กรุงเทพฯ 10 มี.ค. – โออาร์สบช่องขยายธุรกิจ Non-oil หลัง เอสเอ็มอี – สตาร์ทอัพเสนอขอให้ร่วมทุนเป็นจำนวนมาก ตั้งเป้าใช้ช่องทางปั๊มน้ำมัน คาเฟ่อเมซอน เป็นฐานกระจายสินค้าสู่ผู้บริโภค ส่วนปั๊มอีวีจะขยายเพิ่มขึ้นเป็น 300 แห่ง ภายในปี 2565 เตรียมเปิดประมูลในเร็วๆนี้
นางสาวจิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ผลกระทบทางเศรษฐกิจจาก โควิด-19 ทำให้ผู้ประกอบการทั้งเอสเอ็มอี-สตาร์ทอัพ ได้รับผล และได้เสนอให้ โออาร์เข้าร่วมทุนเป็นพันธมิตร เป็นจำนวนมาก ซึ่ง ทางบริษัทอยู่ระหว่างเจรจา บนพื้นฐานความร่วมมือที่ดีระหว่างกัน และต้องให้บริษัทเหล่านี้อยู่บนหลักเกณฑ์ข้อกฏหมาย และระเบียบทางภาครัฐ ใบอนุญาตต่างๆถูกต้อง เช่น กรณี “โอ้กะจู๋” ได้ใช้เวลาในการดำเนินการปรับปรุงถึง 2 ปี ทางโออาร์จึงเข้าร่วมทุน โดยธุรกิจใหม่ที่กำลังเจรจา มีหลากหลายกิจการ เช่น ธุรกิจด้านสุขภาพ ธุรกิจด้านท่องเที่ยว ธุรกิจอาหาร ธุรกิจสมัยใหม่ในรูปแบบ Car sharing เป็นต้น
“โออาร์ ในอนาคตจะเน้นขยายธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน (Non-oil ) ที่สนองตอบความต้องการของผู้บริโภค การรร่วมมือกับพันธมิตรใหม่ จะอยู่บนแพล็ทฟอร์มที่ใช้สถานีบริการน้ำมันในประเทศกว่า 1,968 แห่ง และร้านกาแฟอเมซอน 3,168 สาขา เป็นช่องทางสร้างรายได้เติบโตไปพร้อมกัน โดย Non-Oil นั้นมีมาร์จิ้นที่ระดับ 25-28% ส่วนธุรกิจน้ำมันมีมาร์จิ้นในระดับ 4-5% จึง ” นางสาวจิราพร กล่าว
สำหรับแผนการลงทุน 5 ปี (2564-2568) OR มีเป้าหมายขยายสัดส่วนกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคา (EBITDA) ของธุรกิจค้าปลีก (Non-Oil) เพิ่มเป็น 33% จากสิ้นปี 63 อยู่ในระดับ 25.5% , ธุรกิจน้ำมันจะลดลงเหลือ 55% จาก 68% และธุรกิจในต่างประเทศ เพิ่มเป็น12% จากสิ้นปี 63 อยู่ในระดับ 4.9% และแผน 5 ปี ลงทุน 74,000 ล้านบาท นั้นจะเป็นการลงทุนในธุรกิใหม่ 15% ,ธุรกิจนันออยล์ 29% ,ธุรกิจน้ำมัน 35 % และ ธุรกิจต่างประเทศ 21 %
สำหรับการขยายการลงทุนในธุรกิจใหม่ที่เป็น New S-curve นั้นจะดำเนินธุรกิจผ่าน บริษัท มอดูลัส เวนเจอร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ OR ที่ถือหุ้น 100% ซึ่งมีการร่วมทุนแล้ว 3 ราย ได้แก่ “โอ้กะจู๋” ร่วมทุน 20% ราว 500 ล้านบาท , ร่วมทุน เกือบ10 % ใน Flash Express ราว 1,300 ล้านบาท และ ร่วมทุน 167 ล้านบาทร่วมทุน 65 % ในบริษัทพีเบอร์รี่ ไทย จำกัด
นางสาวจิราพร กล่าวต่อว่า ยอดขายน้ำมันรวมของ OR ในปี 2564 คาดว่าจะเติบโตตามทิศทางเสรษฐกิจ โดยสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) ประเมินตัวเลขจีดีพี จะเติบโตราว 3% ดังนั้นจึงมั่นใจว่ายอดขายน้ำมันรวมของ OR จะเท่ากับปี 2562 ที่มียอดขายน้ำมันรวมราว 27,627 ล้านลิตร ประกอบกับสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 เริ่มมีทิศทางที่คลี่คลาย หลังจากในแต่ละประเทศเริ่มฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ซึ่งจะส่งผลให้การเดินทางโดยรถยนต์เพิ่มขึ้น ประกอบกับกลุ่มโอเปกและชาติพันธมิตร (โอเปกพลัส) มีมติขยายเวลาการปรับลดการผลิตที่ระดับ 7.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ไปจนถึงเดือน เม.ย. 64 คาดว่าจะเป็นปัจจัยหนุนให้ราคาในประเทศขยับขึ้นด้วย โดย โออาร์ยังประเมินราคาน้ำมันดิบดูไบในปีนี้เฉลี่ยในระดับ 60 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล
ในปีนี้ โออาร์จะเปิดประมูลจัดหาอุปกรณ์ติดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้า (Charging Station) ในสถานีบริการน้ำมัน PTT Station เพิ่มอีก 100 แห่ง จากปัจจุบันมี 30 แห่ง และจะขยายปั๊มชาร์จไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็น 300 แห่ง ภายในปี 2565 คาดว่าจะใช้เงินลงทุนอยู่ที่ประมาณ 1.5-2 ล้านบาทต่อแห่ง. – สำนักข่าวไทย