กรุงเทพฯ 11 มี.ค.-ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯระบุยังไม่ได้รับหนังสือจากคณะกรรมการ ป.ป.ท.ที่มีมติชี้มูลความผิด “ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร” ให้ออกจากราชการ ฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ คดีเผาบ้านปู่คออี้ ด้าน”ชัยวัฒน์”ยืนยันดำเนินคดีต่อป.ป.ท. ฐานทำเสื่อมเสีย
นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่เห็นหนังสือจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ตามที่มีข่าวว่า ป.ป.ท. มีมติให้นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษณ อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจากออกจากราชการ หากได้รับหนังสือแล้ว ทางทส.จะต้องดำเนินการภายใน 30 วัน ซึ่งกรณีการดำเนินคดีกับข้าราชการระดับ 9 จะเป็นอำนาจของปลัดทส. โดยขอให้หนังสือมาถึงทส.ก่อน และยืนยันว่า ถ้าผิดจริง ทส. ไม่สามารถขัดมติและอุ้มใครได้แน่นอน แต่หากนายชัยวัฒน์ไปร้องแย้งก็เป็นเรื่องส่วนตัว
ด้านนายชัยวัฒน์กล่าวว่า ยังคงอยู่ในราชการ โดยปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 (อุบลราชธานี) ยืนยันจะดำเนินคดีต่อป.ป.ท. ตามความผิด ม.157 และ ม.200 วรรคสอง โดยแจ้งความไว้ที่กองบังคับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) และเข้าให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวนแล้ว การที่ป.ป.ท.มีมติชี้มูลความผิดตนฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตาม ม.157 และมีมติให้ออกจากราชการนั้น เหมือนเป็นการแช่แข็งให้หยุดทำงาน ซึ่งระหว่างศาลจะมีคำพิพากษาตนคงเกษียณอายุราชการไปแล้ว โดยมองว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม เนื่องจาก ป.ป.ท.สอบสวนโดยมิชอบ ขาดข้อมูลที่เพียงพอ และกล่าวหาตนและเจ้าหน้าที่อุทยานฯ รวม 6 คน รื้อถอนเผาทำลายบ้านเรือน ยุ้งฉาง และทรัพย์สินอื่นๆ ของนายโคอิ หรือคออี้ มีมิ ชาวกะเหรี่ยงแก่งกระจานและบ้านอีกหลายหลัง ตนมีหลักฐานสามารถชี้แจงได้ว่า ไม่ได้ทำ ส่วนกรณี “บิลลี่” นายพอละจี รักจงเจริญ แกนนำชุมชนกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึก-บางกลอย ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รับเป็นคดีพิเศษนั้นพบว่า ป.ป.ท.มีความเกี่ยวข้องด้วยในการเชื่อมโยงหลักฐาน ทั้งนี้ จากการที่ตนพร้อมทีมกฎหมายเดินทางไป ป.ป.ท.เขต 7 จ.นครปฐม เพื่อสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับมติดังกล่าว ซึ่งได้รับคำตอบว่าส่งไปยังคณะกรรมการป.ป.ท.ชุดใหญ่แล้ว พร้อมปฏิเสธบอกรายละเอียด
นายประกิต วงศ์ศรีวัฒนกุล รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชกล่าวถึงคำสั่งให้นายมานะ เพิ่มพูน หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานมารับตำแหน่งผู้อำนวยการส่วนประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ โดยระบุว่า เนื่องจากนายมานะป่วยจากการเข้ารับการผ่าตัดสมอง ต้องติดตามผลการรักษา ไม่ได้เป็นเพราะปฏิบัติหน้าที่บกพร่อง โดยทางกรมอุทยานฯ ให้นายอิทธิพล ไทยกมล นักวิชาการป่าไม้ชำนาญการพิเศษ สำนักวิจัยการอนุรักษ์ป่าไม้และพันธุ์พืชไปปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานแทน
ขณะที่นายมานะได้ชี้แจงสาเหตุการโยกย้ายผ่าน facebook ว่า ได้ปรึกษากับอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืชแล้วเนื่องจากมีอาการป่วยที่สมองได้รับการผ่าตัด 3 ครั้งแล้วต้องมีการพักฟื้นติดตามผลการรักษาเป็นเวลานานกว่าที่จะหาย และอาจจะต้องมีการพบแพทย์บ่อยครั้ง การปฏิบัติงานอาจจะไม่สามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือมีความเสี่ยงที่อาจจะป่วยซ้ำ อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ มีความเข้าใจและเมตตาให้โอกาสไปปฏิบัติงานในตำแหน่งที่สูงกว่าที่กรุงเทพฯถือเป็นโอกาสที่ดีจะได้ไปทำงานด้านอื่นที่มีความสนใจมาก่อนให้กับกรมอุทยานแห่งชาติฯ ได้ใกลัหมอ ได้ดูแลสุขภาพฟื้นฟูร่างกาย มีเวลาให้กับครอบครัวมากขึ้น ส่วนในพื้นที่ได้มีความคลี่คลายในระดับหนึ่ง ในการระงับยับยั้งการเข้าไปครอบครองที่ดินในป่า ที่ขาดสิทธิตามกฎหมายตามพ.ร.บ. อุทยานแห่งชาติพศ 2562 มาตรา 64 อย่างชัดเจนไม่สามารถให้คนอยู่อาศัยได้ อยู่ในขั้นตอนการแก้ไขปัญหาซึ่งจะต้องให้คนที่มีความรู้ความสามารถและมีเวลาในการปฏิบัติงานในการแก้ไขปัญหาที่ต้องใช้กำลังความคิดมาก
ส่วนปัญหาหมู่บ้านชุมชนในพื้นที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานถือว่าใกล้สิ้นสุดเพราะมีผู้บริหารของประเทศรับรู้และทราบถึงปัญหาแล้วและมีแนวทางแก้ไขปัญหา เพียงแต่ต้องยึดหลักกฎหมาย สิทธิและหน้าที่ ความรับผิดชอบ ของแต่ละฝ่ายเป็นหลักไม่ยึดเอาผลประโยชน์ส่วนตน อคติ มิจฉาทิฏฐิ อารมณ์ และความรู้สึกเป็นที่ตั้งก็จะแก้ปัญหาได้ การใช้คำว่าโดนสั่งย้ายอาจไปสร้างความเข้าใจว่าไปมีปัญหา ขัดใจใคร บกพร่องแต่ถ้าใช้คำว่าได้รับคำสั่งให้ย้ายไปรับตำแหน่ง ก็จะมองได้อีกอย่าง แต่ทั้งหมดทั้งมวล ต้องออกเป็นคำสั่งถึงได้ย้าย-สำนักข่าวไทย