ใบกัญชาปฏิวัติอุตสาหกรรมอาหารไทย

กรุงเทพฯ 3 เม.ย. – สมาคมเดอะเชฟฯ และคลินิกการแพทย์แผนไทยร่วมสมัย โรงพยาบาลมะเร็งอุดรธานี หนุนร้านอาหารพัฒนาเมนู ปรุงอาหารให้เป็นยาด้วยใบกัญชา เพื่อป้องกันโรคและเสริมสร้างสุขภาพ รองรับนักท่องเที่ยว นำเงินเข้าประเทศ


โครงการอบรมสัมมนา หัวข้อ “อาหารจากใบกัญชา ปรุงอย่างไรให้เป็นยาและเลิศรส” ซึ่งจัดโดยชมรมสื่อมวลชนแพทย์แผนไทย ร่วมกับสมาคมเดอะเชฟประเทศไทย (The Chef Association) และคลินิกการแพทย์แผนไทยร่วมสมัย (Contemporary Thai Medicine : CTM) โรงพยาบาลมะเร็งอุดรธานี โดยมีวิทยากรเข้าร่วม ประกอบด้วย นพ.อิสระ เจียวิริยบุญญา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมะเร็งอุดรธานี พท.ภ.บัญชา สุวรรณธาดา ที่ปรึกษาโครงการแพทย์แผนไทยร่วมสมัย โรงพยาบาลมะเร็งอุดรธานี และที่ปรึกษาการปลูกกัญชาทางการแพทย์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสกลนคร น.ส.รสสุคนธ์ ธนธีระบรรจง นักเทคนิคการแพทย์ชำนาญการ สำนักงานเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ภก.พงษ์ศักดิ์ สง่าศรี เภสัชกร นายทองเลี่ยม พุกทอง นายกสมาคมเดอะเชฟประเทศไทย และเชฟส่งเสริม ชัยชนะ กรรมการสมาคมเดอะเชฟประเทศไทย โดยได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการร้านอาหาร จำนวน 70 คน สื่อมวลชน จำนวน 30 คน และผู้สนใจทั่วไป รวมแล้วประมาณ 120 คน

นายทองเลี่ยม พุกทอง นายกสมาคมเดอะเชฟประเทศไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้กระแสสังคมกำลังต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับอาหารที่มีส่วนผสมจากใบกัญชาในการปรุงอาหาร ด้วยเหตุผลจะช่วยให้อาหารมีรสชาติกลมกล่อม รสชาติดี อร่อย ช่วยให้ร่าเริง ผ่อนคลายความเครียด และทำให้หลับสบาย ส่งผลให้ผู้บริโภคจำนวนมากต้องการจะเรียนรู้และชิมรสชาติ ว่าจะเป็นจริงตามที่กล่าวอ้างเผยแพร่บนโลกออนไลน์หรือไม่


ขณะเดียวกัน การปรุงอาหารที่มีส่วนผสมของใบกัญชา คือ คำถามที่ถูกถามมากจากกลุ่มเชฟที่เป็นสมาชิกสมาคมเดอะเชฟฯ และผู้ประกอบการร้านอาหารต่างๆ ว่าจะปรุงอาหารอย่างไรให้ถูกต้องตามหลักการ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ เพราะหากปรุงผิดหลักการ หรือใส่ส่วนผสมจากใบกัญชามากเกินไป ก็อาจส่งผลให้ผู้บริโภคเกิดผลข้างเคียงได้

ยกตัวอย่างอาการที่ผู้แพ้สารจากกัญชาในบางราย หรือหากรับประทานในปริมาณที่มากเกินไป คือ ใจสั่น หัวใจเต้นเร็ว คลื่นไส้อาเจียน ปากแห้งคอแห้ง เวียนหัว หรือง่วงซึม ดังนั้น การจัดสัมมนาครั้งนี้ ก็เพื่อแนะแนวทางให้กับเชฟและผู้ประกอบการร้านอาหารได้เข้าใจ ถือเป็นการพัฒนาเรื่องการปรุงอาหารจากใบกัญชาให้ได้ประโยชน์สูงสุด เพื่อผู้บริโภคจะได้ปลอดภัยจากเมนูที่รังสรรค์ขึ้นมาใหม่ ด้วยการนำตำรับยาแพทย์แผนไทยมาประยุกต์ ซึ่งถือเป็นนวัตกรรมของวงการอาหารไทยในรอบ 40 ปี ที่กฎหมายยาเสพติดให้โทษควบคุมไว้

“ที่สำคัญอีกหนึ่งเป้าหมาย ก็เพื่อพัฒนาอาหารไทยให้ก้าวไปสู่ครัวโลก และชูอาหารไทยในการปรุงให้เป็นยา ช่วยดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาเที่ยวเมืองไทย รับประทานอาหารไทย เพื่อมีส่วนสร้างรายได้เข้าประเทศอีกทางหนึ่ง สัมมนาวันนี้ ผมขอขอบคุณเชฟ และผู้ประกอบการร้านอาหารทุกคนที่สนใจเข้าร่วมงาน และร่วมกันพัฒนาอาหารไทยไปสู่ครัวโลกให้ได้ในอนาคต” นายทองเลี่ยม กล่าว


ด้าน พท.ภ.บัญชา สุวรรณธาดา ที่ปรึกษาโครงการพัฒนาการแพทย์แผนไทยร่วมสมัย โรงพยาบาลมะเร็งอุดรธานี และที่ปรึกษาการปลูกกัญชาทางการแพทย์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสกลนคร กล่าวว่า การแพทย์แผนไทยร่วมสมัยหวังว่า ผู้เข้าร่วมสัมมนาจะได้ประโยชน์ในการพัฒนาตำรับเมนูอาหารให้ยกระดับขึ้นสู่ความเป็นซูเปอร์ฟู้ด หรืออาหารคุณภาพสูง หรือแม้แต่การพัฒนาสู่อาหารทางยา ถือเป็นการเปลี่ยนรูปแบบอาหารให้มีความปลอดภัยสูง และเพิ่มความรู้ความเข้าใจให้กับผู้เข้าร่วมสัมมนาได้นำองค์ความรู้การพัฒนาตำรับอาหารในเชิงวิทยาศาสตร์

น.ส.รสสุคนธ์ ธนธีระบรรจง นักเทคนิคการแพทย์ชำนาญการ สำนักงานเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ตามประกาศ พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ ฉบับที่ 7 พ.ศ. 2562 และประกาศกระทรวงสาธารณสุข ที่ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 พ.ศ. 2562 ให้นำเปลือก ลำต้น เส้นใย กิ่งก้าน ราก และใบ จากพืชกัญชาไปใช้ประโยชน์ได้ (ยกเว้น น้ำมัน และช่อดอก) แต่ต้องมีแหล่งที่มาที่ได้รับอนุญาตถูกต้องตามกฎหมายกำหนด สามารถนำไปปรุงเป็นอาหารและเครื่องดื่มได้ โดยไม่ผิดกฎหมาย

ส่วนการนำใบกัญชาไปแปรรูปเพื่อการค้าเชิงพาณิชย์ จะต้องไปขออนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ก่อน แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะอยู่ระหว่างการร่างกฎระเบียบทางกฎหมายให้เสร็จสิ้นก่อน ถึงจะประกาศเป็นทางการได้

นายจรัญ ชุ่มเงิน ประธานชมรมสื่อมวลชนแพทย์แผนไทย กล่าวว่า การจัดสัมมนาครั้งที่ 1 นี้ ถือว่าประสบความสำเร็จได้ดี มีผู้ประกอบการร้านอาหาร เชฟ และผู้เชี่ยวชาญด้านอาหาร ให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก ดังนั้น ก้าวต่อไปคือการพัฒนารูปแบบการปรุงอาหารจากใบกัญชาให้เป็นยาที่เลิศรส เพื่อผู้บริโภคได้รับประทานอาหารที่มีคุณภาพ ขณะเดียวกัน คาดหวังว่าจะมีส่วนกระตุ้นให้คนไทยหันมารับประทานอาหารไทยเพื่อเป็นยามากขึ้น เพื่อสุขภาพที่ดีกว่าการหาเงินไปจ่ายค่ายาและค่าหมอ

สำหรับเป้าหมายของการจัดสัมมนาครั้งนี้ ก็เพื่อต้องการให้ผู้ประกอบการร้านอาหารต่างๆ ได้เข้าใจกฎกติกาทางกฎหมายต่อพืชกัญชาว่า ส่วนไหนที่ปลดล็อกแล้ว และส่วนไหนของพืชกัญชาที่ยังต้องยึดโยงทางด้านกฎหมายอยู่ จะได้ไม่กระทำความผิด ขณะเดียวกัน เรื่องสูตรอาหาร จำนวน 10 สูตร ที่ทางผู้จัดได้คิดค้น และนำมาประยุกต์ขึ้นใหม่ตามตำรับยาแพทย์แผนไทย ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าเป็นนวัตกรรม และเป็นการปฏิรูปอาหารไทยให้เป็นยาเพื่อสุขภาพ ก็จะถือว่าเป็นเรื่องที่ดีต่อประเทศชาติและคนไทยเป็นอย่างยิ่ง

“ต่อไปในอนาคต หากอุตสาหกรรมวงการอาหารไทยได้รับการเรียนรู้และพัฒนาต่อยอด ด้วยการนำใบกัญชามาเป็นส่วนหนึ่งของอาหาร ก็เชื่อว่าจะผลักดันไปสู่ครัวโลกได้ ที่สำคัญจะดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาท่องเที่ยวและรับประทานอาหารไทยที่เป็นยาเพื่อสุขภาพ และนี่คือโจทย์ที่คนไทยทุกคนต้องช่วยกัน เพราะสามารถดึงเม็ดเงินเข้าประเทศได้มาก เป็นการช่วยชาติสร้างรายได้อีกทางหนึ่ง ผมหวังไว้เช่นนั้น” นายจรัญ กล่าว. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สิ้นพระเอกดัง “ไพโรจน์ สังวริบุตร” จากไปอย่างสงบในวัย 72 ปี

3 มิ.ย.- วงการบันเทิงเศร้า… สิ้นพระเอกดัง “เอ๋” ไพโรจน์ สังวริบุตร นักแสดง-ผู้กำกับในตำนาน จากไปอย่างสงบในวัย 72 ปี แฟนคลับร่วมแสดงความอาลัย ข่าวเศร้าช็อกวงการบันเทิง เอ๋-ไพโรจน์ สังวริบุตร เสียชีวิตอย่างสงบ เมื่อเวลา 03.00 น. (3 มิ.ย.68) ที่จังหวัดนครราชสีมา สิริอายุได้ 72 ปี กำหนดสวดพระอภิธรรม ณ วัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร สำหรับพิธีรดน้ำศพ จะมีขึ้นในวันที่ 4 มิถุนายน 2568 โดยข้อมูลจากเพจดาราภาพยนตร์ เผยการจากไปของพระเอกรุ่นใหญ่ สร้างความโศกเศร้าให้กับวงการบันเทิงไทยอย่างมาก หากเอ่ยถึงชื่อ “ไพโรจน์ สังวริบุตร” คนไทยหลายรุ่นคงต้องนึกถึงชายหนุ่มร่างโปร่ง ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม และแววตาทะเล้นที่ปรากฏอยู่บนจอเงินในบท “ตั้ม” จากภาพยนตร์ วัยอลวน อันโด่งดังในยุค 2510–2520 เขาคือพระเอกผู้ก้าวข้ามกาลเวลา จากภาพลักษณ์ของวัยรุ่นสุดแนวในวันนั้น สู่ผู้กำกับภาพยนตร์มากฝีมือในวันนี้ และยังคงยืนหยัดเป็นบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์วงการภาพยนตร์ไทย “ไพโรจน์ สังวริบุตร” เกิดเมื่อวันที่ 18 […]

Thai drone illegally enters Cambodian airspace, intercepted by Cambodian troops

กัมพูชาอ้างสกัดโดรนที่ส่งจากฝั่งไทย

พนมเปญ 3 มิ.ย.- สื่อกัมพูชารายงานว่า ทหารกัมพูชาสกัดอากาศยานไร้คนขับหรือโดรนที่อ้างว่าส่งจากฝั่งไทยเข้าไปสอดแนมที่ตั้งทางทหารของกัมพูชา เว็บไซต์หนังสือพิมพ์แขมร์ไทมส์รายงานวันนี้ว่า กองทัพไทยยังคงละเมิดดินแดนของกัมพูชา โดยล่าสุดได้ส่งโดรนไปบินเหนือพื้นที่แนวหน้าโดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อสอดแนมที่ตั้งทางทหารของกัมพูชา และถูกกำลังพลกัมพูชาสกัดไว้ได้ แขมร์ไทมส์อ้างรายงานจากชายแดนว่า เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 2 มิถุนายน ทหารกัมพูชาที่ประจำการอยู่บริเวณแนวหน้าในจังหวัดพระวิหารสามารถสกัดโดรนลำหนึ่งที่เข้ามาในน่านฟ้ากัมพูชาเพื่อวัตถุประสงค์ในการสอดแนม ผลการประเมินเบื้องต้นชี้ว่า โดรนลำนี้ถูกส่งโดยกองทัพไทย เพื่อเก็บข้อมูลข่าวกรองเรื่องการประจำการและการเคลื่อนย้ายกำลังพลของกองทัพกัมพูชา.-814.-สำนักข่าวไทย

ล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้ากลางเมืองขอนแก่น ถอยหนีชนดะ

ขอนแก่น 3 มิ.ย. – ระทึก ผู้ต้องหาถอยรถหนี ชนจยย.สายตำรวจ ขณะล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้ากลางเมืองขอนแก่น ก่อนจนมุมรถไถลข้ามเลนพลิกตะแคง กล้องวงจรปิดบันทึกภาพรถยนต์สีขาวจอดคุยกับชายคนหนึ่งที่ยืนริมถนนกสิกรทุ่งสร้าง หน้าตลาดจอมพล เขตเทศบาลนครขอนแก่น ทันใดนั้น รถคันดังกล่าวก็ถอยหลังอย่างรวดเร็ว พุ่งชนรถจักรยานยนต์ที่ขี่อยู่ด้านหลังล้ม 2 คัน และพยายามเร่งเครื่องหลบหนีจนไปชนกับรถคันอื่นอย่างแรง แล้วไถลข้ามเลนพลิกตะแคงอยู่ข้างทาง เมื่อเวลา 22.45 น. วานนี้ (2 มิ.ย.) คนขับปีนออกจากหน้าต่าง มีท่าทีขัดขืน แต่สุดท้ายก็ยอมออกมาจากรถ หลังจากนั้นตำรวจพาเดินข้ามถนนไปฝั่งตรงข้าม และมีชายอีกคนออกมาจากหน้าเป็นรายที่สอง ตำรวจจึงควบคุมตัวที่ข้างทาง ต่อมา รถกู้ชีพมาถึงที่เกิดเหตุและทำการปฐมพยาบาลทั้งชายสองคนและสายลับที่ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าว เป็นเหตุขณะล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้า ภายในรถมีบุหรี่ไฟฟ้าวางอยู่ ก่อนจะคุมตัวขึ้นรถกระบะไป สภ.เมืองขอนแก่น พ.ต.อ.พรศักดิ์ งานดี ผู้กำกับการตำรวจสืบสวนจังหวัดขอนแก่น เปิดเผยว่า นายอนุพงษ์ อายุ 35 ปี เป็นคนขายบุหรี่ไฟฟ้า ส่วนนายณัฐพล อายุ 37 ปี เป็นคนขับรถยนต์คันที่เกิดเหตุ มีพฤติกรรมลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้า ผ่านเฟซบุ๊กให้กับลูกค้าทั่วไปที่สั่งซื้อ จึงวางแผนล่อซื้อ […]

ทรงพระเจริญ

ชาวสงขลารวมใจภักดิ์ รักสมเด็จพระราชินี ร่วมแปรอักษร แสดงพลังความจงรักภักดี

สงขลา 2 มิ.ย. – จังหวัดสงขลา จัดกิจกรรม “ชาวสงขลารวมใจภักดิ์ รักสมเด็จพระราชินี” ประชาชนกว่า 5,000 คน ร่วมแปรอักษร “ทรงพระเจริญ คนสงขลารักพระราชินีฯ” แสดงพลังความจงรักภักดีอย่างยิ่งใหญ่ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน 2568 วันนี้ 2 มิถุนายน 2568 เวลา 16.30 น. ที่สนามกีฬาติณสูลานนท์ อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา พร้อมด้วยนางปวีณ์ริศา เกิดสม ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดสงขลา นำคณะรองผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ นักเรียน นักศึกษา และประชาชนชาวสงขลากว่า 5,000 คน ร่วมกิจกรรม “ชาวสงขลารวมใจภักดิ์ รักสมเด็จพระราชินี” เพื่อแสดงความจงรักภักดีและเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ ย้ำรัฐบาลยึดหลักอธิปไตย-ประโยชน์สูงสุดของประเทศ

กรุงเทพฯ 4 มิ.ย. – นายกฯ ย้ำรัฐบาลไม่นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ยืนยันหลักอธิปไตยและประโยชน์สูงสุดของประเทศ วันนี้ (4 มิ.ย.68) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์เรื่องสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา รัฐบาลยืนยันหลักอธิปไตยและประโยชน์สูงสุดของประเทศ “ดิฉันขอย้ำอีกครั้งว่า รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา และได้บูรณาการการทำงานอย่างใกล้ชิดระหว่างกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงกลาโหม และหน่วยงานความมั่นคง เพื่อประเมินสถานการณ์อย่างรอบด้าน” นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า เรารวบรวมข้อมูลจากทั้งเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ภาพแผนที่จากเทคโนโลยีและการวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ ตลอดจนพิจารณาอย่างเคร่งครัดภายใต้หลักกฎหมายระหว่างประเทศ โดยมีเป้าหมายคือการปกป้องอธิปไตยของชาติและผลประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ หากมีความคืบหน้า รัฐบาลจะมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศ เป็นผู้ชี้แจงรายละเอียดเป็นระยะ เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและรอบด้านต่อไป.-314-สำนักข่าวไทย

ม็อบรถบัส 2 ชั้น ขู่บุกกรุง ค้านคำสั่งห้ามใช้เส้นทางเขาพับผ้า

ตรัง 4 มิ.ย. – ม็อบรถบัส 2 ชั้น ชุมนุมคัดค้านคำสั่งห้ามใช้เส้นทางเขาพับผ้า อ้างไม่ชอบ กม.-เส้นทางไม่เข้าหลักเกณฑ์กำหนด ขู่เคลื่อนขบวนพันคันบุกกรุง หากไม่ได้รับแก้ไข บริเวณอันดามันเกตเวย์ บนเส้นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4 เขาพับผ้า เครือข่ายผู้ประกอบการรถบัส 2 ชั้น ในนามสมาคมรถโดยสารสองชั้นไทย กว่า 100 คัน พร้อมผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว ราว 200 คน ชุมนุมคัดค้านคำสั่ง กรมการขนส่งทางบกที่ห้ามรถบัส 2 ชั้นใช้เส้นทาง 7 แห่งทั่วประเทศ การชุมนุมครั้งนี้ เป็นการรวมตัวของผู้ประกอบการจากทั้งภาคใต้ ภาคกลาง และภาคตะวันออก เพื่อประท้วงคำสั่งที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 11 เม.ย.68 สำหรับรถทัวร์ และวันที่ 1 มิ.ย.68 สำหรับรถประจำทาง โดยชูป้ายข้อความต่างๆ รวมถึงการเรียกร้องให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมและอธิบดีกรมการขนส่งทางบกลาออกจากตำแหน่ง นายสุริยะ แกล้วทนงค์ นายกสมาคมผู้ประกอบการรถโดยสารสองชั้นไทย เปิดเผยว่า การสำรวจเส้นทางเขาพับผ้า พบว่าไม่เข้าหลักเกณฑ์ที่ต้องประกาศห้าม เนื่องจากมีความลาดชัน 8% […]

หัวโจกปล้นบุหรี่ไฟฟ้า กลับลำ ยันไม่มีคนในชี้เป้า

กทม. 4 มิ.ย. – คุมตัว “แบงค์” หัวโจกปล้นบุหรี่ไฟฟ้าของกลางกรมศุลฯ ทำแผน เจ้าตัวกลับลำอ้างลงมือครั้งแรก ไม่มีใครชี้เป้า ปัดเจตนาชน รปภ.ดับ กลางดึกที่ผ่านมาตำรวจ สน.ท่าเรือ พร้อมชุดปฏิบัติการพิเศษ กว่า 20 นาย ควบคุม 5 ผู้ต้องหาแก๊งปล้นบุหรี่ไฟฟ้า ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ บริเวณ ตู้คอนเทนเนอร์ ในโกดังสเตเตียม ถนนท่าเรือ 1 เขตคลองเตย จากนั้นในช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 5 คนไปฝากขังผัดแรกที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ส่วนนายแบงค์ หัวโจก พนักงานสอบสวนได้ควบคุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพอย่างเงียบๆ เพราะเกรงว่านายแบงค์จะถูกญาติ รภป. ผู้เสียชีวิต รุมประชาทัณฑ์ ภายหลังจากทำแผนประกอบคำรับสารภาพเสร็จสิ้นแล้ว พนักงานสอบสวนได้คุมตัวนายแบงค์กลับมา คุมขังที่ สน.ท่าเรือ เพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม ผู้สื่อข่าวได้พยายามซักถามว่านายแบงค์ก่อเหตุมาแล้วกี่ครั้ง นายแบงค์ อ้างว่าก่อเหตุขโมยบุหรี่ไฟฟ้ามาเพียงครั้งเดียว ส่วนนำไปขายใครนั้น นายแบงค์ไม่ตอบ และยืนยันว่าการก่อเหตุนี้ ไม่มีคนในมาชี้เป้า เพราะบริเวณนั้นใครก็รู้ว่าเป็นพื้นที่เก็บสินค้าที่ต้องการทำลาย พร้อมยกมือไหว้ขอโทษครอบครัว รปภ.ที่เสียชีวิต และยอมรับว่าตนเองไม่ได้ตั้งใจถอยรถชน […]

“ภูมิธรรม” ลงพื้นที่ชายแดนติดตามสถานการณ์ไทย-กัมพูชา

อุบลราชธานี 4 มิ.ย. – “ภูมิธรรม” ลงพื้นที่ จ.อุบลราชธานี ติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ย้ำกองทัพไม่ขัดแย้งรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ลงพื้นที่ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เพื่อติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังเกิดกรณีการปะทะกันที่ช่องบก โดยระบุว่า การมาครั้งนี้ตั้งใจมาให้กำลังใจกำลังพลที่อยู่แนวหน้า ซึ่งกำลังเตรียมความพร้อมในการดูแลและป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้น รวมถึงดูพื้นที่จริง ซึ่งเบื้องต้นพบว่า ข่าวทหารกัมพูชาวางกับระเบิดเป็นของเก่า เวลานี้เรากำลังใช้ทางออกที่โลกอยากเห็น และเรายังไม่ได้เสียอธิปไตยตรงไหนไป สิ่งที่เกิดขึ้นในแต่ละจุด เราอยากให้มันค่อยๆ คลายไป เรากำลังใช้มาตรการทางการทูตเชิงรุก เริ่มต้นจากเล็กไปหาใหญ่ และมาตรการต่างๆ ที่จะมีเพิ่มขึ้น เราตกลงกันแล้วว่า จะคุยด้วยกันตลอด ไม่ได้มีปัญหาอะไร มันไม่ได้ถึงขั้นนั้น เพราะยังไม่มีอะไร เราคำนึงถึงชีวิตของพี่น้องประชาชนตามแนวชายแดน เราจะใช้กระบวนการสันติวิธีให้ถึงที่สุด ถ้ามีอะไรเกินเลย ฝ่ายที่อยู่แนวหน้าจะต้องแจ้งเรา ซึ่งจะดำเนินการโดยทันทีทันใด ยืนยันกองทัพกับฝ่ายการเมืองไม่มีปัญหากัน .-สำนักข่าวไทย