ไทยเร่งหารือลาว เรื่อง อาหารทะเลไทย


นนทบุรี 13 ม.ค.-ไทยเร่งหารือ สปป.ลาว รุกสร้างความเชื่อมั่นในความปลอดภัยอาหารทะเลไทยทั้งสองฝ่ายเห็นชอบตั้งคณะทำงานร่วมสองฝ่ายหาแนวทางปรับแก้ประกาศการนำเข้าฯ


นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่าเมื่อวันที่ 12 มกราคม 2564 กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศได้เป็นเจ้าภาพจัดประชุมหารือร่วมกับรองปลัดกระทรวงสาธารณสุข และอธิบดีกรมควบคุมโรค สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ต่อกรณีที่ฝ่าย สปป.ลาว ออกประกาศห้ามการนำเข้าอาหารทะเล (สดและแช่แข็ง) ชั่วคราว ที่มาจากประเทศที่มีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ซึ่งมีผลบังคับใช้ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา โดยฝ่ายไทย ซึ่งประกอบด้วย กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงสาธารณสุข กรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการต่างประเทศ และหน่ายงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้เน้นย้ำยืนยันและรับรองความปลอดภัยของอาหารทะเลสดและแช่แข็งของไทย ร่วมถึงได้ชี้แจงถึงมาตรการกำกับดูแลของฝ่ายไทยที่มีความเข้มงวดมากยิ่งขึ้นในช่วงการแพร่ระบาด

นอกจากนี้ ในที่ประชุม นายวิชาญ อิงศรีสว่าง รองอธิบดีกรมประมง ได้ชี้แจงมาตรการสำคัญของฝ่ายไทยให้ฝ่าย สปป.ลาว เกิดความเชื่อมั่นว่าตลอดกระบวนการผลิตอาหารทะเลทั้งห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่ขั้นตอนการจับสัตว์น้ำโดยผู้จับสัตว์น้ำต้องปฏิบัติตามมาตรฐานสาธารณสุข และสุขอนามัยเรือ กระบวนการผลิต ไปถึงการขนส่งออกจากด่านที่มีการฉีดพ่นน้ำยาที่รถขนส่งทุกครั้งก่อนออกจากด่าน และการมีใบรับรองต่างๆ โดยล่าสุด กรมประมงได้กำหนดมาตรการเพิ่มเติมเฉพาะกิจในการป้องกันการปนเปื้อนไวรัสโควิด-19 ในสัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำ เพื่อส่งออกไปประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งจะรับรองการปฏิบัติตามมาตรฐานที่กำหนด

สำหรับผู้ประกอบการทั้งหมด 4 ประเภท ได้แก่ 1. ผู้ประกอบการตลาด Modern Trade  2. ผู้ประกอบการแพปลา สะพานปลา 3. ผู้ประกอบการฟาร์มเลี้ยงสัตว์น้ำ และ 4. ผู้ประกอบการเรือประมงพาณิชย์ อีกทั้ง สำหรับผู้ส่งออกอาหารของไทยจะมีใบรับรองผ่านการประเมินมาตรการปฏิบัติที่ดีตามมาตรการป้องกันไวรัสโควิด-19 ตามที่กรมประมงและสาธารณสุขกำหนดร่วมกัน ซึ่งเป็นการยืนยันและรับประกันถึงคุณภาพและความปลอดภัยสำหรับสินค้าอาหารส่งออกจากไทย และผู้แทนจากกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขของไทย ยังได้ยืนยันว่าจนถึงปัจจุบันยังไม่พบการติดต่อไวรัสโควิด-19 จากผลิตภัณฑ์อาหารหรือบรรจุภัณฑ์แต่อย่างใด ซึ่งเป็นข้อกังวลหลักของฝ่าย สปป. ลาว


อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้น ฝ่าย สปป.ลาว ยินดีที่ได้รับทราบข้อมูลจากฝ่ายไทย และเห็นชอบร่วมกันให้จัดตั้งคณะทำงานร่วมสองฝ่ายเพื่อหารือในเชิงลึกถึงรายละเอียด ตลอดจนแนวทางความเป็นไปได้ในการกำหนดแนวทางปฏิบัติสำหรับการส่งออกสินค้าดังกล่าวระหว่างกันเป็นเฉพาะ โดยอาจจัดทำในลักษณะความร่วมมือทวิภาคี เพื่อควบคุมดูแลให้เกิดความปลอดภัยตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทางคือผู้บริโภค ซึ่งกรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นหน่วยงานหลักฝ่ายไทย และกระทรวงสาธารณสุข เป็นหน่วยงานหลักฝ่ายลาว ก่อนจะสรุปนำเสนอคณะทำงานเฉพาะกิจฯ ของลาว พิจารณาปรับแก้/ยกเลิกประกาศห้ามนำเข้าดังกล่าวต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พ่อเลี้ยงล่วงละเมิด

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA ส่วนเด็กอาการดีขึ้น

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA เชื่อ แม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เชื่อผัวเพราะลูกเคยโกหก เผย ตอนแม่รู้ความจริงว่าใครทำลูกถึงกับร้องไห้โฮโผกอดลูก ส่วนเด็ก 10 ขวบอาการดีขึ้น แต่ต้องรักษาตัวอีกหลายสัปดาห์

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส กลับมาในรอบ 19 ปี

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส บอกคนนราธิวาสน่ารักเสมอ ต้อนรับอบอุ่นกับการกลับมาในรอบ 19 ปี ก่อนเดินทางต่อตามกำหนดเดิม แม้มีระเบิดที่สนามบิน

บึ้มรถกระบะ สนามบินนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่

บึ้มรถกระบะจอดใกล้กับหอบังคับการบิน ท่าอากาศยานนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่สนามบินบ้านทอน ในอีก 50 นาที ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

น้ำป่าหลากท่วม อ.ไทรโยค กลางดึก

ระทึกกลางดึก น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือนประชาชน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ถนนหลายเส้นถูกน้ำป่าพัดขาด จนท.เร่งอพยพประชาชนด้วยความยากลำบาก

Pope at Vatican on Feb 5, 2025 says have a strong cold

โป๊ปฟรันซิสพระอาการวิกฤต

วาติกัน 23 ก.พ.- พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรุดลงอยู่ในขั้นวิกฤตในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สำนักวาติกันออกแถลงการณ์ฉบับล่าสุดเมื่อวันเสาร์ว่า พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาทรุดลงในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และระบุเป็นครั้งแรกว่า พระอาการของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤตจากโรคระบบทางเดินหายใจคล้ายกับโรคหอบหืดในช่วงเช้าวันเสาร์ ทำให้ขณะนี้พระองค์จำเป็นต้องได้รับออกซิเจนเสริมและการถ่ายเลือด โดยรวมแล้วถือว่า พระอาการอยู่ในขั้นวิกฤตและยังไม่พ้นขีดอันตราย อย่างไรก็ดี พระองค์ยังทรงตื่นตัว และประทับนั่งบนเก้าอี้ตลอดวัน แม้ว่าทรงประชวรมากกว่าวันก่อนหน้านี้ก็ตาม พระสันตะปาปาฟรันซิส พระชนมายุ 88 พรรษา ทรงเข้ารับการถวายการรักษาที่โรงพยาบาลเจเมลลี ในกรุงโรม ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ หลังทรงมีพระอาการหายใจติดขัดต่อเนื่องหลายวัน และตรวจพบว่าปอดอักเสบทั้งสองข้าง ทรงร้องขอให้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับพระอาการของพระองค์อย่างตรงไปตรงมา สำนักวาติกันจึงออกแถลงการณ์ชี้แจงความคืบหน้าอาการประชวรของพระองค์ต่อเนื่องทุกวัน แต่แถลงการณ์ฉบับล่าสุดถือเป็นครั้งแรกที่มีเนื้อหาระบุชัดเจนว่า อาการประชวรของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤต ขณะที่แพทย์คาดการณ์ว่า พระองค์จะต้องประทับอยู่ในโรงพยาบาลอย่างน้อยตลอดสัปดาห์หน้า ภารกิจต่อสาธารณชนทั้งหมดของพระสันตะปาปาจึงถูกยกเลิกตลอดสัปดาห์ ทั้งพิธีมิสซาประจำวันอาทิตย์ รวมถึงการสวดภาวนาแองเจลัส (Angelus) ตามปกติทุกสัปดาห์ด้วย.-815(814).-สำนักข่าวไทย