กรุงเทพฯ 4 มี.ค. – ปตท.สผ.ยังไม่สามารถเข้าพื้นที่โครงการ G1/61 (แหล่งเอราวัณ) ล่าช้าจากแผนงาน หวั่นกระทบการผลิตก๊าซธรรมชาติป้อนให้กับประเทศ
จากที่สัญญาสัมปทานปิโตรเลียมแหล่งเอราวัณ (โครงการ G1/61) ดำเนินการโดยบริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด จะสิ้นสุดอายุสัมปทานในวันที่ 23 เมษายน 2565 และรัฐบาลไทยได้จัดประมูลเป็นรูปแบบระบบแบ่งปันผลผลิต และบริษัท ปตท.สผ. เอนเนอร์ยี่ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (ปตท.สผ. อีดี) พร้อมพันธมิตร ชนะการประมูล เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2562 และเตรียมแผนที่จะผลิตก๊าซฯ ต่อเนื่อง ในอัตราราว 800 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน หลังหมดอายุสัมปทาน
ล่าสุดนายพงศธร ทวีสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. เปิดเผยว่า ปตท.สผ.ได้พยายามประสานงานกับผู้รับสัมปทานปัจจุบันของแหล่งเอราวัณมาโดยตลอด เพื่อเตรียมความพร้อมในการผลิตก๊าซธรรมชาติให้ได้อย่างต่อเนื่อง โดยทั้งสองฝ่ายได้ลงนามข้อตกลงเข้าพื้นที่ระยะที่ 1 ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2562 เพื่อให้ ปตท.สผ. อีดี เข้าสำรวจพื้นที่เท่านั้น
แต่เมื่อเข้าสู่การเจรจาข้อตกลงเข้าพื้นที่ระยะที่ 2 เพื่อเข้าดำเนินการติดตั้งแท่นหลุมผลิตและเจาะหลุมผลิต ซึ่งมีความจำเป็นต่อการเตรียมการผลิต แต่ผู้รับสัมปทานปัจจุบันของแหล่งเอราวัณไม่ยินยอมให้เข้าดำเนินการดังกล่าว แม้ว่า ปตท.สผ. อีดี จะพยายามสรุปการทำข้อตกลงเข้าพื้นที่ ตั้งแต่ช่วงกลางปี 2563 โดยการเข้าดำเนินการในพื้นที่จะไม่กระทบต่อการผลิตของผู้รับสัมปทานปัจจุบัน รวมถึงยอมรับเงื่อนไขทั้งหมดในการเข้าพื้นที่ ตามที่ผู้รับสัมปทานปัจจุบันต้องการ เช่น การรับผิดชอบค่าเสียหายทั้งหมดที่อาจเกิดขึ้นจากการทำงานของ ปตท.สผ. อีดี เป็นต้น
“ปตท.สผ. มีความพยายามที่จะเจรจาเพื่อเข้าพื้นที่โครงการ G1/61 มาโดยตลอด อยากขอโอกาสที่จะได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากผู้รับสัมปทานปัจจุบัน ร่วมกับการประสานงานจากทางหน่วยงานภาครัฐ เนื่องจากมองว่า ความร่วมมืออย่างจริงใจจากทุกฝ่ายเป็นการทำโดยยึดผลประโยชน์ของคนไทยและประเทศชาติเป็นหลัก ซึ่งการที่ ปตท.สผ. ยินยอมที่จะปฏิบัติตามเงื่อนไขในการเข้าพื้นที่ ตามที่ผู้รับสัมปทานรายปัจจุบันเสนอมา ถือเป็นการแสดงความจริงใจในการพยายามที่จะรักษาความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศ ทำให้รู้สึกผิดหวังเป็นอย่างยิ่งที่การเจรจาไม่เป็นผล ซึ่งการที่ ปตท.สผ.ไม่สามารถเข้าพื้นที่แหล่งเอราวัณได้ จะมีผลกระทบกับความต่อเนื่องในการผลิตก๊าซธรรมชาติ เพื่อตอบสนองความต้องการใช้พลังงานของประเทศ” นายพงศธร กล่าว
ทั้งนี้ ปตท.สผ. อีดี ได้ลงนามในสัญญาแบ่งปันผลผลิต เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2562 เพื่อเป็นผู้ดำเนินการโครงการ G1/61 (แหล่งเอราวัณ) และโครงการ G2/61 (แหล่งบงกช) ภายหลังสัญญาสัมปทานของทั้ง 2 แหล่ง สิ้นสุดในปี 2565-2566 โดยในส่วนของแหล่งเอราวัณนั้น บริษัทฯ ได้เตรียมแผนการเปลี่ยนผ่านสิทธิการดำเนินการ เพื่อให้สามารถผลิตก๊าซธรรมชาติได้ตามสัญญาไม่น้อยกว่า 800 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน สำหรับโครงการ G1/61 นั้น ปตท.สผ. อีดี ได้ร่วมทุนกับบริษัท มูบาดาลา ปิโตรเลียม (ประเทศไทย) จำกัด ในสัดส่วนการลงทุน 60% และ 40% ตามลำดับ. – สำนักข่าวไทย