นนทบุรี 19 ม.ค. – สถาบันอัญมณีฯ เตือนภัยผู้บริโภคระวังถูกหลอกซื้อ “ไข่มุก” ปลอม หลังพบไลฟ์สขายเกลื่อน แนะควรซื้อจากร้านที่มีมาตรฐาน และมีใบรับรองคุณภาพเป็นหลัก
นายสุเมธ ประสงค์พงษ์ชัย ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ GIT เปิดเผยว่า ขณะนี้พบการซื้อขายไข่มุกในรูปแบบใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมและแพร่หลายอย่างมากในสื่อสังคมออนไลน์ (Social Medial) และตลาดออนไลน์ (e-marketplace) โดยเป็นการขายไข่มุกที่เสมือนแกะสดจากตัวหอย หรือที่เรียกว่า “แกะหอยมุกสุ่มสี” ผู้ขายมักจะทำการถ่ายทอดสด (Live) การแกะหอยมุก เพื่อให้ลูกค้าสามารถลุ้นสีและขนาดของไข่มุกที่อยู่ภายในตัวหอย โดยส่วนใหญ่จะมีการโฆษณาว่าหอยมุกที่นำมาจำหน่ายนั้นเป็นหอยมุกเลี้ยงน้ำเค็ม และมีสีมากกว่า 50 เฉดสี และยังพบการจำหน่ายหอยมุกแบบเปิดลุ้นไข่มุกด้วยตนเอง ในแอปพลิเคชันขายของออนไลน์ ที่มีการโฆษณาว่าเป็นหอยมุกน้ำเค็ม และหอยมุกอะโกย่าเป็นจำนวนมาก โดยมีราคาประมาณ 180–650 บาทต่อตัว ซึ่งส่วนใหญ่มีแหล่งผลิต และนำเข้ามาจากจีน
อย่างไรก็ตาม จากการรวบรวมข้อมูลของที่มีการรายงานเกี่ยวกับไข่มุกจากการทำฟาร์มเลี้ยงหอยมุก ไม่ใช่หอยมุกทุกตัวที่จะผลิตไข่มุกคุณภาพดีที่สามารถนำมาทำเป็นเครื่องประดับได้ ต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ชนิดของหอยมุก สภาพแวดล้อม และระยะเวลาในการเลี้ยง อีกทั้งสีของไข่มุกเลี้ยงจะมีสีพื้นเพียงไม่กี่สี ได้แก่ ขาว ครีม เหลืองอ่อน และดำ ดังนั้น การจำหน่ายสินค้าไข่มุกในลักษณะนั้น อาจเข้าข่ายการสำแดงข้อมูลสินค้าไม่ครบถ้วน เช่น ชนิดของไข่มุก และประเภทของการปรับปรุงคุณภาพสี ซึ่งอาจส่งผลให้ผู้บริโภคเกิดความเข้าใจผิดได้
ทั้งนี้ GIT ขอให้ผู้บริโภคที่ต้องการซื้อไข่มุก ต้องซื้อจากร้านที่มีคุณภาพ มีมาตรฐาน และสินค้าต้องมีใบรับรอง เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว อาจจะถูกหลอกลวงได้ โดยปัจจุบัน GIT ได้ให้การรับรองร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการซื้อด้วยความมั่นใจ หรือ Buy With Confidence (BWC) ให้กับร้านค้าต่างๆ ไปแล้วกว่า 300 รายทั่วประเทศ หากต้องการซื้อไข่มุก หรือซื้ออัญมณีและเครื่องประดับ ก็สามารถสังเกตร้านค้าที่มีตราสัญลักษณ์ BWC เพราะซื้อสินค้าจากร้านนี้ มั่นใจได้ว่าเป็นของแท้ มีคุณภาพมาตรฐานถูกต้อง
อย่างไรก็ตาม ไข่มุก หรือมุก ถือว่าเป็นอัญมณีอินทรีย์ (Organic Gem) หรืออัญมณีที่ได้จากสิ่งมีชีวิต (Biogenic Gem Material) สามารถกำเนิดจากหอยชนิดต่างๆ ได้ทั้งน้ำจืดและน้ำเค็ม โดยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ ไข่มุกธรรมชาติ (Natural Pearl) คือ ไข่มุกที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ปัจจุบันหาได้ยากมาก เนื่องจากสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง ส่งผลให้ไข่มุกธรรมชาติมีมูลค่าที่สูงมาก และไข่มุกเลี้ยง (Cultured Pearl) คือ ไข่มุกที่เกิดจากกระบวนการเพาะเลี้ยงหอยมุกโดยฝีมือมนุษย์ ซึ่งไข่มุกส่วนมากในท้องตลาดปัจจุบันล้วนเป็นไข่มุกเลี้ยงทั้งสิ้น
โดยมุกเลี้ยงน้ำเค็ม (Saltwater Cultured Pearl) จะมีลักษณะค่อนข้างกลมและมีขนาดใหญ่ เนื่องจากมีนิวเคลียสเป็นแกนกลาง อีกทั้งมีสีและความวาวที่สวยงาม ซึ่งกระบวนการเลี้ยงไข่มุกน้ำเค็มนั้นค่อนข้างซับซ้อนและต้องใช้ความเชี่ยวชาญในการควบคุมสภาวะแวดล้อมให้เหมาะสมต่อการเพาะเลี้ยงหอยมุก โดยหอยมุกน้ำเค็มสามารถผลิตไข่มุกได้เพียงครั้งละ 1-2 เม็ดเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ไข่มุกเลี้ยงน้ำเค็มจึงมีมูลค่าที่สูง และเป็นที่นิยมอย่างมากในท้องตลาด ไข่มุกเลี้ยงน้ำเค็มที่สำคัญและมีชื่อเสียง ได้แก่ ไข่มุกอะโกย่า (Akoya Pearl), ไข่มุกเซ้าท์ซี (South Sea Pearl) และไข่มุกตาฮิติ (Tahitian Pearl) เป็นต้น . – สำนักข่าวไทย