กรุงเทพฯ 12 เม.ย.- GPSC ศึกษาเตรียมทุ่ม 5 พันล้าน สร้างโรงงานแบตฯ แห่งใหม่ หลังความนิยมทั้งอีวีและใช้กักเก็บพลังงานพุ่ง พร้อมร่วมทุนขยายกำลังผลิตไฟฟ้า ตามแผนบริษัทแม่ เล็ง 4 พื้นที่เป้าหมาย ไต้หวัน, อินเดีย, เวียดนาม, จีน
นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานคณะกรรมการ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC กล่าวว่า ในขณะนี้ เทคโนโลยีSemi Solid ของบริษัท 24M ซึ่ง GPSC ถือหุ้น ร้อยละ18.6 ได้รับความนิยม มีการ ลงทุนโรงงานผลิตนอกเหนือโครงการนำร่องในไทย และญี่ปุ่น ก็เป็นการผลิตเชิงพาณิชย์ ที่จีน และนอร์เวย์ ซึ่งเป็นเพราะเป็นเทคโนโลยีที่ปลอดภัย สามารถปรับสูตรผลิตใช้ทั้งยานยนต์ไฟฟ้า(อีวี) กักเก็บพลังงานทดแทน(ESS) โดยในส่วนของไทย ขณะนี้มีลูกค้าเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในทุกกลุ่ม ดังนั้น ขั้นต่อไปจะพิจารณาสร้างโรงงานเชิงพาณิชย์แห่งใหม่ ขยายโครงการผลิตแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ (Giga Scale) จากเดิม ตั้งเป้าจะขยายกำลังผลิตเป็น100MWh (เมกะวัตต์ชั่วโมง) จากปัจจุบันกำลังผลิตอยู่ที่ 30 MWh และพร้อมดำเนินการผลิต (Start of Regular Production) ภายในไตรมาสที่ 2 ปี 2564
นางรสยา เธียรวรรณ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่พัฒนาธุรกิจ GPSCกล่าวว่า โรงงานแบตฯแห่งใหม่ในไทยจะอยู่ในพื้นที่แห่งใหม่ในภาคตะวันออก ศึกษาเบื้องต้นคาดจะใช้เงินลงทุนประมาณ5,000ล้านบาท ที่มั่นใจลงทุนเพราะลูกค้าอีวีมีเพิ่มขึ้นทั้งรถยนต์, เรือ, จักรยานยนต์, ตุ๊กตุ๊ก, ESS รวมถึงโครงการ จี-บ็อกซ์ ระบบกักเก็บพลังงานผ่านแบตเตอรี่ ขนาด 150 กิโลวัตต์ชั่วโมง ในปั๊มนำมัน โดยในส่วนของธุรกิจแบต ทางจีพีเอสซีเตรียมแผนงานดำเนินธุรกิจครบวงจรทั้งพัฒนาโซลูชั่นต่าง ในโครงการต่อเนื่องระบบSmart Energy และการบริหารจัดการซากแบตเตอรี่ที่หมดอายุด้วย
นางรสยา กล่าวด้วยว่า ในส่วนการขยายงานด้านธุรกิจไฟฟ้า จีพีเอสซีเดินหน้าตามนโยบายของ ปตท.คือ มีกำลังผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงฟอสซิล และพลังงานทดแทน ประเภทละ 8,000เมกะวัตต์ ใน ปี 2573 โดยขณะนี้อยู่ในระหว่างการเจรจาหลายโครงการทั้งใน ไต้หวัน, อินเดีย, เวียดนาม,จีน. ซึ่งดีลจะจบในปีนี้หรือไม่จะแจ้งความชัดเจนต่อไป
โดยในส่วนของจีนมีการศึกษาร่วมกับกลุ่ม ปตท.ในรูปแบบ GAS TO POWER ส่วนไต้หวันเป็นเรื่องของพลังงานลมเป็นหลัก ปัจจุบันมีการลงทุนแล้ว 1 โครงการ และกำลังเจรจา 2-3 โครงการ “ในส่วนของเชื้อเพลิงฟอสซิล หรือคอนเวนชั่นนอล ปัจจุบันจีพีเอสซี มีกำลังผลิตแล้ว ประมาณ 5 พันเมกะวัตต์ ก็ต้องขยายเพิ่มอีก ราว 3 พันเมกะวัตต์ ส่วนพลังงานทดแทน ก็จะใช้บริษัทร่วมทุนกับ ปตท.คือ บริษัท โกลบอล รีนิวเอเบิล เพาเวอร์ จำกัด หรือ GRP เป็นแกนหลักในการขยายงาน” นางรสยากล่าว
สำหรับ จี-บ็อกซ์ ปัจจุบันนำร่อง จะเพิ่มประสิทธิภาพด้านบริหารจัดการพลังงานร่วมกับสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ลดความต้องการใช้พลังงานไฟฟ้าสูงสุดในช่วงเวลากลางวันของสถานีบริการน้ำมันที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าจำนวนมาก จากอีวีที่มีแนวโน้มมาใช้บริการเพิ่มมากขึ้น สร้างเสถียรภาพของไฟฟ้าในสถานี สำหรับในช่วงเย็นและค่ำ จี-บ็อกซ์ จะบริหารจัดการจ่ายไฟฟ้าที่เหลือให้กับกิจกรรมอื่นๆ โดยระบบจะทำหน้าที่กักเก็บไฟฟ้าในเวลากลางคืน เพื่อนำไปใช้ในเวลากลางวันที่มีการใช้ไฟฟ้าในอัตราที่สูง ทำให้สามารถประหยัดค่าไฟฟ้าติดตั้งปัจจุบันติดตั้งนำร่องสถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น สาขาหนองแขม
ส่วนการร่วมทุนในจีนก็เนื่องจากจีนมีความมั่นใจประสิทธิภาพและความปลอดภัยของเทคโนโลยีSemi Solid.และตลาดขยายตัวรวดเร็ว ตามเป้าหมายจะผลิตเชิงพาณิชย์ภายในต้นปี 2565 เพื่อป้อนให้กับกลุ่มลูกค้าหลักในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศจีน เช่น Chery New Energy Automobile
ทั้งนี้ GPSC เข้าลงทุนในบริษัท Anhui Axxiva New Energy Technology Co., Ltd. ประเทศจีนในสัดส่วนประมาณ 11.1% วงเงินลงทุนประมาณ 500 ล้านบาท สร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่เทคโนโลยีบริษัท24M กำลังการผลิตรวม 1 กิกะวัตต์ชั่วโมงต่อปี คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จภายในปลายปี 2564โดย บริษัทฯ สามารถต่อยอดและขยายความร่วมมือทางธุรกิจ และความร่วมมืออื่นๆ เช่น การจัดหาวัตถุดิบและ Electrode Active Materials ร่วมกัน เพื่อเพิ่มศักยภาพของการแข่งขัน ในขณะที่ พร้อมร่วมพัฒนาไปกับ AXXIVA ทั้งนี้ AXXIVA ยังมีแผนขยายกำลังการผลิตต่อไปในอนาคตเพื่อรองรับความต้องการใช้แบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าต่อไป .-สำนักข่าวไทย