กรุงเทพฯ 18 มี.ค. – กระทรวงคมนาคมเร่งรัดกรมเจ้าท่า เตรียมความพร้อมเปิดเส้นทางเดินเรือขนส่งสินค้าทางน้ำผ่าน 3 จังหวัด ชลบุรี–ประจวบคีรีขันธ์–สงขลา เชื่อมโยงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC )
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า สำหรับความคืบหน้าการดำเนินงานเปิดให้บริการการขนส่งทางน้ำในเส้นทาง ระหว่างจังหวัดชลบุรี-ประจวบคีรีขันธ์-สงขลา เพื่อประโยชน์การขนส่งทางน้ำ ระหว่างท่าเรือพาณิชย์สัตหีบ ผ่านจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สิ้นสุดจังหวัดสงขลา ซึ่งมีบริษัทบริษัท ซี ฮอร์ส เฟอร์รี่ จำกัด ให้ความสนใจเดินเรือในเส้นทางดังกล่าว โดยใช้เรือดิ บลู ดอลฟิน ความยาว 136.60 เมตร ขนาด 7,003 ตันกรอส ความเร็ว 17 น็อต (31.48 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) โดยขณะนี้เรือได้รับการตรวจรับรองความปลอดภัยจากกรมเจ้าท่าแล้ว เมื่อวันที่ 12 มีนาคมที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ในระยะแรกจะเดินเรือในเส้นทางระหว่างจังหวัดชลบุรี-จังหวัดสงขลา โดยออกเดินทางจากท่าเรือพาณิชย์สัตหีบไปยังจังหวัดสงขลา และจะขยายเส้นทางเชื่อมโยง เข้ากับจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ในระยะต่อไป ปัจจุบันเรือดิ บลู ดอลฟิน ได้รับการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มจาก BOI แล้ว และจะได้เคลื่อนย้ายเรือเพื่อไปทดลองการเดินเรือที่ท่าเรือพาณิชย์สัตหีบ คาดว่าจะทดสอบแล้วเสร็จในเดือนมีนาคม 2564 และจะมีกิจกรรม Meet the Press ในช่วงเดือนเมษายนนี้
ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ได้สั่งการให้กรมเจ้าท่าเร่งรัดเตรียมการเพื่อให้สามารถเปิดให้บริการการขนส่งทางน้ำในเส้นทางดังกล่าวได้ตามแผนที่กำหนด โดยให้พิจารณาค่าระวางขนส่งทั้งในส่วนของรถบรรทุกและรถยนต์ส่วนบุคคลที่เหมาะสมและจูงใจให้มาใช้บริการ, ให้กรมเจ้าท่า กรมทางหลวงชนบท และสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจรบูรณาการการทำงานร่วมกัน เพื่อขับเคลื่อนการให้บริการขนส่งทางน้ำในเส้นทางดังกล่าว โดยให้ประมาณการปริมาณการขนส่งและการเดินทางในเส้นทางจังหวัดชลบุรี-จังหวัดประจวบคีรีขันธ์-จังหวัดสงขลา เพื่อวางแผนการขนส่งเชื่อมโยงท่าเรือ และการบริหารจัดการพื้นที่หลังท่า ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ มีความคล่องตัว ไม่ให้เกิดปัญหาการจราจรติดขัด และบรรลุผลสำเร็จเป็นรูปธรรมตามที่นโยบายกำหนด รวมทั้งให้กรมเจ้าท่าจัดเตรียมข้อมูลเพื่อการประชาสัมพันธ์ให้ครบถ้วน เช่น อัตราค่าระวาง ระยะเวลาที่ใช้ การบริหารจัดการ และประโยชน์ที่ได้รับ รวมทั้งให้จัดทำข้อมูลสถิติเปรียบเทียบระยะเวลาและต้นทุนในการขนส่งและเดินทางทางน้ำและทางบกระหว่างจังหวัดชลบุรี-จังหวัดสงขลา ทั้งในส่วนของรถบรรทุกและรถยนต์ส่วนบุคคล ซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ประกอบการขนส่งและบริษัทขนส่งในการพิจารณาเลือกเส้นทางที่เหมาะสมกับต้นทุนประกอบการ
โดยการคมนาคมขนส่งทางน้ำในเส้นทางดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ในการเชื่อมโยงระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor, EEC) เข้ากับระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ (Southern Economic Corridor, SEC) ช่วยเพิ่มศักยภาพของการขนส่งทางน้ำ ลดต้นทุนและอุบัติเหตุจากการขนส่งทางบก และลดปัญหามลพิษฝุ่นละออง PM 2.5 ได้อย่างยั่งยืน ซึ่งกรมเจ้าท่าจะได้ร่วมกับภาคเอกชนในการขับเคลื่อนโครงการดังกล่าวให้ประสบผลสำเร็จและเกิดผลเป็นรูปธรรมต่อไป.-สำนักข่าวไทย