้” เพื่อใช้ซื้อสินค้าผ่านผู้ประกอบการ เข้าร่วมโครงการ เริ่มใช้เงิน ก.ค.-ธ.ค.64 โดยห้ามนำเงินไปซื้อสลาก สุรา ยาสูบ น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ ค่าบริการนำเที่ยว ค่าที่พัก ค่าตั๋วเครื่องบิน เพราะได้ช่วยเหลือผ่านมาตรการอื่นไปแล้ว กำหนดคุณสมบัติ เป็นคนไทยอายุ 18 ปีขึ้นไป มีบัตรประชาชน ไม่ใช่กลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ กลุ่มเปราะบาง กลุ่มคนละครึ่ง คาดเงินหมุนเวียนไปสู่ระบบเศรษฐกิจจากทุกโครงการกว่า 4 แสนล้านบาท ผลักดันจีดีพีให้ขยายตัวร้อยละ 2.3-2.8 .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย

กทม. 18 ก.ย.-เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย คาดไฟฟ้าลัดวงจรและลุกลามไปยังห้องข้างเคียง ไม่พบผู้บาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรง เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 18 ก.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุห้องอาหาร 50 จากตู้ควบคุมวงจรไฟฟ้ามีเพลิงไหม้ (ไฟฟ้าลัดวงจร) และลุกลามไปยังพื้นที่ข้างเคียงตึกกองบัญชา บกทท. บริเวณชั้น6 ข้างห้อง เสธนาธิการทหาร เจ้าหน้าที่เวรยาม และสารวัตรทหาร ได้ช่วยกันใช้ถังดับเพลิงในการดับเพลิงแต่ไม่สามารถเข้าถึงต้นเพลิงในการระงับดับไฟได้ จึงได้ประสานรถตับเพลิงและขอส่วนสนับสนุนรถดับเพลิง นทพ. มาช่วยในการระดับดับเพลิง โดยมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เข้าตรวจสอบและดำเนินการระงับเหตุในทันที เบื้องต้นสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น คาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ทั้งนี้ ยังไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรงต่อโครงสร้างอาคารแต่อย่างใด กองบัญชาการกองทัพไทย ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างใกล้ชิด และจะรายงานความคืบหน้าให้ประชาชนและสื่อมวลชนรับทราบต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ

กทม. 18 ก.ย.-โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ ขณะ “นายกฯ หนู” ยังนั่งดินเนอร์อาหารอีสานอย่างสบายใจ ท่ามกลางข่าวลือ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 17 ก.ย. มีกระแสข่าวลือว่ากระบวนการทูลเกล้าฯ รายชื่อคณะรัฐมนตรี ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี มีปัญหา ถูกตีกลับ เนื่องจากพบรายชื่อว่าที่รัฐมนตรีบางคน ติดปัญหาคุณสมบัตินั้น ล่าสุด แหล่งข่าว ยืนยันว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรี ที่นำทูลเกล้าฯไปนั้น ไม่ได้มีปัญหาแต่ย่างใด ทุกอย่างลงตัวเรียบร้อยตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมาแล้ว โดยเรื่องคุณสมบัติ ได้ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามาแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในช่วง ค่ำวันนี้ (17 ก.ย.) ปรากฏภาพ นายอนุทิน นั่งรับประทานอาหารอีสานอย่างสบายใจ ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งกับคนใกล้ชิด ท่ามกลางข่าวลือที่เกิดขึ้น.-319.-สำนักข่าวไทย

“รังสิมันต์” เบรกกัมพูชากลางวง AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนปมเปิดด่าน

มาเลเซีย 17 ก.ย.- “รังสิมันต์” เบรกกัมพูชา กลางวงประชุม AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนประเด็นขัดแย้งไทย-กัมพูชา หารือปมเปิดด่าน หวั่นเป็นประเด็นการเมือง-ละเอียดอ่อน ชี้ มีกระบวนการ IOT และ GBC อยู่แล้ว นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะผู้แทนรัฐสภาไทยในการประชุมคณะกรรมการบริหาร AIPA กล่าวถึงข้อเสนอของกัมพูชาผ่านเวที AIPA ว่าเป็นการเสนอในระยะเวลากระชั้นชิดเป็นช่วงสุดท้าย ที่เปิดให้ประเทศสมาชิกเสนอวาระเร่งด่วนได้ ดังนั้นทีมไทยแลนด์ที่นำโดยนายฉลาด ขามช่วง เมื่อทราบ ข้อเรียกร้องของกัมพูชาจึงได้เตรียมการในเรื่องนี้ ซึ่งจากเดิมได้เรียกร้อง 2 ข้อ คือ 1. เรื่องเฉลยศึก ที่ทหารกัมพูชาถูกควบคุมตัว ในช่วงเวลาที่มีการปะทะ และ 2. เรื่องการเปิดด่านชายแดน แต่ท้ายที่สุดทางกัมพูชากลับเรียกร้องบนเวที AIPA เพียงเรื่องการเปิดด่านชายแดนเท่านั้น จึงรู้สึกแปลกใจว่าทำไมถึงหยิบยกมาเพียงเรื่องนี้ ในเมื่อกระบวนการของคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว หรือ IOT ผ่านไป และค่อนข้างราบรื่น ดังนั้นการหยิบยกประเด็นดังกล่าวมาพูดคุยอีกครั้ง จากการแก้ปัญหาแบบทวิภาคี ระหว่างไทย และ […]

แม่ใจสลาย รับร่างลูกสาววัย 2 เดือนถูกพิตบูลขย้ำ ส่งชันสูตร

อุทัยธานี 17 ก.ย. – ครอบครัวเศร้า ติดต่อรับร่างลูกสาววัย 2 เดือน ส่งชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิต หลังถูกสุนัขพิตบูลลากไปขย้ำหัว ขณะแม่ไปเก็บของเก่าภายในโรงสี เจ้าของคาดเข้าใจผิดคิดว่าเป็นของเล่น นายฉัตรมงคล สุวรรณเศรษฐ์ เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุทัยธานี พร้อมด้วยมารดาของ ด.ญ.กัญญาภัทร อายุเพียง 2 เดือน ผู้เสียชีวิตจากการถูกสุนัขพันธุ์พิตบูลกัด รวมถึงญาติ เดินทางไปรับศพที่โรงพยาบาลหนองฉาง จ.อุทัยธานี ก่อนนำร่างส่งชันสูตร หาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้งที่โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์ ทั้งนี้ เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลา 15.00 น. วานนี้ (16 ก.ย.) ที่โรงรถของบ้านหลังหนึ่ง พื้นที่ หมู่ 15 บ้านโรงสีใหม่ ต.ทุ่งโพ อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี โดยเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบร่างเด็กน้อย อยู่บริเวณรางระบายน้ำ เจ้าของบ้านนำร่างเด็ก ส่งโรงพยาบาลไปก่อนหน้านี้ แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยที่เกิดเหตุ ยังพบคราบเลือดและร่องรอยลากยาวราว 6 เมตร ไปถึงรางระบายน้ำ นอกจากนี้ ยังพบรถเข็นเด็ก พร้อมของเล่น […]

ข่าวแนะนำ

รวบยกแก๊ง 4 ชาวอังกฤษขับรถชิงทรัพย์ชาวอเมริกัน

ภูเก็ต 19 ก.ย. – วานนี้มีเหตุอุกอาจกลางเมืองภูเก็ต กลุ่มชายฉกรรจ์ขับรถชนรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายก่อนลงไปชิงนาฬิกาหรู มูลค่ากว่า 2 ล้าน เช้านี้ตำรวจรวบผู้ก่อเหตุได้ครบ เชื่อวางแผนทำกันเป็นขบวนการ.-สำนักข่าวไทย

ไทยยึดหลักสากล จัดการปมบ้านหนองหญ้าแก้ว

กระทรวงการต่างประเทศ 19 ก.ย.- “อนุทิน” แจงประธานอาเชียน เหตุบ้านหนองหญ้าแก้ว ไทยยืนยันยึดหลักสากล จัดการปัญหา กัมพูชาขัดข้อตกลงหยุดยิง ใช้ประชาชนเป็นโล่มนุษย์ ไร้มนุษยธรรม ไม่สร้างสรรค์ บิดเบือนข้อเท็จจริง พร้อมเรียกร้องกัมพูชาแสดงความจริงใจในการแก้ปัญหา นายนิกรเดช พลางกูล อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะในพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ที่มีการรื้อถอนสิ่งกีดขวางของฝ่ายไทย และมีการปะทะจนมีเจ้าหน้าที่ไทยได้รับบาดเจ็บ ซึ่งถือเป็นการทำผิดกฎหมายไทยหลายมาตรา โดยย้ำว่าที่ผ่านมาฝ่ายไทยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัดทุกประการมาโดยตลอด ข้อตกลงนี้เป็นหมุดหมายสำคัญที่จะปูทางไปสู่สันติภาพ แม้สถานการณ์สงบลง แต่กัมพูชายังยั่วยุในรูปแบบต่างๆ ซึ่งขัดข้อตกลงหยุดยิง พร้อมย้ำว่าการวางเครื่องกีดขวางเสริมความมั่นคง เป็นการดำเนินการในอธิปไตยของไทยอย่างชัดเจน โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยอดกลั่น และใช้เวลาชี้แจงกับประชาชนกัมพูชา แต่ไม่เป็นผล ที่สุดเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนของไทยต้องเข้าระงับเหตุตามหลักสากล ตามหลักมนุษยชนการปลุกระดมให้ประชาชนมาเป็นโล่มนุษย์ ขัดกฎหมายระหว่างประเทศ ไร้มนุษยธรรม ขาดความรับผิดชอบ ไม่สร้างสรรค์ และไม่ยึดถือประโยชน์และความปลอดภัยของประชาชนเป็นที่ตั้ง นอกจากนี้ ทั้ง 2 ประเทศให้คำมั่นหยุดยิงไปแล้ว แต่กัมพูชาเลือกเส้นทางจากต่างไทยโดยสิ้นเชิง ไทยมุ่งมั่นแสวงหาสันติภาพ ซึ่งต่างจากกัมพูชาที่แสวงหาความรุนแรง การวางรั้วลวดหนามของฝ่ายไทย เป็นไปเพื่อป้องกันการปะทะ และเพื่อสร้างความปลอดภัยของประชาชนทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ และเหตุความรุนแรงอาจนำไปสู่การสูญเสีย […]

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

“คุณหญิงกัลยา” ลาออกสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์

กทม. 19 ก.ย.- “คุณหญิงกัลยา” ลาออกสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ขอบคุณสำหรับโอกาสที่ผ่านมา คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช ประกาศลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ โดยระบุว่า “ข้าพเจ้า คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช ขอเรียนแจ้งความประสงค์ในการลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ตลอดเวลาที่ผ่านมาในการที่ข้าพเจ้าได้เป็นส่วนหนึ่งของพรรค ข้าพเจ้าได้รับเกียรติและประสบการณ์อันทรงคุณค่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการที่ข้าพเจ้าได้มีโอกาสร่วมผลักดันนโยบายด้านวิทยาศาสตร์ การศึกษา และการสร้างโอกาสให้เยาวชนประสบความสำเร็จ รวมถึงการขับเคลื่อนโครงการบริหารจัดการน้ำโดยชุมชนตามแนวพระราชดำริ เพื่อแก้จน แก้หลาก และแก้แล้ง อันช่วยให้พี่น้องเกษตรกรมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งล้วนเป็นประสบการณ์ที่ทรงคุณค่าอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตาม ข้าพเจ้ายังคงมีความเชื่อมั่นว่า “การศึกษา คือรากฐานสำคัญที่สุดในการพัฒนาคนและชาติ” จึงตั้งใจจะอุทิศเวลาและความรู้ ความสามารถทั้งหมดต่อจากนี้ เพื่อพัฒนาการศึกษาไทย สร้างโอกาสที่เท่าเทียม และขับเคลื่อนการเรียนรู้สู่ความยั่งยืนต่อไป ขอขอบพระคุณพรรคประชาธิปัตย์ที่ได้มอบโอกาสและความไว้วางใจเสมอมา ข้าพเจ้าขอส่งความปรารถนาดีต่อพรรคประชาธิปัตย์ ให้ประสบความสำเร็จในภารกิจเพื่อประชาชนและประเทศชาติสืบไป”.-315.-สำนักข่าวไทย