กรมส่งเสริมสหกรณ์เร่งแก้ปัญหาหนี้สหกรณ์สโมสรรถไฟ

กรุงเทพฯ 5 ก.พ.-กรมส่งเสริมสหกรณ์เดินหน้าแก้ไขปัญหาลูกหนี้สหกรณ์ออมทรัพย์สโมสรรถไฟ จำกัด (สอ.สรฟ. )คู่ขนานกับดีเอสไอ เตรียมนัดสอ.สรฟ. วันที่ 8 กุมภาพันธ์ นี้ ขมวดแผนชำระเงินเพื่อผลดีทุกฝ่าย


นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์  เปิดเผยว่า   เมื่อวันที่  3 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สหกรณ์เจ้าหนี้ของสหกรณ์ออมทรัพย์สโมสรรถไฟ จำกัด (สอ.สรฟ.) 15  แห่งซึ่งมียอดหนี้เงินกู้และเงินฝากประมาณ  3,000 ล้านบาท  ได้เข้าพบเพื่อติดตามความก้าวหน้าในการแก้ไขปัญหาหนี้สินของสอ.สรฟ.ที่ยังไม่สามารถชำระคืนได้ ซึ่งในการหารือได้มีการชี้แจงถึงความก้าวหน้าในการแก้ไขปัญหา อย่างไรก็ตามในวันที่  8 กุมภาพันธ์นี้จะเชิญกรรมการสหกรณ์สอ.สรฟ.มารือถึงแผนการชำระหนี้เงินกู้ให้กับ 4 สหกรณ์เจ้าหนี้เงินกู้ เพื่อให้การชำระหนี้เป็นไปตามข้อตกลงที่ได้ทำร่วมกันไว้ 

ทั้งนี้ กรมส่งเสริมสหกรณ์รับทราบความกังวลของเจ้าหนี้ทั้งหมดของสอ.สรฟ.โดยเฉพาะประเด็นการตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ ซึ่งจะกลายมาเป็นภาระของสหกรณ์นั้น ๆ  โดยทางกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ได้ชี้แจงกรณีดังกล่าวว่า ตามหลักเกณฑ์ทางบัญชี หากลูกหนี้ยังชำระตามแผนได้ก็ไม่ต้องตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ อย่างไรก็ตามที่ผ่านมากรมฯยืนยันว่าไม่เคยหนีปัญหา ยังติดตามต่อเนื่องเพื่อช่วยแก้ไขให้กับทุกฝ่ายจึงได้มีการติดตามแก้ไขมาต่อเนื่องตลอด 3 ปีที่ผ่านมา จนล่าสุดสามารถที่จะประสานกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ติดตามจับกุมนายบุญส่ง หงส์ทอง และพวก อดีตกรรมการสอ.สรฟ.ที่ทุจริต และสามารถอายัดทรัพย์ได้ส่วนหนึ่ง  ซึ่งจะเป็นผลให้สอ.สรฟ.จะมีสินทรัพย์และสภาพคล่องในอนาคตเพิ่มขึ้นที่จะนำมาบริหารจัดการกับหนี้สินทั้งเงินกู้และเงินฝากได้ในลำดับถัดไป


สำหรับกรณีที่ 4 สหกรณ์เจ้าหนี้ได้มีการฟ้องร้องดำเนินคดีกันบ้างแล้ว ซึ่งกรมฯไม่ขอก้าวก่ายสิทธิในการฟ้องร้องของแต่ละสหกรณ์  แต่ในฐานะที่เป็นพี่เลี้ยงของสหกรณ์ก็ยังหวังว่าหากสามารถเจรจากันได้และให้เวลาสอ.สรฟ.ชำระหนี้ตามแผนก็คาดว่าจะเป็นผลดีกับทุกฝ่ายทั้งเจ้าหนี้และลูกหนี้ด้ ด้านนายประกอบ เผ่าพงศ์ ผู้ตรวจราชการกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมากรมฯได้มีการประสานกับสอ.สรฟ.ในการให้ชำระเงินตามงวดตามบันทึกข้อตกลงร่วมกัน(เอ็มโอยู) จากการที่สอ.สรฟ.จะมีรายรับประมาณเดือนละ40-50  ล้านบาท เป็นผลให้ปัจจุบัน ณ  วันที่  2 กุมภาพันธ์ 2564  สอ.สรฟ.สามารถที่จะชำระเงินให้กับสหกรณ์ออมทรัพย์ที่เป็นเจ้าหนี้ได้ตามแผน MOU ที่ได้ทำกันไว้ เป็นสหกรณ์เจ้าหนี้เงินฝาก จำนวน 14 แห่งและเจ้าหนี้เงินกู้ 1 แห่ง และมีสหกรณ์แห่งหนึ่งที่เป็นเจ้าหนี้ประมาณ  8 ล้านบาท คาดว่าอีก 2 เดือนจะชำระเจ้าหนี้รายนี้หมด จะทำให้สอ.สรฟ.มีเงินเหลือเพิ่มขึ้นและสามารถบริหารได้มากขึ้นด้วย ถือเป็นสัญญาณที่ดีในการแก้ไขปัญหาร่วมกัน โดยกรมส่งเสริมสหกรณ์ สันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทยและสหกรณ์ทั้ง 15 แห่ง จะได้นัดประชุมหารือและหาแนวทางแก้ไขปัญหาร่วมกันทุก ๆ 3 เดือน เพื่อติดตามสถานะทางการเงินของสอ.สรฟ.อย่างใกล้ชิดต่อไป-สำนัก

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง