กรุงเทพฯ 3 ก.พ.-ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีห่วงปัญหาฝุ่น PM2.5 ซึ่งสัปดาห์นี้สะสมหนาแน่นเนื่องจากลมที่พัดปกคลุมประเทศไทยมีกำลังอ่อนลง กำชับทุกหน่วยงานเร่งแก้ไขทั้งด้านควบคุมฝุ่นจากการจราจร การก่อสร้าง และพื้นที่เกษตรที่จะลุกลามเข้าสู่ป่า
นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ประธานอนุกรรมการสื่อสารการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) กล่าวว่า ห่วงใยปัญหามลพิษทางอากาศจากฝุ่น ฝุ่น PM2.5 โดยสัปดาห์นี้ ช่วงวันที่ 1-7 กุมภาพันธ์ ลมที่พัดปกคลุมประเทศไทยมีกำลังอ่อนถึงปานกลาง ทำให้แนวโน้มการสะสมของ PM2.5 เพิ่มสูงขึ้นในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก จึงขอความร่วมมือจากประชาชนในการรับฟังข้อมูลข่าวสารและประกาศจาก ศกพ. ในการติดตามสถานการณ์สภาพอากาศที่เกิดขึ้น และขอความร่วมมือสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าเพื่อป้องกันฝุ่นละอองเข้าสู่ร่างกาย
ทั้งนี้ ล่าสุดกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งบรรเทาผลกระทบจากแหล่งกำเนิดฝุ่นทั้งในเมืองและนอกเมือง โดยในเขตเมืองมี ต้องตรวจควันดำในพื้นที่ในจุดที่มีการใช้รถคับคั่งเช่น ท่ารถ ท่าเรือ หรืออู่รถยนต์ ทั้งรถบรรทุกขนาดใหญ่ กลาง เล็ก ซึ่งขอให้ทางกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ประสานกรมการขนส่งทางบกให้รวบรวมข้อมูลเหล่านี้ในเขต กทม. และปริมณฑล และบริเวณเมืองใหญ่ เพื่อที่จะนำหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจตราเพื่อให้เกิดการบำรุงรักษาเครื่องยนต์ให้เป็นไปตามรอบ ทำให้ไม่เกิดควันดำรวมไปถึงรถประจำทางต่างๆ ด้วย อีกกิจกรรมคือ การก่อสร้างในพื้นที่ กทม. และเมืองใหญ่ต้องทำสแลนในการดักกันฝุ่นไม่ให้กระจาย บางพื้นที่ยังพบว่ายังไม่มีการกันฝุ่นอยู่ รวมไปถึงขอให้การก่อสร้างรถไฟฟ้าได้มีการสเปรย์น้ำและกันฝุ่นเพิ่มมากขึ้น ตรงนี้เราจะมีการเข้าไปติดตามในการแก้ด้วย และอีกส่วนคือ โรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งประสานกับ คพ. กับกระทรวงอุตสาหกรรมไว้ว่า จะไปดูโรงงานอุตสาหกรรมที่อยู่ในเขต กทม.ปริมณฑล และตามเมืองใหญ่ๆ ว่ามีระบบในการคัดกรองฝุ่นต่างๆ เหล่านี้ก่อนที่จะปล่อยออกสู่บรรยากาศหรือไม่ โดยจะติดตามอย่างเข้มงวดและใกล้ชิด
สำหรับในเขตนอกเมือง เป็นการเผาในที่โล่งโดยเฉพาะในเขตพื้นที่เกษตรกรรม ได้ประสานกับอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร ให้ช่วยกันดูเรื่องของการแก้ไขปัญหา โดยเฉพาะให้ติดตามข่าวสารของกรมอุตุนิยมวิทยา กับ ศกพ. อย่างต่อเนื่อง และช่วงไหนจะของดการเผา ช่วงไหนจะมีการแบ่งหรือเปลี่ยนเวลาในการเผาในที่โล่งก็ไปดู นอกจากนั้นแล้วในพื้นที่ชายขอบติดกับป่า นอกจากนี้ยังซักซ้อมกับกรมป่าไม้กับกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชให้ลาดตะเวนในพื้นที่ชายขอบเหล่านี้ให้มากขึ้น และหยุดหรือดับไฟก่อนที่ไฟจะลามไปยังผืนป่า
นายธีรภัทรกล่าวต่อถึงการสื่อสารข้อมูลต่างๆ ที่สำคัญให้ประชาชนซึ่งศกพ. ได้ทำการประสานหน่วยงานต่างๆ สร้างการรับรู้ให้แก่กลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะกลุ่มผู้ขับขี่รถ การก่อสร้าง โดยมีการหารือกับผู้ที่เกี่ยวข้องรวมทั้งการประสานกับทางภาครัฐที่มีการควบคุมการก่อสร้างต่างๆ กลุ่มเป้าหมายอีกส่วนหนึ่งจะเป็นกลุ่มเกษตรกรรมซึ่งจะต้องลดการเผาในพื้นที่เกษตรให้เกิดผลอย่างจริงจัง รวมทั้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมอบหมายให้ผู้รับผิดชอบเข้าไปติดตามแก้ไขปัญหาโดยตรง โดยนายกรัฐมนตรี มอบหมายให้ทางผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี 18 เขตติดตามการทำงานในส่วนนี้มากขึ้น ตามแนวทาง “ลดแหล่งกำเนิด-หยุดยั้งปัญหา-ควบคุมพื้นที่”เป็นต้น.-สำนักข่าวไทย