กรุงเทพฯ 7 พ.ค.-กกพ. ประเมินสถานการณ์โควิด-19 ระลอกใหม่ ลงมติเลื่อน และกำหนดกรอบระยะเวลาใหม่ในการดำเนินการ โครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก (โครงการนำร่อง) พ.ศ. 2564 จำนวน 150 เมกะวัตต์ ออกไปจากกำหนดเดิมอย่างน้อย 1 เดือน
นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ในฐานะโฆษกของ กกพ. เปิดเผยว่า จากการประชุมคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) วันที่ 5 พฤษภาคม ที่ผ่านมา กกพ. มีมติเห็นชอบให้ปรับเปลี่ยนระยะเวลาในการดำเนินการโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจ ฐานราก (โครงการนำร่อง) พ.ศ. 2564 ตามที่ กฟภ. เสนอ โดยสำนักงาน กกพ. จะประกาศผลรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการ เป็นภายในวันที่ 26 สิงหาคม 2564 จากกำหนดเดิมภายในวันที่ 15 กรกฎาคม 2564
“เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19) รอบใหม่ที่ค่อนข้างรุนแรง และขยายตัวเป็นพื้นที่วงกว้างทั่วประเทศไทย ประกอบกับมีข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 22) กำหนดการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง ให้หัวหน้าส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐ เจ้าของกิจการหรือผู้ประกอบการภาคเอกชน พิจารณาดำเนินมาตรการขั้นสูงสุดเพื่อลดจำนวนการเดินทางของเจ้าหน้าที่และบุคลากรในความรับผิดชอบในการป้องกันและ ลดโอกาสเสี่ยงที่จะติดเชื้อ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) จึงเสนอ กกพ. ขอปรับเปลี่ยนการดำเนินการโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก (โครงการนำร่อง) ออกไปก่อน เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ที่เปลี่ยนแปลงไป” นายคมกฤช กล่าว
สำหรับ มติ กกพ. ที่พิจารณาเห็นชอบกรอบระยะเวลาในการดำเนินการโครงการใหม่ ประกอบด้วย
-กระบวนการ กรอบระยะเวลา (เดิม) กรอบระยะเวลา (ใหม่)การไฟฟ้าฝ่ายจำหน่ายประกาศผลการพิจารณาคุณสมบัติและ คำเสนอขอขายไฟฟ้าด้านเทคนิคเลื่อนจาก 21 พ.ค. 64เป็นวันที่ 2 ก.ค. 64
-ผู้ที่ไม่ผ่านการพิจารณาคุณสมบัติและคำเสนอขอขายไฟฟ้าด้านเทคนิคยื่นอุทธรณ์ต่อ กกพ. (ภายใน 15 วัน) ภายในวันที่ 4 มิ.ย. 64 เลื่อนเป็นภายในวันที่ 16 ก.ค. 64
-คณะอนุกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ พิจารณาอุทธรณ์ (ภายใน 30 วัน)หรือ ภายในวันที่ 3 ก.ค. 64 เลื่อนเป็นภายในวันที่ 14 ส.ค. 64
-กกพ. พิจารณาผลอุทธรณ์ เลื่อนจากภายในวันที่ 7 ก.ค. 64 เป็น ภายในวันที่ 18 ส.ค. 64
-คณะอนุกรรมการพิจารณาคำเสนอขอขายไฟฟ้าด้านราคาพิจารณาคำเสนอขอขายไฟฟ้าด้านราคา และเสนอ กกพ. พิจารณา เลื่อนจากภายในวันที่ 14 ก.ค. 64 เป็น ภายในวันที่ 25 ส.ค. 64
-สำนักงาน กกพ. ประกาศรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการ เลื่อจากภายในวันที่ 15 ก.ค. 64 เป็นภายในวันที่ 26 ส.ค. 64
-การไฟฟ้าฝ่ายจำหน่ายแจ้งผู้ที่ผ่านการคัดเลือกทราบและยอมรับเงื่อนไขการลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (ภายใน 7 วันนับจากวันประกาศรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการ) เลื่อนจากภายในวันที่ 22 ก.ค. 64 เป็นภายในวันที่ 2 ก.ย. 64
-ลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (ภายใน 120 วันนับจากวันประกาศรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการ ) เลื่อนจากภายในวันที่ 12 พ.ย. 64 ภายในวันที่ 24 ธ.ค. 64
-กำหนดวันจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ ภายในวันที่ 12 พ.ย. 67 เลื่อนเป็น ภายในวันที่ 24 ธ.ค. 67
อย่างไรก็ตาม ผลสรุปจำนวนผู้ยื่นเสนอขอขายไฟฟ้าโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก (โครงการนำร่อง) ในเขตพื้นที่การไฟฟ้านครหลวง ไม่มีผู้ยื่นคำขอเสนอขายไฟฟ้า สำหรับ กฟภ. ซึ่งได้เปิดรับข้อเสนอ โดยหมดเขตรับยื่นไปเมื่อวันที่ 30 เมษายน ที่ผ่านมา มีผู้ยื่นคำขอเสนอขายไฟฟ้าจำนวนทั้งสิ้น 246 ราย แบ่งตามประเภทเชื้อเพลิงได้เป็น ประเภทชีวมวล จำนวน 143 ราย และประเภทก๊าซชีวภาพ (พืชพลังงานผสมน้ำเสีย/ของเสีย) จำนวน 103 ราย ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาคำเสนอขอขายไฟฟ้าด้านเทคนิค
นายคมกฤช กล่าวว่า หลังจากกระบวนการพิจารณาคำเสนอขอขายไฟฟ้าเทคนิคเสร็จสิ้นแล้ว กกพ.
จะพิจารณาคำเสนอขอขายไฟฟ้าด้านราคา โดยมีคณะอนุกรรมการพิจารณาคำเสนอขอขายไฟฟ้าด้านราคาด้วยวิธีการแข่งขันด้านราคา (Competitive Bidding) ซึ่งจะเรียงลำดับคำเสนอขอขายไฟฟ้าที่เสนออัตราส่วนลด (ร้อยละ) จากมากไปหาน้อย โดยผู้ยื่นคำเสนอขอขายไฟฟ้าที่เสนออัตราส่วนลดมากจะได้รับการพิจารณาคัดเลือกเข้าบรรจุในสายป้อน (Feeder) ที่ว่างก่อนจนกว่าจะครบเป้าหมายการรับซื้อโดยจะต้องคำนึงถึงศักยภาพระบบไฟฟ้าที่จะรองรับได้ด้วย
“กกพ. จะสามารถประกาศรายชื่อผู้ที่ผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการได้ภายในวันที่ 26 สิงหาคม 2564 เพื่อให้ทันกำหนดวันลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าฝ่ายจำหน่ายภายใน 120 วัน นับจากวันที่ประกาศรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือก และสามารถดำเนินการจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (SCOD) ภายใน 36 เดือน นับจากวันที่ได้ลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า สำหรับข้อมูลรายละเอียดและความคืบหน้าอื่นๆ เกี่ยวกับโครงการ กกพ. จะประกาศให้ทราบผ่านทาง www.erc.or.th” นายคมกฤช กล่าว-สำนักข่าวไทย