ดัน อัตลักษณ์วัฒนธรรมเครื่องประดับชนเผ่าอีสานใต้ ให้โกอินเตอร์

บุรีรัมย์ 3 มี.ค.-รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ย้ำกระทรวงพาณิชย์พร้อมม ผู้ประกอบการบุรีรัมย์ ต่อยอ อัตลักษณ์วัฒนธรรมเครื่องประดับชนเผ่าอีสานใต้  เตรียมโกอินเตอร์เข้าสู่สากล


นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวภายหลังเป็นประธานในพิธีการเปิดการอบรมโครงการพัฒนาอัตลักษณ์ ยกระดับเครื่องประดับอีสานใต้ ก้าวไกลโกอินเตอร์ ที่จังหวัดบุรีรัมย์  ว่า อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อเศรษฐกิจไทย โดยเป็น สินค้าซึ่งติดอันดับ 1 ใน 3 รายการสินค้าส่งออกหลักที่นำรายได้เข้าประเทศ ก่อให้เกิดเม็ดเงิน หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเกือบหนึ่งล้านล้านบาท ซึ่งประกอบด้วย ผู้ประกอบการที่เป็น SMEs กระจายอยู่ทั่วประเทศกว่า 12,500 แห่ง ยังไม่รวมกิจการ ในครัวเรือนอีกจำนวนมาก ทำให้เกิดการจ้างงานตลอดห่วงโซ่อุปทานนับล้านคน สร้างและกระจายรายได้ ให้แก่ช่างฝีมือและผู้ประกอบการทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค

ทั้งนี้ จังหวัดบุรีรัมย์ได้ชื่อว่า จังหวัดที่ที่มีความโดดเด่นทั้งด้านศิลปะขอม ซึ่งจะเห็นได้จากแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ที่สำคัญของประเทศ อีกทั้งยังเป็นที่รู้จักในฐานะเมืองกีฬามาตรฐานโลก ซึ่งมีสนามช้างอารีนา ทีมฟุตบอลปราสาทสายฟ้า สนามแข่งรถมาตรฐานโลก อีกทั้งยังเป็นเมืองเกษตรกรรมและหัตถกรรม จนทำให้เป็นที่รู้จักดังคำขวัญที่ว่า “เมืองปราสาทหิน ถิ่นภูเขาไฟ ผ้าไหมสวย รวยวัฒนธรรม เลิศล้ำเมืองกีฬา” ซึ่งถือได้ว่าเป็นอีกเมืองหนึ่งที่มีศักภาพ และมั่นใจว่าผู้ประกอบการอัญมณีและเครื่องประดับของบุรีรัมย์ จะนำแรงบันดาลใจเหล่านี้มาสร้างสรรค์พัฒนาต่อยอดในการออกแบบเครื่องประดับ และสามารถก้าวเข้าสู่ตลาดการค้าอัญมณีและเครื่องประดับโลกได้อย่างแน่นอน โดยมอบหมายให้ สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ GIT ซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นผู้เข้าไปบูรณาการและดำเนินการร่วมกับท้องถิ่นเพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน


นายสุเมธ ประสงค์พงษ์ชัย ผู้อำนวยการ สถาบันวิจัยและพัฒฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ หรือ  GIT กล่าวว่า โครงการพัฒนาอัตลักษณ์ ยกระดับเครื่องประดับอีสานใต้ ก้าวไกลโกอินเตอร์ (อีสานมอร์เดิ้น) เป็นการต่อยอดโครงการที่สถาบันได้ลงพื้นที่ 5 จังหวัดอีสานใต้  อันประกอบด้วย จังหวัดนครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี ซึ่งมีส่วนช่วยให้เกิดการกระจายรายได้ให้แก่ช่างฝีมือและผู้ประกอบการทั้งในภูมิภาค ที่มุ่งเน้นความสามารถในการพัฒนาด้านเทคนิคการผลิตและการออกแบบผลิตภัณฑ์เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและสร้างแบรนด์ เพิ่มการเข้าถึงช่องทางการตลาดทั้งในและต่างประเทศ อันจะนำไปสู่การสร้างรายได้ให้ชุมชนพึ่งตัวเองได้ในระยะยาวต่อไป โดยคาดว่าจะมีผู้สนใจเข้าร่วมอบรมไม่น้อยกว่า 200 คน และสถาบันจะคัดเลือกผู้ประกอบเหลือเพียง 20 ราย มาสร้างสรรค์ผลงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญ และนักออกแบบแถวหน้าของประเทศ เพื่อพัฒนา และออกแบบเครื่องประดับต้นแบบที่มาจากแนวคิดสร้างสรรค์ และอัตลักษณ์ของ “อีสานใต้” อย่างแท้จริง พร้อมขยายสู่ตลาดสากลในอนาคต.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง