ปี 63 บางจากฯ ขาดทุน 6,967 ล้านบาท จากวิกฤติโควิด-19

กรุงเทพฯ​ 19 ก.พ. – บางจากฯ ขาดทุนสุทธิ 6,967 ล้านบาท จากวิกฤติโควิด-19 ที่กระทบเศรษฐกิจและธุรกิจการกลั่นและการตลาด เน้นการนำนวัตกรรมมาสร้างจุดเด่นและเสริมรายได้


นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในปี 2563 ว่า บริษัท บางจากฯ และบริษัทย่อย มีรายได้จากการขายและการให้บริการ 136,450 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 28 เมื่อเทียบกับปีก่อน มี EBITDA 4,104 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 53 มี Operating EBITDA 8,874 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 10​ ผลขาดทุนสุทธิ 6,967 ล้านบาท คิดเป็นขาดทุนต่อหุ้น 5.50 บาท อย่างไรก็ดี จากการปรับโครงสร้างการลงทุน ใช้เครื่องมือทางการเงินที่เหมาะสมในการบริหารจัดการเพื่อประโยชน์สูงสุด พร้อมรับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในปี 2564 ทำให้มีกระแสเงินสด ณ สิ้นปี 2563 ที่ 21,651 ล้านบาท

ผลประกอบการดังกล่าว เนื่องจากการที่กลุ่มบริษัทฯ เผชิญกับความท้าทาย ทั้งจากวิกฤติการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ทวีความรุนแรงมากจนถึงระดับที่ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างไปทั่วโลกอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลงจากการประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์ในหลายประเทศ ทำให้ความต้องการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงทั่วโลกลดลงอย่างมีนัยสำคัญ อีกทั้งปัจจัยกดดันในเรื่องสงครามราคาน้ำมันของผู้ผลิตน้ำมันดิบรายใหญ่ ระหว่างซาอุดีอาระเบียกับรัสเซีย ทำให้ราคาน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูปปรับลดลงอย่างมาก ส่งผลให้ผลการดำเนินงานของธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันได้รับผลกระทบมากที่สุด ขณะที่กลุ่มธุรกิจพลังงานไฟฟ้า และธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพ มีผลการดำเนินงานเติบโตขึ้น จึงช่วยลดผลกระทบจากความผันผวนของผลการดำเนินงานในภาพรวม


ความผันผวนของราคาน้ำมันและการชะลอตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจโลก รวมถึงภาพรวมเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ส่งผลกระทบหนักสุดต่อธุรกิจในช่วงไตรมาส 2 ของปี 2563 แต่ในช่วงครึ่งปีหลัง เศรษฐกิจเริ่มมีทิศทางปรับตัวดีขึ้น ความต้องการใช้น้ำมันในประเทศฟื้นตัวต่อเนื่องจากมาตรการต่างๆ ของภาครัฐในการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ

อย่างไรก็ดี จากการที่กลุ่มบริษัทฯ ได้พยายามลดผลกระทบจากโควิด-19 โดยให้ความสำคัญกับกระบวนการทำงานที่กระชับ คล่องตัว ปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์ มีการปรับแผนการดำเนินธุรกิจและปรับองค์กร เพื่อสร้างช่องทางในการเข้าถึงตลาดและลูกค้า ตลอดจนดำเนินมาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตและหารายได้เพิ่ม รวมทั้งให้ความสำคัญในการควบคุมค่าใช้จ่าย สามารถลดค่าใช้จ่ายได้ประมาณ 900 ล้านบาท จากงบประมาณที่ตั้งไว้

ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยในปี 2563 ที่ต่ำกว่าปี 2562 กว่าร้อยละ 30 ทำให้กลุ่มบริษัทฯ มี Inventory Loss ขาดทุนสตอก 4,743 ล้านบาท อีกทั้งมีการบันทึกขาดทุนจากการด้อยค่าทรัพย์สิน 2,375 ล้านบาท และการด้อยค่าตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 9 (TFRS 9) 891 ล้านบาท


สำหรับผลการดำเนินงานในแต่ละกลุ่มธุรกิจ มีดังนี้ กลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน มีค่าการกลั่นพื้นฐาน 3.20 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ลดลง 2.21 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล จากปีก่อน ทำให้โรงกลั่นต้องปรับลดกำลังการผลิตมาอยู่ในระดับ 97,200 บาร์เรล/วัน หรือคิดเป็นร้อยละ 81 ของกำลังการผลิตรวม บริษัท BCP Trading ยังคงเติบโต มีธุรกรรมการซื้อขายน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์น้ำมันเพิ่มขึ้นร้อยละ 20 และกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น ส่วนกลุ่มธุรกิจการตลาด ปริมาณการจำหน่ายรวมลดลงร้อยละ 17 แต่ยังคงขยายจำนวนสถานีบริการเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยมีจำนวนสถานีบริการน้ำมัน ณ สิ้นปี 2563 ทั้งสิ้น 1,233 สาขา มีส่วนแบ่งการตลาดด้านปริมาณการจำหน่ายน้ำมันผ่านสถานีบริการปี 2563 อยู่ที่ร้อยละ 15.6 (ตามข้อมูลกรมธุรกิจพลังงาน) และครองความนิยมเป็นลำดับที่ 1 ในใจของผู้ใช้บริการ 2 ปีซ้อน จากดัชนีวัดความพึงพอใจของลูกค้าตามผลประเมิน Net Promoter Score (NPS) ส่วนร้านกาแฟอินทนิล ณ สิ้นปี 2563 มีทั้งสิ้น 673 สาขา

ด้านกลุ่มธุรกิจพลังงานไฟฟ้าเติบโตเพิ่มขึ้นจากการขยายการลงทุนในโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานน้ำ Nam San 3A และ Nam San 3B กำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญารวมทั้ง 2 โครงการ 114 เมกะวัตต์ ใน สปป ลาว และการเข้าซื้อโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทย “RPV” จำนวน 4 โครงการ กำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญารวม 20 เมกะวัตต์ ส่งผลให้มีปริมาณการจำหน่ายไฟฟ้ารวมเพิ่มขึ้นร้อยละ 100 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ทำให้มีกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญาทั้งหมด จำนวน 473.7 เมกะวัตต์ และรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วม 270 ล้านบาท ซึ่งลดลงจากปีก่อน สาเหตุหลักมาจากธุรกิจผลิตไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพ ในประเทศอินโดนีเซีย มีการบันทึกค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการ Refinance เงินกู้เดิม 172 ล้านบาท จากการ Refinance เงินกู้ดังกล่าว ทำให้บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) (“BCPG”) ได้รับชำระคืนค่าหุ้นจากการลดทุนของบริษัทร่วม Star Energy Group Holding Pte. Ltd., จำนวนประมาณ 842 ล้านบาท (ตามสัดส่วนที่เป็นของ BCPG ร้อยละ 33.33)

ส่วนกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพ มีผลการดำเนินงานเติบโตต่อเนื่องและสูงสุดตั้งแต่เริ่มเปิดดำเนินการมา โดยธุรกิจไบโอดีเซล กำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นมากถึงร้อยละ 177 และบริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน) ได้ขยายสู่ธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพมูลค่าสูง ผ่านการลงทุนในบริษัท Manus Bio Inc. ประเทศสหรัฐอเมริกา รวมถึงมีแผนตั้งโรงงาน Synthetic Biology เพื่อผลิตผลิตภัณฑ์แบบ Multi-Products แห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

กลุ่มธุรกิจผลิตทรัพยากรธรรมชาติ ผลการดำเนินงานลดลงอย่างมาก เนื่องจากรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม OKEA ขณะที่ปีก่อนรับรู้ส่วนแบ่งกำไร และช่วงปลายปี บริษัท BCP Innovation Pte. Ltd ได้ลดสัดส่วนการถือหุ้นใน Lithium Americas Corp. (LAC) ซึ่งมูลค่าที่ได้รับจากการลดสัดส่วนการลงทุนในครั้งนี้ประมาณ 136 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำรองไว้สำหรับหาโอกาสขยายธุรกิจในอนาคต

ในส่วนของโครงการด้านนวัตกรรม บางจากฯ เป็นรายแรกในประเทศไทย ที่นำร่องเปิดตัวสตาร์ทอัพ “Winnonie” (วิน No หนี้) เพื่อช่วยลดภาระหนี้สินของวินมอเตอร์ไซค์ ด้วยการนำนวัตกรรมพลังงานสีเขียวมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ามาทดลองให้วินมอเตอร์ไซค์ในพื้นที่รอบสำนักงานใหญ่และโรงกลั่นน้ำมันบางจากฯ เช่า ซึ่งช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย พร้อมการเปลี่ยนแบตเตอรี่แบบ swapping ที่ตู้สำหรับแลกเปลี่ยนแบตเตอรี่ที่สถานีบริการน้ำมันบางจาก

สำหรับปี 2564 คาดการณ์ว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 จะคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น หลังจากที่ประเทศไทยกำลังจะได้รับวัคซีนป้องกัน ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อการดำเนินธุรกิจของบางจากฯ หลังจากปรับโครงสร้าง เสริมสภาพคล่องให้แข็งแรง มีความพร้อมในการปรับตัว ขยายศักยภาพในการบริหารงาน และการลงทุนต่อยอดธุรกิจใหม่ พร้อมรุกไปข้างหน้าเต็มที่ เพื่อร่วมขับเคลื่อนประเทศ ฟื้นฟูเศรษฐกิจ ผ่านโครงการและกิจกรรมต่างๆ เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่มในทุกธุรกิจ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังไม่หยุดยั้งที่จะแสวงหาโอกาสในการทำธุรกิจใหม่ๆ ทั้งในและต่างประเทศ ในขณะที่ยังให้ความสำคัญกับการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม ภายใต้บทบาทผู้นำนวัตกรรมสีเขียวเพื่อความยั่งยืน มุ่งหน้าสู่การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน โดยมีเป้าหมายจะเพิ่มรายได้จากธุรกิจสีเขียวเป็น 40-50% ในปี 2567.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เก๋งซิ่งแหกโค้งชนเสาเหล็ก ไฟลุกไหม้คลอกคนขับดับสลด

ลพบุรี 6 มิ.ย. – เก๋งหรูซิ่งเสียงดังลั่น หมุนโชว์กลางสี่แยก ก่อนแหกโค้งชนเสาเหล็กป้ายข้างทางไฟลุกไหม้เสียหายทั้งคัน คลอกคนขับดับสลด เมื่อเวลา 03.30 น.ที่ผ่านมา ร.ต.ท.ชาตรี ทรัพย์นิยมพงศ์ ร้อยเวรสอบสวน สภ.เมืองลพบุรี รับแจ้งรถเก๋งชนเสาข้างถนน ไฟลุกไหม้ทั้งคัน บนถนนทางเข้าบ้านหนองน้ำทิพย์ หมู่ 7 ต.เขาพระงาม อ.เมืองลพบุรี พร้อมแจ้งรถน้ำดับเพลิงป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลตำบลเขาพระงาม รุดไปดับไฟ และเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู ร่วมตรวจสอบ จุดเกิดเหตุพบไฟกำลังลุกไหม้โหมทั่วไปทั้งคันรถ สังเกตดูเบื้องต้นคนขับติดอยู่ที่เบาะนั่งสภาพหมดสติ เจ้าหน้าที่เร่งระดมฉีดน้ำใช้เวลาประมาณ 15 นาที เพลิงสงบ จากการตรวจสอบด้านซ้ายรถชนอัดอยู่กับเสาเหล็กป้ายบอกทาง สภาพเหลือแต่ซาก เบื้องต้นพบเป็นรถเก๋งยี่ห้อยี่ห้อบีเอ็มดับเบิลยู ไม่ทราบสี-ทะเบียน ถูกไฟไหม้ เหลืออยู่ครึ่งป้าย ภายในรถพบร่างชายถูกไฟไหม้เกรียม ยังไม่ทราบชื่อว่าเป็นใครมาจากไหน สอบถามนางเล็ก ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองนั่งเฝ้าเครื่องสูบน้ำใกล้จุดเกิดเหตุ ได้ยินเสียงรถเก๋งคันดังกล่าวขับซิ่งมาจากแยกเขาพระงาม มุ่งหน้าไปทางโคกสำโรง เสียงท่ออย่างดังลั่น พอมาถึงสามแยกบ้านหนองน้ำทิพย์ ได้หมุนโชว์กลางแยก 1 รอบ จากนั้นขับไปยูเทิร์นกลับมาอีกรอบ เลี้ยวเข้าทางแยกหนองน้ำทิพย์ได้ประมาณ 300 เมตร […]

ตำรวจเร่งตามหาเจ้าของเงิน 12 ล้าน วางทิ้งข้างถังขยะ

นนทบุรี 6 มิ.ย. – ตำรวจเร่งตามหาเจ้าของเงินสด 12 ล้าน ในกล่องพลาสติก วางทิ้งข้างถังขยะคอนโดฯ ย่านเมืองทองธานี จากกรณีพลเมืองดีพบธนบัตรไทยจำนวนมาก ถูกซุกซ่อนอยู่ภายในกล่องพลาสติก บริเวณคอนโดฯ ย่านเมืองทองธานี จ.นนทบุรี เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบเอกสารเกี่ยวกับหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายและซองจดหมาย ปรากฏชื่อบุคคลและหน่วยงานรัฐในเอกสาร จึงได้ยึดธนบัตรดังกล่าวมาที่ สภ.ปากเกร็ด เพื่อพิสูจน์ว่าเป็นเงินอะไร ได้มาถูกต้องหรือไม่ และใครเป็นเจ้าของที่แท้จริง เบื้องต้นพบเป็นเงินสดจำนวน 12 ล้านบาท และเมื่อเจ้าหน้าที่นำสายรัดของธนบัตรดังกล่าวไปตรวจสอบ พบว่ามีการจ่ายเงินออกมาจำนวนดังกล่าวตั้งแต่ปี 2563    พลเมืองดีเล่าว่า เวลาประมาณ 20.00 น. ของเมื่อวานนี้ (5 มิ.ย.) ตนและเพื่อนเดินไปลิฟต์ที่ชั้น 4 ซึ่งข้างลิฟต์เป็นที่ทิ้งขยะ เห็นกล่องสภาพดีวางอยู่ ก็จะเก็บไปใช้ ซึ่งกล่องถูกเปิดแง้มเอาไว้และมีเสื้อผ้าวางทับด้านบน จึงเปิดดูพบเงินสดฉบับละ 1,000 บาท เป็นมัดๆ จำนวนมาก จึงโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจสอบ ความคืบหน้าในการติดตามหาตัวคนที่นำกล่องเงินมาทิ้ง ตำรวจสืบสวน สภ.ปากเกร็ด ได้ลงพื้นที่ไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณจุดที่พบเพื่อหาเบาะแสคนที่นำกล่องพลาสติกมาทิ้ง เบื้องต้นยังไม่พบผู้ต้องสงสัย นอกจากนี้ยังได้พยายามติดต่อกับ นายทวีวัฒน์ […]

น้ำมันรั่วลงทะเล

สั่งเจ้าท่าระงับเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar

ชลบุรี 6 มิ.ย.- “มนพร” สั่งการกรมเจ้าท่าตั้งศูนย์ประสานงานแก้ไขปัญหาและควบคุมสถานการณ์น้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar บริเวณท่าเรือบริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ศรีราชา จังหวัดชลบุรี นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม สั่งการให้ นายกริชเพชร ชัยช่วย อธิบดีกรมเจ้าท่า ดำเนินการจัดตั้งศูนย์ประสานงานป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมัน เพื่อ ระงับเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar ซึ่งเป็นเรือบรรทุกน้ำมันดิบสัญชาติสิงคโปร์ หมายเลข IMO 9828962 โดยเหตุเกิดบริเวณทุ่นรับน้ำมันกลางทะเล (SBM2) ของบริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ในเขตพื้นที่ศรีราชา จังหวัดชลบุรี เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเวลา 00.54 น. โดยมีสาเหตุมาจากท่อส่งน้ำมันที่ชำรุด ส่งผลให้น้ำมันดิบรั่วไหลลงสู่ทะเลในปริมาณประมาณ 20 คิว หรือราว 20 ตัน กรมเจ้าท่าได้ดำเนินการประเมินสถานการณ์โดยเร่งดำเนินการจัดตั้งศูนย์ประสานงานฯ ณ โรงกลั่นน้ำมันของบริษัทไทยออยล์ จังหวัดชลบุรี เพื่อเป็นศูนย์กลางในการควบคุมเหตุการณ์ ทั้งนี้กรมเจ้าท่าในฐานะเลขานุการศูนย์ประสานงาน ได้ประสานกองทัพเรือจัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ในการขจัดคราบน้ำมัน จากการสำรวจพื้นที่ พบว่าลักษณะของคราบน้ำมันเป็นคราบสีดำหรือน้ำตาลบาง ๆ […]

นักศึกษาเจอคอลเซ็นเตอร์ปั่นหัวถือมีดบุกโรงพัก

เชียงใหม่ 5 มิ.ย. – แก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกนักศึกษาเชียงใหม่ สูญกว่า 2 ล้านบาท พ่อแม่เครียดหมดเนื้อหมดตัว บางรายถูกปั่นหัวให้ถือมีดบุกโรงพักเย้ยตำรวจ พบเฉพาะ สภ.ภูพิงค์ฯ มีเหยื่อโดนหลอกลักษณะนี้แล้วกว่า 300 ราย กล้องวงจรปิดบันทึกภาพนักศึกษาสาว ชั้นปีที่ 4 ขี่รถจักรยานยนต์มาจอดภายใน สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ จากนั้นเดินไปเข็นวีลแชร์ที่อยู่ตรงหัวมุมอาคาร แล้วก็เข็นไปเข็นมาอยู่อย่างนั้น ก่อนจะถือมีดไปที่บริเวณห้องรับแจ้งความ และอ้างว่า จะมาขอพบตำรวจนายหนึ่ง แต่ไม่มีชื่อนี้อยู่ที่โรงพัก จึงขอพบ พันตำรวจเอก มนัสชัย อินทร์เถื่อน ผู้กำกับ สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ เพราะไปฆ่าคนตายมา ขณะนั้น ตำรวจสืบสวนสังเกตเห็นว่า นักศึกษาสาวมีท่าทางหวาดระแวงใส่หูฟังเหมือนกับทำตามคำสั่งใครสักคนที่สั่งการจากปลายสาย ด้านตำรวจจึงชวนพูดคุยสอบถามสักพัก จนยอมวางมีดลง จากนั้น ตำรวจจึงขอให้ดึงหูฟังออก ปรากฏว่า นักศึกษาสาวกลับได้สติขึ้นมาว่า ชายที่สั่งการทางโทรศัพท์ไม่ใช่ตำรวจจริง เป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สั่งให้มาป่วนตำรวจ เนื่องจากไม่มีเงินโอนให้ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 มิ.ย. ที่ผ่านมา ตำรวจจึงตรวจสอบพบว่า ในวันเดียวกัน […]

ข่าวแนะนำ

ทบ. แจง 4 ขั้นตอนแนวทางปฏิบัติควบคุมจุดผ่านแดนไทย–กัมพูชา

กองทัพบก 7 มิ.ย.-ทบ. แจงแนวทางปฏิบัติตามคำสั่งควบคุมจุดผ่านแดนไทย–กัมพูชา ดำเนินการเป็นขั้นตอนตามสถานการณ์ในแต่ละพื้นที่ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่าจาก กรณีที่กองทัพบกได้ออกคำสั่งให้มีการควบคุมจุดผ่านแดนทุกประเภทตลอดแนวชายแดนไทย–กัมพูชา เพื่อรักษาอธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดน และความมั่นคงของชาติ การดำเนินการตามคำสั่งดังกล่าวมิได้เป็นการใช้มาตรการสูงสุดในทันที แต่เป็นแนวทางปฏิบัติแบบขั้นตอน โดยพิจารณาจากระดับความรุนแรงของสถานการณ์ในแต่ละพื้นที่ โดยแบ่งออกเป็น 4 ขั้นตอนหลัก ดังนี้ ขั้นที่ 1 จำกัดการผ่านแดนเฉพาะบุคคลที่มีเหตุจำเป็น เช่น การค้าขาย การขนส่งสินค้า แรงงาน และงานจำเป็นอื่น ๆ โดยเพิ่มระดับความเข้มงวดในการตรวจสอบบุคคลที่มีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น นักพนัน หรือกลุ่มที่อาจเกี่ยวข้องกับกิจกรรมผิดกฎหมาย ขั้นที่ 2 ปรับลดช่วงเวลาในการเปิด–ปิดจุดผ่านแดน พร้อมทั้งกำหนดวัน–เวลาการเข้า–ออกอย่างชัดเจน เพื่อควบคุมความเคลื่อนไหวของบุคคลและกิจกรรมในพื้นที่ชายแดน ขั้นที่ 3 ปิดจุดผ่านแดนบางจุด (Selective Closure) โดยพิจารณาจากจุดที่มีความเสี่ยงสูง หรือมีข้อมูลด้านความมั่นคงที่อาจนำไปสู่การรุกล้ำ หรือการก่อเหตุจากฝ่ายตรงข้าม ขั้นที่ 4 ปิดจุดผ่านแดนตลอดแนวชายแดนในกรณีที่เกิดสถานการณ์วิกฤต หรือมีการรุกรานอย่างชัดเจน เพื่อควบคุมสถานการณ์ในระดับสูงสุด โฆษกกองทัพบกย้ำว่า มาตรการดังกล่าวได้มอบอำนาจให้ กองกำลังบูรพา และ […]

กองทัพอิสราเอลพบร่างตัวประกันชาวไทยในฉนวนกาซา

เยรูซาเล็ม 7 มิ.ย. – นายอิสราเอล คัตซ์ รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล กล่าววันเสาร์ว่า กองทัพอิสราเอลได้พบร่างของตัวประกันชาวไทยชื่อ นายณัฐพงษ์ ปินตา ที่ถูกควบคุมตัวในฉนวนกาซาตั้งแต่การโจมตีอิสราเอลของกลุ่มฮามาสเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2023 นายคัตซ์กล่าวว่า ร่างของณัฐพงษ์ อยู่กับกลุ่มติดอาวุธปาเลสไตน์ที่ชื่อว่า กองพลน้อยมูจาฮีดีน และถูกนำกลับมาจากพื้นที่ราฟาห์ทางตอนใต้ของฉนวนกาซา ในขณะที่ครอบครัวของเขาในประเทศไทยได้รับแจ้งแล้ว นายณัฐพงษ์ ซึ่งเป็นคนงานภาคเกษตรกรรม ถูกลักพาตัวไปจาก คิบบุตซ์ นีร์ ออซ ซึ่งเป็นชุมชนเล็กๆ ใกล้ชายแดน ซึ่งเป็นจุดดที่หนึ่งในสี่ของประชากรถูกสังหารหรือถูกจับเป็นตัวประกันระหว่างการโจมตีที่นำโดยกลุ่มฮามาสในปี 2023 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามในฉนวนกาซา กองทัพอิสราเอลกล่าวว่า นายณัฐพงษ์ ถูกลักพาตัวไปในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ และถูกสังหารโดยผู้ที่จับตัวเขาไป ซึ่งได้ลงมือสังหารและนำร่างของตัวประกันชาวอิสราเอล-อเมริกันอีกสองคนกลับไปยังฉนวนกาซาด้วย โดยร่างของทั้งสองคนนั้นก็เพิ่งได้กลับคืนมาได้ในสัปดาห์นี้.-813.-สำนักข่าวไทย

ระงับเดินทางเข้า-ออก จุดผ่านแดนถาวรบ้านแหลม-บ้านผักกาด ชั่วคราว

จันทบุรี 7 มิ.ย. – หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินจันทบุรี ออกหนังสือราชการ ระงับนักท่องเที่ยวไทย-กัมพูชา เดินทางผ่านเข้า-ออก จุดผ่านแดนถาวรบ้านแหลม – บ้านผักกาด ชั่วคราว ยกเว้นแรงงานกัมพูชาที่เข้ามาทำงานในไทย ผู้สื่อข่าว รายงานว่า นาวาเอกนพโรจน์ สิริปริยพงศ์ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินจันทบุรี ลงนามในหนังสือราชการด่วนที่สุด แจ้งไปยังผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดจันทบุรี เรื่อง ขอระงับนักท่องเที่ยวชาวไทย และชาวกัมพูชา เดินทางผ่านเข้า – ออก ณ จุดผ่านแดนถาวรฯ โดยอ้างอิงตามประกาศให้ใช้กฎอัยการศึก ในเขตพื้นที่จังหวัดจันทบุรี เฉพาะอำเภอขลุง อำเภอโป่งน้ำร้อน และอำเภอสอยดาว และตามมาตรา 5 แห่ง พระราชบัญญัติกฎอัยการศึก 2547 กำหนดให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร มีอำนาจ เหนือเจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือน เกี่ยวกับการยุทธ์ การระงับปราบปราม หรือการรักษาความสงบเรียบร้อย และ เจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือนต้องปฏิบัติตามความต้องการของเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร เนื่องจากปัจจุบันมีสถานการณ์อันเป็นภัยคุกคามจากประเทศกัมพูชา และอาจก่อให้เกิดความไม่ปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทย และประชาชนชาวกัมพูชา อาศัยอำนาจตามมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก 2547 ขอให้ข้าราชการทุกกระทรวง ทบวง […]

มอบอำนาจ ผบ.กองกำลังบูรพา – สุรนารี คุมจุดผ่านแดนไทย–กัมพูชา

กองทัพบก 7 มิ.ย. – ทบ.ออกคำสั่งมอบอำนาจ ผบ.กองกำลังบูรพา และ ผบ.กองกำลังสุรนารี ควบคุมจุดผ่านแดนแนวชายแดนไทย–กัมพูชา ตามมติ สมช. พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก ได้ลงนามในคำสั่งกำหนดอำนาจให้ผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา และผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี มีอำนาจในการควบคุมการเปิด–ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทตลอดแนวชายแดนไทย–กัมพูชา โดยสามารถพิจารณากำหนดมาตรการ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่จำเป็น ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ตามลำดับขั้นความเข้มงวดในแต่ละพื้นที่ การดำเนินการดังกล่าวเป็นผลสืบเนื่องจากมติที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2568 ซึ่งมอบหมายให้กองทัพบกเป็นหน่วยหลักในการควบคุมการเปิด–ปิด จุดผ่านแดนทุกประเภท เพื่อรักษาความมั่นคงของชาติให้เหมาะสมกับสถานการณ์ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติตามข้อกำหนดของกองทัพบกอย่างเคร่งครัด การออกมาตรการดังกล่าวสอดคล้องกับสถานการณ์ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา ซึ่งฝ่ายกัมพูชารุกล้ำชายแดนไทยหลายครั้ง พร้อมแสดงท่าทียั่วยุอย่างเปิดเผย แม้ไทยจะใช้สันติวิธีและพยายามเจรจา แต่กัมพูชายังเสริมกำลังและจัดตั้งฐานทหารใกล้ชายแดน แสดงถึงความไม่ร่วมมือและเป็นภัยต่ออธิปไตยและความมั่นคงของไทย ทำให้ไทยจำเป็นต้องดำเนินมาตรการที่เหมาะสมเพื่อรักษาผลประโยชน์และความสงบเรียบร้อยของประชาชนตามแนวชายแดน สำหรับรายละเอียดทั้งหมดในคำสั่งดังกล่าวสามารถติดตามได้ผ่านช่องทางการสื่อสารทางการของกองทัพบกที่เว็บไซต์ www.rta.mi.th เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลที่ถูกต้องจากทางราชการ -313-สำนักข่าวไทย