สภาพัฒน์ชี้เศรษฐกิจไทยเริ่มเห็นสัญญาณฟื้นตัวแล้ว

กรุงเทพฯ 26 ก.พ.-เลขาธิการสภาพัฒน์ชี้เศรษฐกิจไทยเริ่มปรับตัวดีขึ้น ยกเว้นการท่องเที่ยว-บริการ ย้ำปีนี้ไทยยังต้องพึ่งพาเศรษฐกิจในประเทศเป็นหลัก   เสนอรัฐออกมาตรการรักษาการจ้างงาน ลดผลกระทบรายได้ครัวเรือน


นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยปี 2563 ถือว่าประสบภาวะวิกฤตอย่างรุนแรง และมีความเชื่อมโยงไปทั่วโลก โดยภาพรวมปี 2563 เศรษฐกิจไทยหดตัวที่ร้อยละ 6.1 แต่ถือว่าน้อยกว่าที่หลายสำนักได้คาดการณ์ไว้ ขณะที่ปัจจุบันเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอย่างช้าๆ โดยไตรมาสที่ 4 ปีที่แล้ว เศรษฐกิจไทยหลายตัวเริ่มปรับดีขึ้น ทั้ง การบริโภคภาคเอกชน การส่งออก และการลงทุนภาคเอกชน ยกเว้นภาคบริการ และการท่องเที่ยวเนื่องจากยังไม่สามารถเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามา   

 ส่วนผลกระทบของโควิดกับเศรษฐกิจไทยจากการระบาดของโควิดระลอกใหม่   ตั้งแต่ปลายเดือนธันวาคม 2563  ไม่ได้เหนือกว่าที่คาดการณ์ไว้ การระบาดรอบแรกไทยใช้เวลา 51 วัน ในการควบคุม ส่วนระลอกนี้ผ่านมาหกสิบกว่าวัน ขณะที่วัคซีนที่มาถึงประเทศไทยแล้ว จะช่วยให้การจัดการด้านสาธารณสุขดีขึ้น ขณะเดียวกัน มาตรการล็อกดาวน์ที่ผ่านมามีความผ่อนคลายมากกว่ารอบแรก ยังมีการเดินทาง จึงทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจยังสามารถขับเคลื่อนได้ แต่สิ่งที่ยังกังวล คือ อัตราการว่างงาน  เพราะแม้อัตราการว่างงานจะดีขึ้น แต่ตัวเลขก็ยังสูงอยู่ และพบว่าชั่วโมงการทำงานลดลง ซึ่งหมายความว่ารายได้ของแรงงานก็ลดลงตามไปด้วย ดังนั้นรัฐบาล จำเป็นต้องออกมาตรการรักษาการจ้างงานไว้ เพื่อไม่ให้กระทบต่อรายได้ครัวเรือน


ส่วนแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2564 จากการกลับมาระบาดรอบใหม่ของโควิด-19  ทำให้สศช.ต้องปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยในปีนี้ลงเติบโตเหลือร้อยละ 2.5-3.5 จากที่เคยคาดไว้จะขยายตัวที่ร้อยละ 3.5-4.5  อย่างไรก็ตามต้องดูว่าการกระจายวัคซีนโควิด จะเป็นไปตามแผนหรือไม่ โดยไม่ควรกระจายให้เฉพาะบุคลากรทางการแพทย์ หรือกลุ่มเปราะบางก่อนเท่านั้น แต่ควรกระจายไปในภาคบริการและแรงงานด้วย

สำหรับปัจจัยที่จะช่วยหนุนเศรษฐกิจไทยในปีนี้ ยังต้องพึ่งพาเศรษฐกิจในประเทศเป็นหลัก โดยเฉพาะการส่งออกต้องพยายามขับเคลื่อนให้มากขึ้น  การลงทุนภาครัฐก็มีความสำคัญมาก ต้องเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ รวมทั้งกระตุ้นการใช้จ่าย เช่นมาตรการของรัฐต่าง ๆ ทั้ง โครงการคนละครึ่ง, เราชนะและเรารักกัน นอกจากนี้ การควบคุมการระบาดของไวรัสโควิดก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญ อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจไทยยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตาม คือ ประสิทธิภาพในการกระจายวัคซีน การกลับมาของนักท่องเที่ยว จะทำได้เร็วเพียงใด ซึ่งจากนี้ไปจะมุ่งไปที่นักท่องเที่ยวที่มีรายได้สูง เช่น กลุ่มที่เข้ามาวิลล่า จะเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักที่ดึงเข้ามา นอกจากนี้ยังมีปัญหาหนี้ครัวเรือนซึ่งอาจจะต้องมีการปรับโครงสร้างหนี้-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทุจริตยาโรงพยาบาลทหารผ่านศึก

รวบ “พ.อ.หญิง-แพทย์หญิง” เครือข่ายทุจริตยา รพ.ทหารผ่านศึก

ตำรวจ ปปป. และ ป.ป.ช. จับ “พ.อ.หญิง” และ “ แพทย์หญิง” เครือข่ายทุจริตยาโรงพยาบาลทหารผ่านศึก พบเส้นเงินเชื่อมโยง 10 ล้านบาท

ซบพรรคกล้าธรรม

“เอกราช” จ่อซบ “กล้าธรรม” ยันไม่ถึงขั้นแตกหัก “อนุทิน-ภท.”

“เอกราช” เตรียมย้ายซบ “กล้าธรรม” เพื่อความสบายใจในการทำงาน ยันไม่ถึงขั้นแตกหักกับ “อนุทิน-ภูมิใจไทย” คาดเตรียมขับออกเร็วๆ นี้ เผยผูกพันกับ “ธรรมนัส ” กว่า 10 ปี

ไฟไหม้ท้ายรถบัสทัศนศึกษา นักเรียน-ครู ปลอดภัย

หวิดเกิดเหตุสลด รถบัสทัศนศึกษากำลังกลับโรงเรียน เกิดไฟไหม้ท้าย โชคดีอพยพทัน นักเรียนชั้น ป.6 ทั้ง 35 คน กับครู 7 คน ปลอดภัย

รวบไรเดอร์-วิน จยย.รุมทำร้ายนักท่องเที่ยวต่างชาติ

ไรเดอร์ร่วมกับวิน จยย. รุมทำร้ายนักท่องเที่ยวชาวเยอรมันจนน่วม ตำรวจตามจับได้ 3 คน ยังอ้างรุมทำร้ายโดยไม่รู้ที่มาที่ไป คิดว่าชายต่างชาติทำร้ายคนไทย ทนไม่ได้จึงเข้าช่วย

ข่าวแนะนำ

ย้ายด่วน หัวหน้า อช.หมู่เกาะสิมิลัน เร่งสอบปมขายตั๋วไม่โปร่งใส

อธิบดีกรมอุทยานฯ สั่งย้ายด่วน หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน หลัง ป.ป.ช. สุ่มตรวจสอบการจำหน่ายตั๋วที่เกาะสี่และเกาะแปด โดยไม่แจ้งล่วงหน้า พบการจำหน่ายตั๋วส่อไม่โปร่งใส

Trump says administration is looking into Signal, thinks Waltz should not apologize

“ทรัมป์” ชี้แชทรั่วไม่มีข่าวกรองชั้นความลับ

วอชิงตัน 26 มี.ค.- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ บอกปัดกรณีแชทรั่วไปถึงนักข่าวว่า ไม่มีข้อมูลข่าวกรองชั้นความลับ และไม่มีใครต้องขอโทษ ขณะที่ สว.เดโมแครตรุมตำหนิผู้ที่เกี่ยวข้องเรียกร้องให้ลาออก นายทรัมป์แสดงความหนุนหลังทีมงานด้านความมั่นคงของเขาด้วยการตอบคำถามสื่อในเรื่องนี้ที่ทำเนียบขาวเมื่อวานนี้ตามเวลาท้องถิ่นว่า ไม่มีข้อมูลชั้นความลับถูกเปิดเผยในกลุ่มแชทสนทนาแอปพลิเคชัน ซิกนัล (Signal) ของกลุ่มเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคง ซึ่งนายไมเคิล วอลซ์ ที่ปรึกษาความมั่นคงได้เชิญนักข่าวคนหนึ่งเข้าไปรวมอยู่ด้วยโดยไม่ตั้งใจ นายทรัมป์กล่าวด้วยว่า รัฐบาลจะพิจารณาเรื่องการใช้แอปพลิเคชันสนทนานี้และคิดว่านายวอลซ์ ไม่จำเป็นต้องขอโทษในเรื่องนี้ ขณะที่นายวอลซ์ให้สัมภาษณ์ในรายการของฟ็อกซ์นิวส์ ยืนยันขอเป็นผู้รับผิดชอบในเรื่องนี้ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องน่าอับอาย กลุ่มแชทที่เขาสร้างขึ้นมีรายละเอียดเรื่องแผนการโจมตีเยเมนจริง แต่ยืนกรานว่าไม่มีข้อมูลชั้นความลับ หลังจากนายเจฟฟรีย์ โกลด์เบิร์ก บรรณาธิการข่าวของนิตยสารดิแอตแลนติก (The Atlantic) ออกมาเปิดเผยว่า ถูกรวมอยู่ในกลุ่มแชทเข้ารหัสโดยไม่รู้ตัวเมื่อวันที่ 13 มีนาคม และได้เห็นโพสต์ของนายปีเตอร์ เฮกเซธ รัฐมนตรีกลาโหมเรื่องแผนการทำสงครามก่อนสหรัฐเปิดฉากโจมตีเยเมนระลอกแรกเมื่อวันที่ 15 มีนาคม ด้านสมาชิกวุฒิสภา (สว.) พรรคเดโมแครตพากันตำหนินางทัลซี แกบบาร์ด ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติและนายจอห์น แรตคลิฟฟ์ ผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองกลางหรือซีไอเอ (CIA) ที่ไปให้ปากคำต่อคณะกรรมการข่าวกรองในวุฒิสภาว่า ฉาบฉวย ไร้ความสามารถ และไม่ให้เกียรติคนทำงานข่าวกรอง นางแกบบาร์ดและนายแรตคลิฟฟ์อยู่ในกลุ่มสนทนาในแอปฯ ซิกนัลที่มีข่าวรั่วในครั้งนี้ […]

โหวตไว้วางใจ

นายกฯ โพสต์ขอบคุณหลังสภาผ่านฉลุยไว้วางใจ

นายกฯ โพสต์ขอบคุณหลังสภาผ่านฉลุยไว้วางใจ ยัน ชี้แจงทุกประเด็น ลั่น ทั้งเสียงหนุน-เสียงไม่ไว้วางใจ จะเป็นพลังให้มุ่งมั่นทำงานเพื่อประชาชน

ผ่านฉลุย! สภาโหวตไว้วางใจ “นายกฯ แพทองธาร” 319 เสียง

สภาโหวตไว้วางใจ “แพทองธาร” นั่งนายกฯ ต่อฉลุย 4 สส.ปชป.งดออกเสียง และไร้เงา “รตอ.เฉลิม” แต่ได้แถมเสียงงูเห่ามา 7 เสียงจากไทยสร้างไทย-พปชร.และ “ปูอัด” ขณะที่นายกฯ ไหว้ขอบคุณ สส. หลังโหวต